ตอนที่สาม ข้าคือฮัวเฟยฮวา
ตอนที่สาม
ข้าคือฮัวเฟยฮวา
หมายความว่าจะให้เธอเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้หรือ จะได้อย่างไรกัน
เด็กสาวเข้ามาช่วยหยิบคันทวนและเล็บเทียมขึ้นมาแล้วจูงร่างงามให้เดินตามไปยืนรออยู่ที่หลังผ้าม่านทึบ
ฟ้าหรือขณะนี้คือฮัวเฟยฮวายังคงมีท่าทางอิดออดคล้ายลังเลใจจนผิดสังเกต
“เจ้าเป็นอันใดไป หากไม่ไหวก็เร่งบอกมาข้าจะได้รีบไปแจ้งแม่เล้าใหญ่ หรือจะบรรเลงสักไม่กี่บทเพลงแล้วรีบลงมา” เด็กสาวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างละล้าละลัง
ฮัวเฟยฮวายังไม่ทันตอบคำถาม เสียงปรบมือและโห่ร้องเรียกชื่อก็ดังสนั่นกึกก้องจนแสบแก้วหูทันทีที่สิ้นเสียงประกาศเปิดการแสดงของเซียนพิณผีผาฮัวเฟยฮวา
“เฟยเฟย เฟยเฟย เฟยเฟย”
น่าแปลกที่บัดนี้นางกลับไม่รู้สึกแตกตื่นหรือลนลานอย่างที่คาดราวกับสิ่งนี้คือเรื่องที่คุ้นเคย
ฮัวเฟยฮวาตัดสินใจย่างก้าวอ่อนช้อยด้วยลีลาเย้ายวนไปยังเก้าอี้กลางเวที ใบหน้างดงามแย้มยิ้มเล็กน้อยคล้ายเชิญชวนอยู่ในทีขณะนิ้วเรียวผ่องซึ่งสวมเล็บปลอมเริ่มดีดกดเปลี่ยนระดับเสียงเพื่อบรรเลงบทเพลงอันมีชื่อเสียงแห่งยุค
เสียงเพลงอันน่าทึ่งสะกดผู้คนให้เคลิบเคลิ้มราวอยู่ในห้วงฝัน ยิ่งบวกกับท่วงท่าอันสูงส่งกับหน้าตาน่าทะนุถนอมชวนให้เหล่าชายหนุ่มต่างพร่ำเพ้อถึงสาวงามด้วยไม่อาจจับต้อง
ฮัวเฟยฮวาบรรเลงบทเพลงขับกล่อมเพลงแล้วเพลงเล่าอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยด้วยรอยยิ้มที่ได้สร้างเสียงแห่งความสุขแก่แขกเหรื่อในสำนักเริงรมย์แห่งนี้
ฟ้าในร่างของสาวงามกลมกลืนไปกับท่วงท่าลีลาที่แสดงออกมาจนแทบลืมไปว่ากำลังอยู่ในร่างของผู้อื่น
ในขณะบรรเลงเสียงเพลงหญิงสาวก็ลอบมองสังเกตท่าทีของผู้คนรายล้อมไปด้วยพร้อมกัน
“นับวันน้องเฟยเฟยยิ่งบรรเลงเพลงได้ไพเราะจับใจ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้เอื้อมถึงนาง”
“ได้ฟังบทเพลงของนางก็ควรพอใจแล้ว ยังคิดจะแตะต้องนางอีกหรือ ขนาดขุนนางตำแหน่งสูงตั้งหลายคน นางยังไม่เหลือบแล”
“นั่นสิ เจ้าก็รู้ว่านางเป็นหนึ่งในอี้จี้ตัวเด่นของที่นี่ซึ่งขายเพียงศิลปะและความบันเทิง ไม่ขายเรือนร่าง หากเจ้าทนไม่ไหวก็ออกไปหาเซ่อจี้ที่ยืนถือพัดอยู่ด้านนอกนั่น หรือจะเรียกแม่เล้ามาจัดหาให้สักคนก็ย่อมได้”
“อย่ามัวพูดมากกันอยู่ ข้าจะฟังบทเพลงอันไพเราะ ดูสิ นางขึ้นเพลงใหม่แล้ว เพลงนี้ช่างเร่าร้อนยิ่งนัก”
อี้จี้หรือ?
ฮัวเฟยฮวาทบทวนความจำของร่างงามจนได้ความว่านางเคยเป็นบุตรสาวขุนนางต้องโทษและถูกขายมาเป็นคณิกาของสำนักเริงรมย์หอเหลียงฮัวแห่งนี้ตั้งแต่หลายปีมาแล้ว
ด้วยผิวกายขาวผ่อง ใบหน้าผุดผาดและเรือนร่างอันชวนหลงใหลบวกกับฝีมือการบรรเลงผีผาจึงได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในอี้จี้ดาวเด่นซึ่งไม่ต้องรับแขกทั่วไป
แต่คำกล่าวที่ว่า'ขายเพียงศิลปะไม่ขายเรือนร่าง' หรือจะเป็นเรื่องจริง นั่นเป็นเพียงคำอ้างเพื่อบอกปัดชายผู้ไม่มีเงินทองและอำนาจยศศักดิ์ต่างหาก
ถึงอย่างไรหอเหลียงฮัวก็เป็นหอคณิกา ดังนั้นหญิงสาวอย่างฮัวเฟยฮวาจึงไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องมาตั้งแต่อายุ15แล้ว เพียงแค่สามารถเลือกแขกที่พึงใจและไม่ต้องใช้ช่องทางสีหวานอย่างสิ้นเปลือง
ถึงไม่อยากยินยอมแต่เพื่อความอยู่รอดของตนเองและหอเหลียงฮัว เหล่าชายผู้มีอำนาจซึ่งล้วนเอาแต่ใจหรือจะปล่อยให้ หญิงสาวผู้มีความเย้ายวนอย่างฮัวเฟยฮวาหลุดรอดจากเงื้อมมือไปได้ โชคดีที่นางยังไม่ต้องรับแขกมากหน้าหลายตาจึงยังคงความเป็นที่สนิทเสน่หามาได้หลายปี
เมื่อหันไปมองบรรดาหญิงสาวซึ่งถูกเรียกว่าเซ่อจี้ พวกนางต้องขายเรือนร่างเพื่อให้ความสุขและยินยอมสมสู่กับชายทุกคนที่จ่ายเงินให้โดยไม่อาจเลือกมาก
หญิงสาวเหล่านั้นบ้างนั่งตักจ่อจอกสุราเข้ากับปากของเหล่าชายหนุ่ม บ้างออดอ้อนออเซาะซบหน้ากับวงแขนแกร่ง บ้างเดินไปมาเพื่อเชิญชวนให้ชายหนุ่มเลือกนางเป็นคู่นอนในค่ำคืนนี้
ภาพตรงหน้าชวนให้คิดถึงความฝันเมื่อครู่ก่อนหน้า
“อ้า...คุณชาย กระแทกแรงๆเข้ามาอีกเจ้าค่ะ”
ปัก ปัก ปัก
ยามคิดถึงการโยกกระแทกตอกทิ่มพร้อมเสียงครางกระเส่า ฮัวเฟยฮวาถึงกับหน้าแดงหายใจถี่จนแทบควบคุมมือตนเองไม่อยู่
