องค์หญิงจิ่นซี 1.2
ชาหลงจิ่งเป็นชาราคาแพงที่จะนิยมดื่มกันในวันที่พิเศษ ส่วนมากแล้วจะมีดื่มกันเฉพาะในวัง หรือไม่ก็จวนขุนนางระดับสูงเท่านั้น วันนี้หวงกุ้ยเฟยคิดว่าเป็นวันดี วันมงคล จึงเลือกเป็นชาหลงจิ่งมาดื่มให้สบายอารมณ์สักหน่อย
“เพคะพระสนม” เยี่ยหงรับคำ จากนั้นจึงเริ่มต้นชงชา
กลิ่นชาหอมโชยมาถึงโต๊ะที่หวงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ เยี่ยหงถือกาน้ำชาร้อน ๆ มาวางลงแล้วรินส่งให้กับนาง
“แล้วบุตรของฮองเฮาเล่า เป็นหญิงหรือชาย” หวงกุ้ยเฟยถามแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ
“เป็นองค์หญิงเพคะ ตอนนี้ทราบข่าวว่าอยู่ที่ตำหนักอวิ๋นผิง” เยี่ยหงเอ่ยตอบตามข่าวที่ได้รับมาจากนางกำนัลคนอื่นๆ
เมื่อทราบว่าตอนนี้องค์หญิงอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาก็แปลกใจ ปกติแล้วสมควรจะอยู่ที่ตำหนักอื่นที่เป็นการส่วนตัวมิใช่หรือถึงแม้ว่าจะไม่มีฮองเฮาแล้ว แต่อย่างน้อยฮ่องเต้ก็ควรต้องจัดหาคนมาดูแลนาง
“เหตุใดจึงไปอยู่ที่ตำหนักอวิ๋นผิงได้เล่า” คิดแล้วก็แปลกใจจึงได้ถามออกไป
เยี่ยหงขยับเข้ามาใกล้หวงกุ้ยเฟยเล็กน้อย ก่อนจะเล่าอย่างกระซิบกระซาบ เพราะเกรงว่าจะไปเข้าหูผู้อื่น “หม่อมฉันทราบจากนางกำนัลตำหนักเยี่ยนฟางมาว่า ฝ่าบาททรงเสียพระทัยมากที่ฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์ ยิ่งพระนางสิ้นพระชนม์ตอนคลอดบุตร ก็เลยทำให้ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดองค์หญิงเพคะ จึงไม่ได้ตรัสว่าจะให้จัดการเรื่ององค์หญิงอย่างไร ไทเฮาก็เลยรับองค์หญิงไปไว้ที่ตำหนักก่อนเพคะ”
หวงกุ้ยเฟยฟังแล้วก็ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ไม่มีเรื่องไหนทำให้นางมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว ฮองเฮาสิ้นพระชนม์สำหรับนางถือเป็นเรื่องดี บุตรที่เกิดจากฮองเฮาก็เป็นองค์หญิง ทั้งยังเป็นองค์หญิงที่ฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดอีก นี่สวรรค์เข้าข้างนางชัด ๆ ดังนั้นหากว่านางตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ก็ย่อมได้รับการโปรดปรานมากกว่าองค์หญิงน้อยผู้นี้อยู่แล้ว
มือข้างหนึ่งยกชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นพร้อมส่งสายตาที่มาดร้ายออกไปยังเบื้องหน้าที่ปราศจากผู้คน หวงกุ้ยเฟยแค่นเสียงเอ่ย ‘หึ’ออกมาคำหนึ่ง
ไทเฮาตอนที่อยู่หน้าตำหนักเยี่ยนฟาง เมื่อทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาจากหมอหลวงแล้วก็แทบล้มทั้งยืน แม้ว่าฮองเฮาจะไม่ใช่ญาติฝ่ายใดของนาง แต่หลายปีมานี้ ฮองเฮาก็ปรนนิบัติกตัญญูนางอย่างดี หนำซ้ำยังจัดการเรื่องภายในได้อย่างเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นฮองเฮาที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติโดยแท้ เสียก็แต่ไม่อาจมีบุตรชายให้กับฮ่องเต้เสียที ยามนี้พอมีบุตรได้แล้ว แม่ลูกยังไม่ทันได้พบหน้า นางก็ด่วนจากไปเสียก่อนอีก คิดแล้วอดสงสารทั้งแม่ทั้งลูกไม่ได้
และยิ่งพอมารู้ว่าฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดบุตรของตนคนนี้ ไทเฮาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงได้เพียงแต่รับนางมาดูแลก่อนในคืนนี้ พรุ่งนี้จึงจะจัดการมอบตำหนักท้ายวังให้ แล้วส่งคนไปดูแลนาง รอให้ฮ่องเต้พระทัยเย็นก่อน แล้วค่อยเรียกตัวนางกลับมา
ไทเฮาทรงอุ้มองค์หญิงน้อยไว้ในอ้อมอก ก้มพระพักตร์ลงไปแล้วกล่าวด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนโยนว่า “ย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่าจิ่นซีดีหรือไม่ นามนี้ไพเราะเหมาะกับเจ้าแล้ว”
เสียงอ้อแอ้ดังออกมาจากปากของทารกน้อย ราวกับว่านางเข้าใจความหมายของชื่อตนเองอย่างไรอย่างนั้น
