บทที่ 1 เมื่อครั้งพบพาน 1/3
บทที่ 1 เมื่อครั้งพบพาน 1/3
แคว้นเหลียง
เวลานี้หนิงฮวาควบม้าพาฮ่องเต้ออกนอกวังหลวง ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดชาวบ้านธรรมดา โดยมีองครักษ์ยอดฝีมือติดตามเพียงไม่กี่นาย ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ มากมาย
นางเลือกจะพาน้องชายผ่านเส้นทางที่ได้พบเห็นความเป็นอยู่ของประชาชน แคว้นเหลียงเป็นแคว้นขนาดกลาง อาณาเขตติดกับแคว้นซีฮันและแคว้นหลิว แคว้นเหลียงขึ้นชื่อเรื่องการเพาะปลูก นั่นจึงทำให้ทหารที่ออกรบไม่ขาดแคลนเสบียง ทำให้มีพละกำลังในการต่อสู้กับข้าศึก
“พี่หญิง พวกเราจะไปที่ใดกัน” หลงหยางที่นั่งอยู่บนหลังม้าที่วิ่งเหยาะๆ ตามม้าของพี่หญิงใหญ่มาสักพักแล้วก็ตะโกนถามขึ้นมา
“หลงเอ๋อร์ แม้เจ้าอายุยังน้อย แต่รู้เรื่องทางทหารไว้แต่เนิ่นๆ ก็จะดี พี่จะพาเจ้าไปดูค่ายฝึก อีกหน่อยพวกเขาจะรับคำสั่งโดยตรงจากเจ้า เจ้าต้องไปเรียนรู้ไว้ให้มาก” หนิงฮวา กระตุกเชือกให้ม้าหยุดวิ่ง เพื่อรอน้องชาย เมื่อม้ามาอยู่ข้างกันจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เหตุใดจึงมีแค่พี่หญิงที่คอยดูแลข้า” หลงหยางถามอย่างซึ้งใจในตัวพี่หญิงใหญ่ของตน
“เพราะพระบิดาฝากฝังเจ้าให้ข้าดูแลอย่างไรเล่า เจ้าจงจำไว้ พี่คนนี้จะไม่ทิ้งให้เจ้าแบกรับภาระนี้คนเดียวแน่ อย่ากลัวไปเลยนะ” องค์หญิงหันไปยิ้มให้กับน้องชายอย่างที่ไม่เคยยิ้มให้ใคร
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเชื่อใจท่าน เสด็จแม่บอกข้าว่าวังหลวงคนที่ข้าฝากชีวิตได้มีแค่ท่าน ให้ข้าเชื่อฟังท่านพ่ะย่ะค่ะ” หลงหยางพยักหน้ารับรู้และกล่าวตามที่เขารับรู้มาจากเสด็จแม่
“ไว้เจ้าโตขึ้นกว่านี้เจ้าจะรู้เอง ” นางพึมพำเบาๆ กับตัวเอง หน้าที่ของนางในตอนนี้คือสร้างบัลลังก์ที่มั่นคงให้ฮ่องเต้องค์น้อย
ค่ายทหาร
เวลานี้ชายที่มีร่างกายกำยำ ต่างพากันมาสมัครเป็นทหารที่ค่ายเพราะความอยู่รอดของครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง เพราะการเป็นทหารคือจะได้สิทธิ์ต่างๆ มากกว่าชาวบ้านธรรมดา ด้านตงหมิงซีจึงถือโอกาสนี้ปลอมตัวเป็นชาวบ้านมาสมัครเป็นทหารด้วย
หลายวันที่เขาเดินทางเข้ามาในแคว้นเหลียงเพียงลำพัง แม้จะติดต่อกับสายลับที่แฝงตัวอยู่ ก็ได้รับรู้เรื่องราวในแคว้นมาพอสมควร.แต่นั้นก็ยังเป็นไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาจึงต้องสมัครเป็นทหารเพื่อจะได้สืบข่าววงในได้สะดวกขึ้น
ในการคัดเลือก หมิงซีผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจากการดูรูปร่างและวัย ส่วนรอบที่สองหากเขาเอาชนะทหารที่มาทดสอบฝีมือได้ ก็จะผ่านเข้าเป็นทหารใหม่
เวลานี้หมิงซีที่เปลือยท่อนบน เผยกล้ามเนื้อแน่นเป็นมัดๆ กำลังต่อสู้กับทหารเก่าเพื่อทดสอบฝีมือและกำลัง แน่นอนว่าเขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ด้านหนิงฮวาและฮ่องเต้กำลังดูการต่อสู้อยู่ด้านบนของกำแพงค่าย ได้เห็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของเหล่าทหารใหม่ก็พึงพอใจอย่างมาก
มีหลายคนที่เข้าตาจนหนิงฮวาอยากจะเอามาฝึกหน่วยพิเศษไว้ทำงานใกล้ชิด
“พี่หญิงท่านดูสิ ทหารคนนั้นเก่งมากเลย ล้มคนตั้งหลายคนได้ด้วยมือเปล่า” ฮ่องเต้น้อยชี้ไปยังบุรุษรูปร่างกำยำสูงสมส่วน มองจากระยะไกล แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าน่าจะเป็นหนุ่มรูปงาม
แน่นอนว่าข่าวที่บอกว่าองค์หญิงใหญ่นั่นโปรดปรานทหารรูปงามเป็นที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องจริง ดูได้จากหวังหย่ง และหลี่เหว่ย สององครักษ์ส่วนพระองค์ที่มีรูปร่างและหน้าตาหล่อเหลาจนสาวๆ ในวังหลวงต่างแย่งกันมาตีสนิท
“ใช้ได้เลยทีเดียว” หนิงฮวามองตามน้องชาย นางยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจและพูดออกมาเบาๆ
“หากองค์หญิงสนพระทัยกระหม่อมจะพาตัวเขามาพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจ
เขาติดตามองค์หญิงใหญ่มานาน เขารู้ว่าควรต้องทำอย่างไรเพียงแค่นางเอ่ยปาก นับว่าเป็นทหารที่รู้ใจนางมากที่สุดก็ว่าได้
“เจ้าพาเขาไปรอข้าที่กระโจมก็แล้วกัน หลงเอ๋อร์วันนี้เจ้าต้องกลับวังก่อน วันหน้าพี่จะพาเจ้ามาใหม่” นางออกคำสั่งกับหลี่เหว่ย แล้วหันมาบอกฮ่องเต้ วันนี้นางพาเขาออกมานานเกินไปแล้ว
“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” หลงหยางทำตามอย่างว่าง่าย
“หวังหย่ง เจ้าพาฝ่าบาทกลับวังไปก่อน ข้าจะตามกลับไปทีหลัง” องค์หญิงหันไปสั่งองครักษ์อีกคน
“พ่ะย่ะค่ะ” หวังหย่งรับคำสั่ง ก่อนจะหันไปกราบทูลเชิญฮ่องเต้น้อย “เชิญเสด็จฮ่องเต้กลับวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เหว่ยเดินแทรกทหารที่กำลังคัดเลือกเข้ามา เขาตรงไปยังหมิงซีที่เพิ่งผ่านการคัดเลือกมาและกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่
“เจ้าชื่ออะไร” หลี่เหว่ยถามในทันที เมื่อเดินไปยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมาย
คนถูกถามลุกขึ้นยืน หมิงซีสำรวจจากการแต่งกายก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าไม่น่าจะใช่ทหารธรรมดาๆ จึงให้ความนอบน้อมเล็กน้อย
“ข้าชื่อหมิงซี” เขาตอบเสียงเรียบไปเพียงชื่อเท่านั้น
“ตามข้ามา” หลี่เหว่ยพยักหน้ารับรู้แล้วเอ่ยบอก ก่อนจะเดินนำออกไป
ด้านหมิงซีไม่ตอบโต้ แต่เขาทำเพียงเดินตามทหารคนนี้ไปอย่างเงียบๆ
