ตอนที่สอง ยอดหญิงเซียนพิณผีผา
ตอนที่สอง
ยอดหญิงเซียนพิณผีผา
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นโดยแทบลืมกินข้าวกินปลาจนโรคกระเพาะแทบถามหาแล้ว
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจดังออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่มีใครเห็นว่าเธอแอบหลับ ร่างของสาวใหญ่เลิกสนใจคนอื่นแล้วเดินโซซัดโซเซมายังห้องเตรียมอาหารส่วนกลางซึ่งอยู่ทางด้านหลัง
คงต้องพึ่งกาแฟอีกแก้วเสียแล้ว ไม่ไหว มึนหัวงัวเงียตาลายไปหมด
ฟ้าเปิดประตูเข้ามาหยิบแก้วและช้อนออกมาเพื่อเตรียมชงเครื่องดื่มให้ตนเองอย่างที่ใจคิด ระหว่างรอให้น้ำเดือดสายตาไพล่ไปเห็นม่านสีแดงซึ่งปกติมักจะปิดสนิทมิดชิดแต่ตอนนี้กลับเปิดอ้าอยู่
“เอ๊ะ...ใครมาเปิดม่านเอาไว้แล้วไม่ยอมปิด เจ้าพวกนี้นี่”
สาวใหญ่บ่นพึมพำตามประสาก่อนจะขยับตัวเอื้อมมือมาจับม่านเพื่อรูดปิดให้สนิท
“เดี๋ยวนะ ทำไมตรงนี้มีประตู”
หัวหน้างานสาวยืนงงเพราะจำได้ว่าด้านนี้เป็นหน้าต่างกระจกจึงต้องทำม่านมาบังแสงเอาไว้
แม้จะแทบไม่ได้ย่างกรายเข้ามาในห้องนี้ด้วยปกติมักมีแม่บ้านคอยชงกาแฟหรือจัดอาหารไปวางไว้ให้ถึงโต๊ะ แต่เธอเป็นถึงหัวหน้า หากมีการเปลี่ยนแปลงใดอย่างเช่นเปลี่ยนหน้าต่างเป็นประตูก็ควรจะรู้บ้างมิใช่หรือ
เมื่อตั้งสติได้จึงเอื้อมมือไปเปิดประตูปริศนาซึ่งจู่ๆก็โผล่ขึ้นมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
วาบ...
แสงสีขาวสว่างจ้าจนต้องหลับตาก่อนหูจะได้ยินเสียงดนตรีเครื่องสายบรรเลงอย่างไพเราะ เมื่อฟ้าลืมตาขึ้นพบแสงวับแววจากเทียนไขซึ่งจุดจนสว่างไปทั่วบริเวณพาให้หญิงสาวตื่นตะลึงยืนอึ้งอยู่กับที่
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
สำนักงานของเธอมีห้องแบบนี้ด้วยหรือ?
สาวใหญ่ยังไม่ทันได้สอดส่องให้ถ้วนทั่วก็ถูกมือเล็กคู่หนึ่งดึงรั้งจากด้านหลังแล้วลากให้เดินตามไปโดยเร็ว
“เฟยเฟย เหตุใดมาหลบอยู่ตรงนี้ เหล่าคุณชายถามหาเจ้ากันให้จ้าละหวั่น มาเร็วเข้า ผู้คนรอฟังเสียงพิณผีผาอันชวนหลงใหลจนส่งเสียงโหวกเหวกวุ่นวายสนั่นห้องโถงแล้ว” เสียงบ่นพร่ำพลางจูงมือน้อยลัดเลาะหลบหลีกมาถึงด้านหลังเวทีซึ่งมีผ้าม่านกั้นอย่างเป็นสัดส่วน
ฟ้ายังคงมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าจึงยืนนิ่งเฉยพาให้มือเล็กคู่เดิมเอื้อมมาแตะตรงหน้าผาก
“เจ้าไม่สบายหรือ เหตุใดทำสีหน้าเช่นนั้น ไปนั่งพักที่ด้านข้างก่อนดีกว่า ข้าจะบอกแม่เล้าใหญ่ให้จัดคนออกร่ายรำไปพลางๆ” ร่างเล็กผลุนผลันออกไปทิ้งให้หัวหน้างานสาวใหญ่นั่งงุนงงอยู่คนเดียว
หญิงสาวมองสำรวจไปโดยรอบ เมื่อเห็นบรรดาสาวงามแต่งกายด้วยชุดกรีดกรายแต่ทว่าเบาบางเห็นส่วนสัดวับแวมเดินเยื้องย่างไปมาจึงอดตกใจไม่ได้
ทำไมคนที่นี่แต่งตัวแปลกจัง
เมื่อก้มลงมองร่างกายของตนเอง สาวใหญ่ถึงกับสะดุ้งโหยงผุดลุกขึ้นยืนลูบไล้ไปทั่วร่างกายอันไม่คุ้นเคย
เฮ้ย!...นี่ตัวเธอหรือ
ฟ้าหันซ้ายมองขวา เมื่อเห็นวัสดุทรงกลมซึ่งพอจะสะท้อนเงาได้จึงพุ่งเข้าไปหยิบฉวยมาส่องใบหน้าและเรือนร่าง
“ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม”
ใบหน้าขาวผ่องเย้ายวนตาอีกทั้งเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นคาดคะเนได้ว่าอยู่ในวัยไม่เกิน20ปีซึ่งสะท้อนออกมาเรียกสีหน้าตื่นตะลึงจากหัวหน้างานสาวโสด
เธอไม่ใช่คนสวยอีกทั้งอายุ40กว่าแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอีกคนในชั่วพริบตาแบบนี้
หรือว่านี่คือความฝัน ต้องใช่แน่ๆ
อย่าบอกนะว่าเธอฝันซ้อนฝัน
หัวหน้างานสาวพยักหน้าให้กับการคาดคะเนของตนเองพลางมองไปรอบข้างอีกครั้ง
ที่นี่สวยจัง คึกคัก น่าสนุก
อย่างน้อยก็ดีกว่าฝันว่าไปแอบดูคนอื่นกำลังร่วมรักกัน
ว่าแต่...เธอต้องทำอย่างไรต่อไปล่ะ
ฟ้าทรุดนั่งสงบสติแล้วหลับตาคิดทบทวนตามความเคยชินของหัวหน้างานเมื่อยามต้องเผชิญปัญหา
ทันทีที่ความมืดมิดเข้าครอบงำ ความทรงจำของร่างงามก็หลั่งไหลเข้ามาดั่งสายน้ำหลาก
‘ฮัวเฟยฮวา’
ยอดหญิงเซียนพิณผีผาซึ่งมีพลังในการแสดงสูงส่ง สามารถบรรเลงดีดเส้นเสียงดังก้องกังวานได้ทั้งคืน
อดีตสาวใหญ่หัวหน้างานลืมตาเด้งร่างขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
เดี๋ยวนะ ‘ฮัวเฟยฮวา’ นี่ไม่ใช่ชื่อเดียวกับที่ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นั้นซึ่งกำลังตอกกระหน่ำกันอย่างถึงพริกถึงขิงพูดถึงอยู่หรือ
เซียนพิณผีผา?
หญิงสาวเหลียวมองไปยังเครื่องดนตรีที่มีลำตัวยาวรีคล้ายลูกสาลี่ผ่าซีกซึ่งวางอยู่บนโต๊ะด้านข้าง
นี่เรียกว่าพิณผีผาหรือ?
มือเรียวขาวเอื้อมไปหยิบพิณผีผามาวางไว้บนตัก ใช้มือซ้ายประคองไว้และแตะนิ้วมือข้างขวาไล่ไปตามสายอย่างคุ้นชินราวนี่คือสิ่งที่เธอใช้อยู่เป็นประจำ
หญิงสาวร่างเล็กซึ่งเป็นคนแรกที่พบเจอเดินเร็วเข้ามาอีกครั้ง เมื่อเห็นสาวงามหยิบผีผาขึ้นมาแล้วจึงมีรอยยิ้มโล่งใจ
“เฟยเฟย เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ เช่นนั้นเตรียมตัวเถอะ”
เตรียมตัว?
หมายความว่าจะให้เธอเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้หรือ จะได้อย่างไรกัน
