ตอนที่ 1-4
เสียงปรบมือขึ้นจากด้านหลัง โคล์หันกลับไมอง ยิ้มมากที่สุดในรอบวันเมื่อผมเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่โคล์เชื่อว่าฌอนเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียวถึงภาพลักษณ์ของเขาจะถูกมองว่าเป็นคาสโนวาตัวพ่อ
ฌอนยิ้มแล้วมองภาพวาดของโคล์ “ผมว่าถ้าคุณโคล์ไม่ใช่ผู้บริหารโรงพยาบาลมากมายหลายแห่ง คงมีจิตกรชื่อโคล์ อิเมอร์สันที่มีผลงานก้องโลกไปแล้ว”
“ฌอน คุณก็เหมือนกันถ้าไม่ได้กุมบังเหียนสายการผลิตเบียร์ที่ดีที่สุดในโลกคุณก็คงเป็นแชมป์ดื่มเบียร์ผู้ครองสถิติโลกไปแล้วมั้ง”
ฌอนเปิดยิ้มกว้าง“นั่นคุณกำลังเยินยอผมใช่ไหมโคล์ ไม่แล้วล่ะ มาคิดอีกทีต้องดูแลสุขภาพมากหน่อย เดี๋ยวเจอเมียกับลูกขึ้นมาแล้วจะมีเวลาอยู่กับพวกเขาน้อย แต่พอได้ทราบข่าวดีจากคุณ ก็คิดว่าอนาคตอาจจะเลิกดื่มเพื่อลูก แต่คงจะเลิกขายไม่ได้มันเป็นอาชีพของผม แต่ข้างกระป๋องเราก็ออกคำเตือนผู้บริโภคไว้แล้ว แต่ตอนนี้ผมอยากได้สิ่งที่คุณนำมันกลับมา”
โคล์มองหน้าฌอนอย่างเข้าใจเพราะเขากับฌอนมีปัญหาเรื่องเดียวกันคือเมียหอบลูกหนีไปดวงตาคู่คมนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองไปที่นิตยาสารซึ่งวางเตรียมเอาไว้แล้วหยิบขึ้นมาส่งให้ฌอน
“ของขวัญจากเมืองไทยขอให้นายโชคดี เจอพวกเขาเร็วๆ”
สายตาของฌอน ฮาร์ดีสว่างไสววาบขึ้นในพริบตามองของขวัญจากเพื่อนราวกับว่ามันคือสิ่งล้ำค่าที่เขาตามหามาตลอดชีวิต ในสายตาโคล์ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมาก เขาตามหาความรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ฌอนเลือกจะทำ
ฌอนมาที่นี่เพื่อรับฟังข่าวดีด้วยตัวเองและรับเบาะแสชิ้นเดียวที่โคล์นำมาฝาก ทั้งที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนร่างสูงในชุดสูทเรียบหรูสีเทาเข้มที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของโคล์ยังอยู่ที่ในเทศกาลงานเบียร์สดที่เม็กซิโกซึ่งเขาถูกเชิญไปเป็นประธานในการเปิดงาน แต่ได้ข่าวดีจากโคล์ อิเมอร์สันที่เพิ่งเดินทางกลับจากเมืองไทยว่าก่อนจะกลับมาเขาเจอนิตยสารท่องเทียวเล่มหนึ่งซึ่งภายในเล่มมีบทสัมภาษณ์ร้านอาหารเล็กๆ ชื่อร้านความฝัน เจ้าของร้านมีหน้าตาเหมือนรูปที่ฌอนเคยฝากเขากระจายไปตามโรงพยาบาลทุกแห่งในเมืองไทยที่โคล์เป็นเจ้าของ เพราะเกรงว่าที่เขาตามหาเมียไม่เจอมาตลอดหลายปีบางทีเธออาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาลไหนสักแห่งก็ได้ หากแก้วมุกดาหายตัวไปเพราะมีชะตากรรมแบบนั้นเขาก็ยินดีรับตัวเธอมาดูแลเหมือนเดิม เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิเศษของเขา
สายตาเปี่ยมไปด้วยความหวังมองนิตยสารในมือแล้วมองโคล์อีกครั้ง “ขอบคุณนะโคล์สำหรับของขวัญชิ้นเยี่ยมผมจะให้คนของผมรีบไปสืบต่อ และขอให้คุณโชคดีเช่นกัน”
ถัดจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ขายาวก้าวอย่างเร่งรีบเพื่อขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แน่นอนว่าเวลาของ ‘ฌอน ฮาร์ดี’ เป็นเงินเป็นทองมหาศาล เขายอมควักกระเป๋าจ่ายค่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวก็เพื่อจะได้ไม่ต้องเอาเวลาไปทิ้งที่เคาน์เตอร์เช็กอินในเทอร์มินัล ไม่ต้องเสียเวลารอโหลดกระเป๋าแล้วเข้าคิวตามขั้นตอน
เมื่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เบาะหนังแท้สุดหรูที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อซีอีโอหนุ่มซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นคิงส์ออฟเดอะเบียร์ แผ่นหลังของเขาเหยียดเกร็งขึ้น ในขณะที่มือหนายกขึ้นปฏิเสธเครื่องดื่มราคาแพงเย็นเจี๊ยบจากพนักงานต้อนรับสาวสวยในชุดยูนิฟอร์มสีฟ้าสดใส ที่ยื่นมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานไม่ต่างกับสีริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกเอาไว้
“ไม่ต้อง ผมดื่มมันมาพอแล้ว” เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ การเดินทางไปประเทศไทยครั้งนี้ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเข้าเทกโอเวอร์บริษัทคู่แข่งเสียอีก
ฌอนเป็นลูกชายคนโตของมหาเศรษฐีตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับสองของอเมริกา ตระกูลฮาร์ดีมีประวัติอย่างยาวนานเพราะเป็นผู้บุกเบิกตลาดเบียร์รายแรกจนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่ง ฌอนยังกุมบังเหียนธุรกิจเบียร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของตระกูลฮาร์ดีไว้ทั้งหมด ส่วนน้องชายของเขาเลือกที่จะดูแลธุรกิจโรงแรมและเวลานี้หันไปจับธุรกิจในเมืองไทยเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ซึ่งเขาเองได้ลงทุนและเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ในบริษัทของน้องชาย
ในปีที่ผ่านมา ฌอนใช้ความสามารถในการบริหารงานของเขาเข้าซื้อกิจการของบริษัทคู่แข่งด้วยเม็ดเงินราวๆ สามหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และอีกไม่นาน เขาจะทำให้เม็ดเงินที่เสียไปกลายกลับมาเป็นผลกำไรอย่างมหาศาล
เวลานี้ คนที่มักถูกครอบครัวกล่าวหาว่าบ้างาน กลับไม่ได้มีเรื่องงานภายในหัวแม้แต่น้อย ทั้งหัวสมองและหัวใจกำลังจดจ่ออยู่กับเรื่องส่วนตัว หลังจากได้ยินสตีฟรายงานมาว่า ลูกน้องของมันได้ภาพลูกสาวและเมียคืนเดียวของเขาแล้ว ฌอนก็แทบจะอดใจรอดูความน่ารักของสองคนแม่ลูกไม่ไหว
คืนเดียวที่เขาฝังร่างลงไปในกายของสาวน้อยบริสุทธิ์คนหนึ่งกลับก่อให้เกิดสิ่งอัศจรรย์เป็นทายาทตัวน้อยของตระกูลฮาร์ดี เขาตามหาพวกเธอมานานหลายปี แต่ไม่รู้ว่าเธออุ้มลูกน้อยของเขาหนีไปซ่อนอยู่ส่วนไหนของโลก แม้แต่นักสืบเอกชนฝีมือดีก็ไม่ได้ข่าวของพวกเธอ แต่เวลาจะเจอกลับเจออย่างง่ายดายกามเทพคงอภัยให้เขาแล้ว รอยยิ้มกว้างอย่างวายร้ายเจ้าแผนการปรากฏขึ้น
“คราวนี้ แด๊ดเจอหนูกับหม่ามี้แล้ว แด๊ดจะไม่ให้เดซี่หนีหายไปอีกแล้วนะครับ”
เลขาฯ ส่วนตัวผู้พ่วงตำแหน่งบอดีการ์ดอย่างสตีฟ รีบส่งภาพคุณหนูเดซี่สายเลือดคนใหม่ของตระกูลฮาร์ดีผ่านแอปพลิเคชั่นไปยังสมาร์ตโฟนสุดหรูของคนเห่อลูก เพียงไม่ถึงอึดใจ ฌอนก็ใช้นิ้วเลื่อนดูความน่ารักของเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไปพลางๆ
คนที่นั่งหลังตรง ท่วงท่าสง่าผ่าเผยกำลังคิดว่าแม้แต่เครื่องบินเจ็ตรุ่นล่าสุดยังเดินทางช้าเกินไป เพราะหัวใจเขาโบยบินไปหาแม่หนูเดซี่กับหม่ามี้ของเธอนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าแม่ของหนูน้อยจะคิดตรงกันกับเขาหรือเปล่า
ชายหนุ่มมองจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ ดวงตาสดใสบริสุทธิ์ คิ้วคางมนของแม่หนูเดซี่ช่างเหมือนเขามากจริงๆ ริมฝีปากก็ใช่ จะว่าไป ขนาดติ่งหูก็ยังเหมือน เดซี่คือเขาที่ถูกจับย่อส่วน นิ้วแกร่งเลื่อนไล้ไปบนหน้าจอทัชสกรีนได้อีกไม่เท่าไหร่ก็พานทำให้คนกำลังอินหงุดหงิดขึ้นทันทีเมื่อภาพความน่ารักหมดลงแล้ว ทั้งที่ปกติแล้ว ฌอนไม่เคยทนนั่งดูภาพมนุษย์คนไหนได้นานขนาดนี้ สิ่งที่เขาจะใช้สายตาดูได้อย่างยาวนานมากที่สุดคือตัวเลขของผลกำไรในแต่ละไตรมาส
คิ้วหนาที่พาดเฉียง ดวงตาคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยอารมณ์ไม่ได้ดั่งใจ ใบหน้าหล่อคมมองหน้าสตีฟ เขาอยากดูความน่ารักของเดซี่อีก ร้อยภาพ พันภาพ เขาก็ดูได้ไม่มีวันเบื่อ
“ได้รูปถ่ายของพวกเขาสองคนแม่ลูกมาแค่นี้เองเหรอ”
บอดีการ์ดหนุ่มรับรู้ถึงอาการไม่พอใจนั้น “ครับคุณฌอน คุณหนูกับแม่ของเธอมักจะอยู่แต่ภายในร้านอาหารและที่บ้าน ไม่ค่อยออกมาข้างนอกบ่อยนัก”
“น่าสงสารแม่หนูน้อยของแด๊ด แม่ของหนูคงจะเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเดซี่เคยเข้าสวนสนุกบ้างไหม สตีฟ คอยดูสิ พวกเขายอมรับฉันเมื่อไหร่ ฉันจะสร้างสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นจากทุกมุมโลกให้เดซี่เป็นการชดเชย
สตีฟยิ้มไม่ออก “แล้วถ้าพวกเขาไม่ยอมรับคุณฌอนล่ะครับ จากประวัติที่เราได้มา คุณแก้วมุกดาไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงินเสียด้วย แล้วยังรักลูกมาก เธอยังสาวยังสวยหายไปอยู่บนดอยมาหลายปีจนพวกเราหาเธอไม่เจอ แต่กลับไม่ยอมหาพ่อใหม่ให้ลูก”
ฌอนละสายตาจากดวงหน้าจิ้มลิ้มของเดซี่ที่ตั้งเอาไว้เป็นหน้าจอมือถือ แล้วจ้องเขม็งไปที่บอดีการ์ดคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวซึ่งมีอายุน้อยกว่าเขาสองปีอย่างไม่พอใจ
“ฉันเคยบอกแกหรือยังสตีฟ ว่าแกปากเสีย”
ใบหน้าหล่อคมเข้มอย่างคนอเมริกันของฌอนก้มลงไปมองภาพหน้าจอมือถือแล้วกดเปลี่ยนเป็นภาพถ่ายแม่คู่กับลูก คนที่เคยเป็นเมียของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมีใบหน้าสวย ริมฝีปากแดงน่าจุมพิต เขายังจำคืนนั้นได้ที่ริมฝีปากหยักร้อนกดแนบริมฝีปากอิ่มแล้วบดเบียดอย่างไม่ปรานีปราศรัย ก่อนจะเข้าไปฉกชิมในโพรงปากหวานละมุน รุกไล้ไล่บี้กับเธอตลอดทั้งคืน
ช่างบัดซบสิ้นดี วันนั้นเขาออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องการซื้อขายกิจการของคู่แข่งไม่นาน พอกลับมาที่ห้อง เธอก็หายไปแล้ว เหลือแต่แพนตี้ที่คงไม่ได้ทิ้งเอาไว้ให้ดูเขาต่างหน้า แต่เมันถูกโยนเอาไว้ในถังขยะภายในห้องน้ำ เพราะสภาพที่ถูกฉีกขาดด้านข้างทำให้เธอสวมกลับไปไม่ได้ นึกแล้วก็โกรธตัวเองที่มือหนักไปหน่อย เขาทำแบบนั้นกับครั้งแรกของเธอได้อย่างไรกัน
‘เป็นเพราะ...’
ด้วยความขุ่นเคืองและส่วนหนึ่งโทษว่าเป็นความผิดของเขาเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้เจอเธอ ร่างองอาจที่มีแผงอกกำยำทิ้งตัวลงไปที่พนักพิงแล้วมองหน้าไอ้คนปากเสียเมื่อครู่นี้
“สตีฟ แล้วถ้าลูกสาวกับแม่ของเขาไม่ยอมรับฉัน” ฌอนถอนหายใจยาว “ แต่ยังไง ฉันก็ต้องไปแสดงตัว บอกให้เขารู้ว่าเดซี่เป็นผลผลิตในคืนนั้นซึ่งฉันเป็นคนช่วยเธอสร้างแกขึ้นมา”
สตีฟ ลูกน้องมือดีและหน้าตาดีเป็นรองแค่เจ้านายแอบถอนใจ งานนี้เห็นทีจะไม่ง่าย
“คุณฌอนเคยได้ยินคนไทยเขาพูดไหมครับ ไม่เข้าถ้ำเสือหรือจะได้ลูกเสือ ถ้าเจ้านายอยากได้ลูกสาวกลับเข้าตระกูล ก็ต้องเจรจากับแม่เสือให้ได้ แต่แม่เสือเลี้ยงเดี่ยวเขาว่าดุ”
จากการที่ให้ลูกน้องไปสืบมาหลังจากรู้แหล่งที่อยู่ของสองแม่ลูกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีผู้ชายหลายรายเข้ามาจีบคุณแก้วมุกดา แต่ก็ต้องถอยทัพออกไปเพราะฤทธิ์ของแม่และลูก ได้ยินว่าลูกสาวหวงแม่มาก แม่ก็ไม่ยอมมีพ่อใหม่เพราะกลัวพ่อเลี้ยงจะรังแกลูก
เจ้าพ่อแห่งวงการเบียร์โลกหุบยิ้ม ดวงตาเข้มขึ้น
“แต่คนอย่างฌอน แกจำไว้เลย ถ้าลองได้เข้าถ้ำเสือแล้วจะต้องได้ลูกเสือออกมา ส่วนแม่เสือนั่นเหรอ ฉันต้องหาทางเอากลับไปด้วยอยู่แล้ว” นิ้วแกร่งไล้ไปบนภาพแม่หอมแก้มลูกบนหน้าจอทัชสกรีนพร้อมรอยยิ้มที่ปกปิดไม่อยู่
“แกว่าลูกสาวฉันหน้าเหมือนฉันหรือเมียฉันวะ”
สตีฟยิ้มแปลกๆ เจ้านายเรียกแม่ของคุณหนูเดซี่เสียเต็มปากเต็มคำ ส่วนแม่ของหนูเดซี่ไม่รู้จะเรียกพ่อของลูกว่าอะไร
