ตอนที่สาม ไม่อยากเชื่อ3
ตอนที่สาม ไม่อยากเชื่อ
แค่คิดมาถึงตอนนี้ วิญญาณสาวจึงหลั่งน้ำตาหยดลงมาด้วยความเสียใจในความผิดพลาดของตัวเอง
“และหากรู้ว่าหลานสาวอย่างข้าเป็นกบฏ เสด็จย่าไทเฮาย่อมเสียใจอย่างหนัก เผลอๆ อาจล้มป่วยไม่อาจลุกขึ้นมาวุ่นวายกับเรื่องในวังหลังได้อีก
คราวนี้เต๋อเฟยอาจฉวยโอกาสรังแกฮองเฮา ด้วยพวกเขาแฝงคนของตัวเองเอาไว้แล้ว หากอยากชักจูงกลุ่มคนไปทางใดย่อมง่ายดายราวปอกกล้วยเข้าปาก” วิญญาณพยายามเรียบเรียงความร้ายแรงของเรื่องนี้ให้ฉีฟางหลิงเข้าใจ
“ทำไมคนจะทำร้ายกันถึงง่ายนักล่ะ แล้วฮ่องเต้จะไม่ทำอะไรเชียวหรือ? ไหนบอกว่าเธอเป็นหลานรักไง”
ฉีฟางหลิงแย้งด้วยคิดว่าวิญญาณตนนี้มองแง่ร้ายเกินไปหน่อย
“เจ้าคงไม่รู้ว่าโทษกบฏหนักหนาเพียงใด ต่อให้เป็นโอรสที่รักยิ่งก็ไม่อาจหลีกพ้นชะตากรรม แม้แต่องค์ชายหกแห่งแคว้นลู่ ถึงจะเป็นคนต่างแคว้น แต่ก็คงไม่พ้นจดหมายกล่าวโทษและโดนเพ่งเล็งจากบิดาผู้ครองแคว้น นั่นย่อมเป็นการเปิดทางให้องค์ชายคนอื่นได้สร้างผลงาน”
โอ๊ย! อะไรมันจะวุ่นวายขนาดนั้น องค์ชายสี่ องค์ชายสาม องค์ชายหก เยอะแยะไปหมด จะแย่งกันไปทำไมหนักหนา
ฉันไม่ใช่กบฏ เข้าใจไหม?
ฉีฟางหลิงโวยวายในใจเพราะฟังมาตั้งนาน ก็ได้แต่มึนงงสับสนไม่เข้าใจในสถานการณ์อะไรสักอย่าง เธอเพิ่งฟื้นมาไม่นานตอนนี้จึงรู้เพียงว่าเจ็บแผลมากและอยากพักผ่อน
“ตอนนี้ฉันอยู่ในรถม้าใช่ไหม? พวกเรากำลังจะไปที่ไหน? คงไม่ได้ถูกส่งไปลงโทษที่หนักกว่านี้นะ”
“ไม่ใช่ เจ้าอย่าได้กังวล โชคดีที่ ‘พี่เหว่ย’เอ่อ...องค์ชายหกเองก็วางสายเอาไว้ในจวนสกุลหลี่เช่นกัน
คนผู้นั้นส่งข่าวออกไปแจ้งทันทีที่เห็นพิรุธด้วยพวกเขาจับสาวใช้คนสนิทและผู้ติดตามของข้าไปสังหารทิ้งทั้งหมดในคืนเข้าหอ ส่วนข้าเองก็หายหน้าไปตั้งแต่แต่งเข้าจวนมา
ยามนี้เราจึงได้รับการช่วยเหลือออกมาจากจวนสกุลหลี่แล้วและกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง”
อ้อ...เสียงที่ได้ยินตอนหลับๆ ตื่นๆ นั่นคงจะเป็นองค์ชายหกคนนั้นสินะ
อย่างน้อยเขาก็ยังมาช่วย ดีกว่าคนในวังหลวงตั้งเยอะ
