ตอนที่หก ท่ามกลางดวงดาว (กรุบกริบ)
ตอนที่หก
ท่ามกลางดวงดาว
เพล้ง ตุบ ตับ
เสียงข้าวของแตกกระจายและเสียงการต่อสู้ดังอยู่หน้าห้องจนชายหนุ่มหญิงสาวด้านในตกใจ
หวงหนิงหลงอุ้มสาวงามมานั่งอยู่บนตักอย่างปกป้องพลางเงี้ยหูฟังการโต้เถียงที่ดังลอดเข้ามา
“น้องเฟยเฟย ข้ามาแล้ว”
“พวกเจ้าหลีกทางเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องเฟยเฟยออกมา” เสียงชายหนุ่มตะโกนเอะอะโวยวายโหวกเหวกจนแม่เล้าใหญ่ต้องรีบวิ่งมาห้าม
“คุณชายติง คุณชายกัว พวกท่านเมามากแล้ว อย่าได้สร้างเรื่องวุ่นวายเลย เด็กๆรีบมาพาคุณชายทั้งสองไปส่งที่รถม้าเร็วเข้า”
“ผู้ใดเมา ข้าไม่เมา แม่เล้าใหญ่ ท่านเอาแต่พาน้องเฟยเฟยไปหลบซ่อน แล้วยังคนในห้องนั้นอีก เจ้าอาศัยว่ามีเงินมากจึงกว้านซื้อเวลาของน้องเฟยเฟยไปทุกวันเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราเป็นคนสนิทชิดเชื้อของน้องเฟยเฟย ที่ผ่านมาล้วนไปมาหาสู่กันอยู่ทุกวี่วัน เจ้าเป็นเพียงคนแปลกหน้า อย่าได้ลำพองโอ้อวดให้มากไป” คุณชายติงเอะอะโวยวายด้วยความไม่พอใจที่ไม่อาจพบหน้าหญิงสาวซึ่งพึงใจ
เขาเป็นถึงบุตรชายขุนนางใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรชายคนอื่นก็ให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน
“ใช่ ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงชายแปลกหน้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้า น้องเฟยเฟย เจ้าอย่าได้หลงเชื่อเขา เชอะ...มาไม่กี่วันก็หว่านเศษเงินไปทั่ว คิดว่าจะซื้อตัวน้องเฟยเฟยได้หรือ แม่เล้าใหญ่ ท่านไม่ควรให้น้องเฟยเฟยเข้าไปเสี่ยงเช่นนี้ เกิดเขาเป็นผู้ร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร” คุณชายกัวรีบผสมโรงด้วยความหงุดหงิดที่มารอเก้ออยู่หลายวัน
“อย่าได้พูดพล่อยๆ หาไม่อาจไม่มีปากเอาไว้พูดจาอีก รีบออกไปให้พ้น” ชายผู้ติดตามของคุณชายหวงหนิงหลงเดินมาผลักสองคุณชายปากมากจนล้มลงก้นกระแทกพื้นด้วยพละกำลังที่มากกว่า
“โอ๊ย...พวกเจ้าอย่าได้ถือดีว่ามีกำลังจึงเที่ยวรังแกคน แม่เล้าใหญ่ รีบจัดการพวกเขาสิ ปล่อยให้มาทำร้ายพวกข้าได้อย่างไรกัน” คุณชายติงใช้เสียงที่ดังขึ้นเรียกให้ผู้คนเข้ามาสนใจโอบล้อม
“อย่ามีเรื่องมีราวกันเลย ข้าขอล่ะ ว้าย...อย่าตีกัน”
ยังไม่ทันจบคำพูดของแม่เล้าใหญ่เสียงตุบตับปึงปังก็ดังเข้ามาอีกพร้อมเสียงหวีดร้องของหญิงสาวหลายคน
ฮัวเฟยฮวาไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้จึงนั่งอกสั่นขวัญแขวนอยู่บนตักแกร่งโดยไม่กระดิกตัว
“กลัวหรือ? ไม่ต้องกังวล พวกเราไปที่อื่นกันดีกว่า ที่นี่วุ่นวายเกินไป” หวงหนิงหลงกระซิบบอกก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นแล้วกระโดดออกทางหน้าต่างโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว
สาวงามอ้าปากจะกรีดร้องด้วยความตกใจแต่กลับโดนริมฝีปากใหญ่ก้มลงมาปิดไว้เสียก่อน
ร่างบางรู้สึกได้เพียงลมซึ่งพัดผ่านจนชุดเสื้อผ้าปลิวไหวโดยไม่เห็นว่าถูกอุ้มพาไปที่ใด ริมฝีปากแดงถูกประกบปิดจนแทบหายใจไม่ทันกว่าร่างงามจะถูกปล่อยให้ลงยืนกับพื้นอันมั่นคง
“คุณชายหวง ท่านพาข้ามาที่ใดกัน” เสียงอุทานอย่างตื่นตะลึงหลุดออกมาจากริมฝีปากซึ่งเริ่มบวมเจ่อเมื่อเห็นทิวทัศน์โดยรอบ
“ที่นี่คือหอดูดาวประจำเมืองหลวง เจ้าคงไม่เคยขึ้นมาแน่” หวงหนิงหลงตอบอย่างมั่นใจ
“หอดูดาวหรือ ผู้ใดจะกล้าขึ้นมากัน สูงถึงเพียงนี้” หญิงสาวมองลงไปเบื้องล่างแล้วให้หวาดกลัวถึงกับก้าวถอยจนชนเข้ากับร่างแกร่ง
“ไม่ต้องกลัวน้องเฟยเฟย เจ้าดูสิ ดวงดาวเรียงรายมากมายเต็มท้องฟ้า ทั้งสุกสกาว ทั้งสดใส” ชายหนุ่มโอบเอวเล็กพลางชี้ชวนไปยังฟ้ากว้างเพื่อดึงดูดความสนใจของหญิงสาว
“จริงด้วย ข้าไม่เคยเห็นดวงดาวอย่างชัดแจ้งเช่นนี้มาก่อน” แน่นอนว่าทั้งหัวหน้าสาวใหญ่ผู้เคร่งขรึมเองก็ย่อมไม่เคยเห็นเช่นกัน
“หากเจ้าชอบ ข้าจะพาขึ้นมาบ่อยๆ” อ้อมแขนแข็งแรงโอบล้อมเรือนร่างบอบบางเอาไว้ทางด้านหลังแล้วชี้ชวนไปอีกทาง
“เจ้าดูด้านนั้นสิ ตลาดยามค่ำคืน ช่างคึกคักเต็มไปด้วยแสงไฟจากโคมหลายขนาด เอาไว้ว่างๆข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่น ดีหรือไม่”
“อืม...ดี” สาวน้อยพยักหน้ารับยิ้มแย้มลืมเหตุการณ์ก่อนหน้าเผลอตัวไปกับบรรยากาศโดยรอบ
“ส่วนหอเหลียงฮัวของเจ้าก็อยู่ด้านโน้น เห็นหรือไม่ เรือนสูงที่มีแสงเทียนวูบไหวไปมา”
เซียนพิณคนงามมองตามอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งเขาชี้ชวนให้นางรู้จักสถานที่ต่างๆมากเท่าใด นางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองช่างตัวเล็กนักด้วยวันวันใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องหับคับแคบแทบไม่เคยย่างกรายออกมา
“เอาไว้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวให้ทั่ว” คำล่อหลอกเอ่ยออกมาจากชายด้านหลังซึ่งก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาวนวลจนเคลิบเคลิ้ม
“น้องเฟยเฟย เจ้างามมากรู้ตัวหรือไม่ ยิ่งยืนเช่นนี้ยิ่งเย้ายวนจนข้าไม่อาจห้ามใจได้ไหวอีกแล้ว”
