ตอนที่ห้า แขกแปลกหน้า 2
ตอนที่ห้า
แขกแปลกหน้า
แม่เล้าใหญ่ผู้เห็นบุรุษผ่านสายตามาอย่างโชกโชนย่อมมองออกว่าผู้ใดมีศักดิ์ฐานะเช่นไร เมื่อนางอุตส่าห์ลงทุนมาเอ่ยขอ ฮัวเฟยฮวาจึงจัดแจงชุดเสื้อผ้าให้ดีแล้วเดินตามไป
“เฟยเฟยน้อยของเรามาแล้ว ฝากคุณชายเอ็นดูนางด้วยนะเจ้าคะ” แม่เล้าใหญ่เอ่ยคำรื่นหูแล้วงับประตูปิดอย่างเงียบเชียบสมเป็นมืออาชีพ
ฮัวเฟยฮวาเยื้องย่างมานั่งลงพลางชำเลืองมองชายหนุ่มผู้ติดตามทั้งสองซึ่งยืนขนาบข้างด้วยท่าทางเคร่งครัดอย่างหวาดระแวง
“พวกเจ้าออกไปก่อน ดูสิ แม่นางเฟยเฟยหวาดกลัวจนไม่กล้าเงยหน้าแล้ว” เสียงสั่งการของชายแปลกหน้าส่งให้ชายหน้าตาดุดันก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ทั้งห้องเหลือเพียงสองคน ท่าทีของชายซึ่งไม่คุ้นเคยก็เปลี่ยนไปเป็นกรุ้มกริ่มหยอกล้อ
“แม่นางเฟยเฟย พวกเรามานั่งใกล้กันหน่อยดีหรือไม่ เมื่อครู่เสียงเพลงผีผาของเจ้าช่างไพเราะสดับใจ การบรรเลงของเจ้าช่างมีมนต์สะกดยิ่งนัก”
“คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว ฝีมือของข้ายังอ่อนด้อยนัก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หากฝีมือของแม่นางเฟยเฟยอ่อนด้อย ก็คงไม่ต้องหาผู้อื่นมาดีดผีผาให้ฟังอีกแล้ว” ชายตรงหน้าหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
“ข้ามาที่นี่ด้วยได้ยินมาว่าเสียงพิณผีผาของแม่นางเฟยเฟยแห่งหอเหลียงฮัวกระตุ้นให้เหล่าชายหนุ่มเร่าร้อนจนแทบคลั่งตาย นับว่าสมคำเล่าลือนัก” สายตาร้อนแรงสาดส่งมาบ่งบอกความคิดในใจ
ฮัวเฟยฮวารีบรินสุราใส่จอกยกขึ้นส่งให้เพื่อแก้เขิน แต่ชายหนุ่มกลับกุมมือนุ่มเอาไว้พลางยกขึ้นสูดดมอย่างลื่นไหล
“หอมยิ่งนัก มองไกลๆก็ว่างามมากแล้ว ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งงามจนข้าไม่อยากเชื่อว่าจะมีนางฟ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้” คำป้อยอถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไร้ความละอาย
เซียนพิณน้อยย่อมคุ้นเคยกับการถูกเกี้ยวพาและหยอกเอิน แต่ไม่เคยมีชายใดรุกไล่นางจนเคลิบเคลิ้มได้
อาจด้วยในร่างของสาวงามคือสาวใหญ่ผู้ไม่เคยต้องมือชาย ดังนั้นกิริยาท่าทางของนางในวันนี้จึงเขินอายได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเคลิ้มไหวไปกับคำเย้าหยอก
ชายแปลกหน้าเห็นใบหน้าแดงก่ำและกิริยาขวยเขินจึงยิ่งรุกคืบ ทั้งขยับเข้ามาใกล้ทั้งจับกุมมือไม่ยอมปล่อย มือหนึ่งคีบอาหารป้อนใส่ปาก อีกมือโอบเอวแน่น สุดท้ายถึงกับอุ้มนางนั่งตักแล้วยกจอกสุราป้อนให้ถึงริมฝีปาก
“คุณชาย ข้าดื่มไม่ได้มาก ขอคุณชายเมตตาด้วย”
“เช่นนั้นข้าช่วยเจ้าดื่มเองก็แล้วกัน”
สุราสีเข้มถูกสาดเข้าสู่ลำคอหนาพร้อมมือทั้งสองข้างที่โอบกอดร่างบางเอาไว้แน่นพลางชวนพูดคุยสนุกสนานอย่างเป็นกันเอง
“น้องเฟยเฟยช่างเจรจายิ่งนัก กลิ่นกายหรือก็หอมหวาน ข้าคงต้องมาที่นี่ทุกคืนเสียแล้ว”
จมูกโด่งหอมฟอดเข้าที่แก้มนวลก่อนจะวกมาซุกซบซอกคอขาวผ่อง
“คุณชายอย่าได้ซุกซนนักสิเจ้าคะ” หญิงสาวขยับใบหน้าหนีพร้อมทุบมือลงกับไหล่หนาเบาๆเป็นเชิงหยอกเย้า
ค่ำคืนแรกของสองหนุ่มสาวจบลงด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยซึ่งมากขึ้น สังเกตได้จากคำเรียกขานซึ่งเปลี่ยนไปเป็น’น้องเฟยเฟย’แล้ว
คืนถัดมา ชายแปลกหน้าซึ่งแนะนำตนเองว่าชื่อ’หวงหนิงหลง’หรือคุณชายหวงมาถึงหอเหลียงฮัวตั้งแต่ประตูเพิ่งเปิด เขาจับจองเวลาทั้งหมดของฮัวเฟยฮวาเอาไว้ไม่ยอมให้ชายอื่นได้พบหน้านางสักนิด
เซียนพิณน้อยบรรเลงผีผาให้เขาได้ฟังอย่างเป็นกันเองอีกทั้งยังกินอาหารเลิศรสและร่วมร่ำสุราจนหน้าแดงก่ำ
“เสียงเพลงของเจ้าช่างประทับใจข้ายิ่งนัก สมควรให้รางวัลมากๆ”
คุณชายหวงแสดงความหน้าใหญ่ใจโตใช้จ่ายไม่ยั้งมือให้รางวัลแก่ผู้คนทั่วทั้งหอเหลียงฮัวไล่ตั้งแต่แม่เล้าใหญ่ จนกระทั่งไปถึงเด็กเฝ้าประตู
โดยเฉพาะกับสาวงามซึ่งพึงใจ ชายหนุ่มควักทั้งก้อนทอง เครื่องประดับออกมาประโคมใส่ให้หญิงสาวจนเต็มตัว
แน่นอนว่าชายเจ้าบุญทุ่มเช่นนี้ย่อมเป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้คน หลายคืนถัดมา ฮัวเฟยฮวาจึงต้อนรับเพียงคุณชายหวงหนิงหลงโดยไม่ได้เผยโฉมหน้าออกไปพบชายใดอีก
“น้องเฟยเฟย วันนี้เจ้าต้องดื่มให้มากหน่อย สุรานี้ข้านำมาจากชายแดนทีเดียว ใช้เวลาหมักกว่าสามปี รับรองว่าทั้งหอมหวานไม่ขมแน่”
จอกสุราถูกจ่อเข้ากับริมฝีปากแดงซึ่งจำต้องอ้ารับทั้งๆที่รู้ว่าเขากำลังมอมเมาตนเอง
เขาทั้งขาวสะอาดหล่อเหลาชวนมอง ท่วงท่าสง่างาม คิ้วตาเปี่ยมราศี ดูดีกว่าชายหนุ่มทุกคนที่มาติดพันนาง ดวงตาพราวระยิบมีชีวิตชีวาเปี่ยมเสน่ห์คู่นั้น ยามจับจ้องมองมาทีไร ใจนางแทบหลอมละลายอยากทอดร่างลงไปเสียเดี๋ยวนั้น
สาวงามเอนร่างซบไหล่ออดอ้อนอย่างยินยอมพร้อมใจด้วยถูกเอาอกเอาใจติดต่อกันมาหลายวัน
