บทที่ 3 ปรนนิบัติ1/3
บทที่ 3 ปรนนิบัติ1/3
“กระหม่อมเกรงว่าจะไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ” หมิงซีคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น เขาก้มหน้าต่ำไม่มองไปยังคนที่เรียกเขามาพบ ด้วยท่าทางของนางที่ดูยั่วยวนเกินไป เขาจึงเลี่ยงที่จะไม่มอง
“ในวังหลวงแห่งนี้ อะไรที่ข้าว่าเหมาะสมก็เหมาะสม ยิ่งเป็นตำหนักของข้า ทุกคนต่างก็ยิ่งหูหนวกตาบอด” นางยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินไปปิดประตูด้วยตัวเอง แล้วกลับมานั่งที่เดิม
“องค์หญิงเรียกกระหม่อมมาในเวลาเช่นนี้ ทรงมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ” หมิงซียังเอ่ยถามขึ้นทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“เงยหน้าขึ้น แล้วมานี่สิ มาใกล้ๆ ข้า” นางออกคำสั่งพร้อมกับกระดิกนิ้วเรียวเรียกเขา
หมิงซีทำเพียงเงยหน้าขึ้น แต่กลับนั่งนิ่งไม่ไหวติง
“เจ้าเป็นก้อนหินรึยังไง ข้าเจอแต่คนวิ่งเข้าหาข้าแทบไม่ทัน เจ้ากำลังทำให้ข้าเสียความมั่นใจอยู่นะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบคาดเดาความนึกคิดได้ยาก
“กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ” หมิงซีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเดียวกัน
“งั้นเจ้าก็มานี่ มารินเหล้าให้ข้าที” นางสั่งพร้อมกับกระดิกนิ้วเรียกอีกครั้ง
ด้านหมิงซีไม่ตอบ เขาได้เพียงถอนหายใจออกมา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ นาง หยิบสุราที่วางอยู่รินใส่จอกส่งให้นางด้วยท่าทางที่ใครมองก็รู้ว่าเขาไม่เต็มใจทำสักนิด
“ฮ่าๆ เจ้าช่าง แตกต่างไปจากคนอื่นจริงๆ แต่ข้าก็ชอบนะที่เจ้าทำแบบนี้ แปลกใหม่สำหรับข้าดี คืนนี้เจ้าอยู่ปรนเปรอข้าก็แล้วกัน” นางเห็นท่าทางของหมิงซีก็หัวเราะพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่อายปาก ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับนางที่เรียกหาทหารมาปรนนิบัติในยามค่ำคืนเช่นนี้
หมิงซีเหลือบตาคมมองนาง ขาเรียวสวยของนางยกไขว้กันอยู่บนเตียงไม่พอ เสื้อที่เปิดหัวไหล่ของนางอีก ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นเชื้อพระวงศ์องค์ใดที่เป็นเช่นนาง ยิ่งสูงศักดิ์ยิ่งต้องสงวนท่าทีมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงได้ผิดแปลกไปเช่นนี้กันนะ
“มองขนาดนี้เจ้าจะรออะไรเล่า มานี่” หนิงฮวาเอ่ยขึ้นพร้อมกับโน้มตัวมาดึงชายตรงหน้าตอนที่เขาไม่ได้ตั้งตัวให้ลุกขึ้นแล้วล้มลงนอนแผ่หลาบนเตียงของนาง
จากนั้นร่างบางของนางก็ขึ้นไปทาบทับบนตัวเขา ในสายตานางนอกจากความหล่อเหลาที่ชวนมองนี้ นางยังสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจากตัวเขา บางอย่างที่นางจะต้องค้นหาให้พบ
“องค์หญิง” หมิงซีเรียกนางด้วยอาการตกใจ เขาแทบจะกระดิกตัวไม่ได้ เพราะนางใช้แรงมากกว่าที่เขาคิด สองมือของนางจับใบหน้าของเขาพลิกไปมาและจ้องมองอยู่นาน ก่อนจะทำสิ่งที่เขาต้องตกใจมากกว่าเดิม
นางดึงเสื้อของเขาออกจากกัน กล้ามอกเป็นมัดๆ ของเขาถูกมือนางจับลูบไล้เป็นว่าเล่น ทั้งสายตาแทะโลมของนางอีก
“เจ้าทำให้ข้ารู้สึกดีจริงๆ”
หมิงซีแทบจะกลั้นหายใจเมื่อนางกระซิบที่ข้างใบหู เขาพยายามอดทนอดกลั้นห้ามตัวเองไม่ให้ผลักนางออกอย่างยากลำบาก ไม่เช่นนั้นนางคงโดนเขาจับโยนลงจากเตียงไปแล้ว และเขาก็คงไม่พ้นโดนตัดหัว
“กระหม่อม คิดว่าการกระทำเช่นนี้ไม่สมควรนะพ่ะย่ะค่ะ ทรงปล่อยกระหม่อมก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” หมิงซีพยายามบังคับเสียงตนเองไม่ให้สั่นแล้วพูดออกไปอย่างนิ่งสงบ
“ก็ใช้ได้อยู่นะนี่เจ้าน่ะ ข้าแค่หยอกล้อเจ้าเล่นก็เท่านั้น” นางเอ่ยพลางลุกขึ้นออกจากตัวเขาแล้วจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ ปกปิดทุกจุดอย่างเรียบร้อย
หมิงซีแทบจะดีดตัวลงจากเตียงของนางและจัดการเสื้อผ้าของตัวเองอย่างไว นางช่างร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้นัก
“คืนนี้ให้เจ้าอยู่ในนี้จนเช้า จำไว้ว่าคืนนี้เจ้าอยู่ปรนนิบัติข้าทั้งคืน จนข้าพอใจเจ้ามาก เมื่อมีนางกำนัลเข้ามาเจ้าค่อยออกไป” เอ่ยจบหนิงฮวาก็เอาม่านที่ติดเตียงปิดลง นางเข้าไปด้านใน และนอนลงเหมือนกับเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หมิงซีหายใจแรงๆ แล้วเดินไปที่ประตู เขานั่งลงพิงข้างประตู สายตาคมมองผ่านม่านบางๆ เข้าไป เขาครุ่นคิดเท่าใดก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อสร้างข่าวลือเสียหายให้ตนเองเช่นนั้นหรือ แล้วทำไปด้วยเหตุใดกัน
ตำหนักไฉ่หง
สตรีสูงศักดิ์แต่งกายด้วยชุดสีขาวตลอดทั้งตัว นางนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะแม้จะเป็นเวลาดึกดื่นแล้วก็ตาม
“พระสนมเพคะ องค์หญิงทรงให้ทหารเข้าพบอีกแล้วเพคะ จนตอนนี้ก็ยังไม่ออกจากห้องบรรทมเพคะ” นางกำนัลวัยกลางคนรายงานพระสนมของอดีตฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ
“นางช่างเอาใหญ่เสียแล้ว คิดว่าตนเองบงการฮ่องเต้ได้ เลยจะทำตัวเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ วันพรุ่งนี้เจ้าไปพาทหารคนนั้นมาพบข้า ครั้งนี้ข้าอยากจะรู้นักว่านางจะเอาตัวรอดยังไง” นางสนมของอดีตฮ่องเต้องค์เก่าเอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ เหมือนกับท่าทีเกรี้ยวกราดของนาง
