บทที่ 2 ถูกตาต้องใจ1/2
บทที่ 2 ถูกตาต้องใจ1/2
หมิงซีนั่งลงตามคำสั่งแต่โดยดี แต่ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากริมฝีปากบางของนาง เขาจึงเป็นฝ่ายถามว่า
“ทรงเรียกพบกระหม่อมด้วยเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
และคำถามของเขาเรียกความสนใจของนางได้เป็นอย่างดี นางเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาและฝีมือที่แตกต่างจากทหารทั่วไป ยังมีบางอย่างที่นางรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่แค่ทหารธรรมดาๆ แต่มีอะไรที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากเลยทีเดียว
“เจ้า น่าสนใจจริงๆ สนใจมาเป็นทหารข้างกายของข้ารึไม่” นางพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่านางพิศวาสอะไรในตัวเขา แต่เขาน่าสงสัยจนนางไม่อยากปล่อยให้วิ่งเล่นในค่ายทหารของนางมากไปกว่านี้
ดูจากการต่อสู้ของเขา นางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก ทั้งยังมีรอยแผลเป็นเต็มตัวเช่นนี้ หากเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ คงมีเรื่องไปทั่วกระมัง จึงได้มีแผลเต็มตัวเช่นนี้
“กระหม่อมเป็นเพียงทหารใหม่ คงไม่คู่ควรพ่ะย่ะค่ะ” หมิงซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“คู่ควรรึไม่นั้น ข้าเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่เจ้า” นางเดินมานั่งบนตักหมิงซีแล้วเอ่ยขึ้นชิดใบหูของเขาอย่างกับเป็นเรื่องที่ทำปกติ
แต่สำหรับหมิงซีนี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาคุ้นเคยนัก เขาถึงกับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “องค์หญิง”
“หึๆ น่าสนใจๆ ข้าชักจะชอบเจ้าแล้วสิ” นางใช้นิ้วเรียวไล่ไปตามบนแผงอกกว้างและทำร่องรอยไว้หลายตำแหน่ง
จนหมิงซีอดไม่ได้ต้องดึงมือนางออก “องค์หญิง”
“เอาละ ใช้เวลามากพอแล้ว เจ้าออกไปเถอะ แล้วก็ทิ้งเสื้อเจ้าไว้ที่นี่แหละ ไปได้” นางเอ่ยจบก็ลุกขึ้นจากตักเขา ท่าทางของนางช่างยั่วยวนเสียจริง
“เหตุใดพระองค์” หมิงซีถามไม่จบประโยค เขาก็ต้องหยุด เมื่อนางยกมือขึ้นห้าม
“ก็แค่สร้างข่าวลือ” นางไม่รอให้เขาพูดจบ ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงเฉลยให้เขารับรู้ว่านางกำลังจะทำอะไร
“เช่นนั้นกระหม่อม ควรทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” หมิงซีเริ่มเข้าใจสถานการณ์
“เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ ข้าถูกใจยิ่งนัก เจ้าแค่เดินออกไปด้วยสภาพไม่สวมใส่เสื้อ ปากคนก็จะทำงานแล้ว เจ้าตามข้ากลับวังหลวงก็แล้วกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
เดิมทีนางก็มีข่าวลือเสียๆ หายๆ มากอยู่แล้ว เสียหายอีกหน่อยจะเป็นอะไรไป
“พ่ะย่ะค่ะ” หมิงซีคำนับแล้วเดินถอยหลังออกจากกระโจมในสภาพที่ไร้เสื้อและมีร่องรอยเล็บอยู่เต็มหน้าอก
ทันทีที่ออกนอกกระโจม สายตาทหารในค่ายที่มองหมิงซีมีหลากหลายความหมาย หลี่เหว่ยที่อยู่ด้านนอกโยนเสื้อให้เขาราวกับรู้อยู่แล้ว หมิงซีรับเสื้อมาสวมในทันที
“หุบปากของเจ้าให้สนิท แล้วตามข้ากับองค์หญิงเข้าวัง ดูเจ้ามีฝีมือดี ใครฝึกให้เจ้ารึ” หลี่เหว่ยหยั่งเชิงถาม หากเทียบกันแล้วหลี่เหว่ยและบุรุษผู้นี้คงจะอายุมากกว่าหลี่เหว่ยเป็นแน่
ด้านหมิงซีจึงทำได้เพียงตอบเลี่ยงไป “พ่อข้าเป็นทหารฝึกจึงข้ามาตั้งแต่เด็ก”
“ตอนนี้พ่อเจ้าอยู่ที่ใด” หลี่เหว่ยได้ฟังก็ขมวดคิ้วถาม
“เขาตายไปแล้ว” หมิงซีตอบเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“ดูเจ้าไม่เต็มใจตอบคำถามข้า แต่ก็ช่างเถอะ เจ้าไปเตรียมตัว ถึงเวลาข้าจะให้คนไปตาม” หลี่เหว่ยยิ้มมุมปาก
“อืม” หมิงซีพยักหน้า แล้วเดินแยกไปอีกทาง ตรงไปยังที่พักทหารใหม่ในกระโจม ที่มีทหารใหม่พักรวมกัน
หลายวันมานี่เขาได้รับการทดสอบมากมาย ไม่แปลกใจที่ทหารของแคว้นเหลียงจะสามารถต่อกรกับทหารของเขาได้ เพราะทุกคนมีฝีมือไม่น้อยเลยทีเดียว
“นี่เจ้า ไปเข้าเฝ้าองค์หญิงมาเป็นอย่างไร” ทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างเขา ถามด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
“ก็ดี” หมิงซีตอบเพียงสั้นๆ
“เจ้าโชคดีมากรู้รึไม่” ทหารคนนั้นตบไหล่หมิงซีอย่างยินดีด้วย
“โชคดี” หมิงซีทำหน้าสงสัยและถามกลับไป
“ก็ใช่น่ะสิ ใครๆ ก็รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ทรงโปรดทหารหน้าตาดีๆ หากได้รับใช้พระองค์นะ ก็จะมีตำแหน่งดีๆ ทุกคน เพราะพระองค์นอกจากจะมีอำนาจควบคุมทหารแล้ว ยังสามารถออกคำสั่งในวังหลวงได้อีกด้วย หากพระองค์ถูกใจเจ้ารับรองว่าเจ้าจะต้องได้ตำแหน่งดีๆ แน่นอน”
‘นี่น่าดีใจตรงไหนกัน ใครอยากได้ตำแหน่งดีๆ ด้วยวิธีแบบนั้นกัน’ หมิงซีได้แต่คิดในใจ เขาเป็นถึงแม่ทัพแคว้นซีฮันกว่าจะมีทุกวันนี้ เขาทุ่มเทด้วยแรงกายต่อสู้กับข้าศึกไปไม่น้อย แค่ถูกใจองค์หญิงก็จะได้ตำแหน่งมันน่าภูมิใจตรงไหน
“เอาเถอะ เจ้านี่มาไม่กี่วันก็ได้พบองค์หญิงถือว่าเป็นโชคดีของเจ้าแล้ว ต่อไปก็ทำตัวดีๆ ล่ะ ได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมพวกเราแล้วกัน” ทหารทุกคนต่างพากันฝากเนื้อฝากตัวกับหมิงซี
หมิงซีไม่ได้ตอบอะไร มีหลายอย่างที่ผิดพลาดไปจากที่เขาคิดเอาไว้ เดิมทีเขาอยากตามหาสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในแคว้นเหลียง แต่ในเวลานี้คงยากเสียแล้ว
