ตอนที่สาม ไม่อยากเชื่อ
ตอนที่สาม
ไม่อยากเชื่อ
“เธอกำลังจะเข้าเรื่องใช่ไหม?” ฉีฟางหลิงเอ่ยถามเพราะอยากเข้าใจเรื่องราวให้เร็วที่สุดแต่วิญญาณโปร่งแสงกลับยังคงเล่าต่อ
“องค์ชายสามซึ่งเป็นโอรสของเต๋อเฟยช่างไม่เจียมตนคิดอาจหาญท้าทายอยากแย่งชิงราชบัลลังก์โดยมีมารดายืมมือคนของแคว้นอื่นมาช่วยเหลือ”
“อ้าว!...” ฟังมาถึงตอนนี้ ฉีฟางหลิงจึงยิ่งสับสนงงงวยไม่เข้าใจอะไรสักนิด
“ชิงบัลลังก์อะไรกัน? อยากแย่งกันให้ตายไปข้างก็ทำไปสิ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรา เธอไม่ใช่ชายาของรัชทายาท ไม่ใช่ธิดาของฮองเฮา แม้จะเป็นองค์หญิง แต่เท่าที่ฟังก็ไม่ใช่คนสำคัญสักหน่อย เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรา”
วิญญาญสาวเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ช่างซับซ้อนจึงพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“พวกเขาอาศัยเรื่องกบฏเพื่อวางแผนไว้ว่าหากล้มสนมเสียนเฟยลงได้ก่อน กองกำลังทหารของแม่ทัพจิ้นย่อมเปลี่ยนมือ จากนั้นค่อยสร้างเรื่องกบฏนี้ให้ใหญ่โตกระทบกระเทือนจิตใจของไทเฮาและฮ่องเต้
แม้จะยังไม่สะเทือนถึงฮองเฮาและองค์ชายรัชทายาทแต่การใส่ร้ายใส่ความย่อมเชื่อมโยงต่อไปได้ไม่ยากโดยได้รับความร่วมมือจากคนของแคว้นลู่
ข้าได้ยินพวกเขาวาดฝันราวเป็นเรื่องง่ายดาย จึงได้แต่คิดว่าพวกเขาช่างดูหมิ่นฮองเฮาและพี่ชายรัชทายาทของข้าเกินไปด้วยถึงอย่างไรครอบครัวที่หนุนหลังพวกเขาก็ไม่ใช่เสือกระดาษ
แต่ท่ามกลางสติที่เลอะเลือนด้วยโดนฟาดตีจนคิดสิ่งใดไม่ออก ข้าจึงทำได้เพียงปฏิเสธความร่วมมือกับพวกเขาแล้วยืนหยัดที่จะรอคอยให้คนมาช่วยเหลือเท่านั้น” น้ำเสียงที่เอ่ยจบด้วยอาการเศร้าหมองทำให้ฉีฟางหลิงส่ายหัว
เฮ้อ!...สุดท้ายแล้ว ก็เพราะโดนหลอกจากผู้ชายคนหนึ่ง นั่นแหละ มันน่าโมโหนัก
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะกล้าตีเธอจนตาย โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว” เพียงขยับตัวความเจ็บปวดก็วิ่งแล่นเป็นริ้วจนฉีฟางหลิงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ
“ข้าเองก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน ได้ยินว่าพวกเขากล่าวอ้างกับคนอื่นว่าข้าสุขภาพอ่อนแอและโดนเคี่ยวกรำบนเตียงหนักไปหน่อยจึงล้มป่วยทันทีหลังคืนเข้าหอ
เรื่องบนเตียงเช่นนี้ เสด็จแม่เสียนเฟยกับเสด็จย่าไทเฮาย่อมไม่อยากยุ่งเกี่ยว จึงได้แต่ส่งยาบำรุงและนางกำนัลมาถามไถ่เป็นระยะ
