17 ยอมเปิดใจ
เมื่อนึกถึงใบหน้าของเพื่อน ๆ ลอยมา ป่านนี้พวกนั้นคงพากันเป็นห่วงเธอไม่น้อยหลังรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้
“ผมจะเชื่อคุณดีมั้ยเนี่ย ภาพมันฟ้องขนาดนี้”
“เชื่อเถอะฉันพูดความจริง เมื่อกี้ที่บอกว่ามีเรื่องทุกข์ใจเรื่องอะไรคะ เอามาฝากไว้ที่ฉันได้นะ ฉันจะเก็บความทุกข์ไว้ให้เอง ไหน ๆ ก็กำลังทุกข์ใจอยู่แล้ว จะได้ทุกข์แค่คนเดียว คุณไม่ต้องทุกข์ใจแล้ว กลับไปใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอ อย่าจมอยู่กับความทุกข์นาน พ่อฉันบอกไว้ แต่ แต่ว่าฉันคนนี้ทำไม่ได้หรอกนะ ก็คนมันเสียใจจะให้ฝืนยิ้มมีความสุขอยู่ได้ยังไง”
เมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายของบิดา น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เห้ย! คุณเป็นอะไร จู่ๆร้องไห้ทำไม มีเรื่องเสียใจอะไร”
“ฉัน ฉันเพิ่งเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไป คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้หัวใจของฉันมันเจ็บจี๊ด ๆ ตลอดเวลาเลย”
บอกพร้อมกับจับมือเขามาทาบแนบที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ทำราวกับอีกฝ่ายจะรับรู้ถึงมันได้
“เดี๋ยวคุณ! คุณทำแบบนี้ไม่ได้” ให้ตายเถอะเป็นสาวเป็นนาง นคินทร์คิด
“รู้มั้ยว่ามันเจ็บมาก เจ็บเหมือนคนกำลังจะขาดใจ เพราะฉะนั้นเอาความทุกข์ที่มีมาฝากไว้ที่นี่ ฉันไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดแบบนี้อีก”
คนเมาเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง คนอะไรจะเก็บเอาความทุกข์ของคนอื่นไปรวมกับความทุกข์ของตัวเอง แล้วคนนั้นจะหายทุกข์เขาคิด
การได้พูดระบายให้ใครสักคนฟัง อาจทำให้รู้สึกดีขึ้นก็เป็นได้ ยิ่งระบายกับคนแปลกหน้า ที่คงไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วคงดีไม่น้อย พรุ่งนี้เขาก็จะไม่ได้อยู่ประเทศนี้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นผมขอฝากความทุกข์ของผมไว้กับคุณนะ”
“อืม ว่ามาเลยพ่อหนุ่ม” แพรไหมปรับสีหน้าจากที่ร้องไห้เมื่อสักครู่ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจริงใจให้
“พ่อหนุ่มอย่างนั้นหรือ พอเมาแล้วทำตัวเป็นแม่หมอเชียว” นคินทร์บอกยิ้ม ๆ
“ผมเพิ่งโดนผู้หญิงที่รักมาก บอกเลิกเพราะธุรกิจครอบครัวกำลังประสบปัญหา จนถึงขั้นอาจต้องล้มละลาย ต้องกลับไปช่วยที่บ้าน แต่ผู้หญิงคนนั้นให้ผมเลือก ระหว่างอยู่กับเธอที่นี่หรือกลับไปหาครอบครัวแล้วเลิกกัน”
“แล้วคุณเลือกอะไร”
“ผมเลือกอย่างหลัง”
เสียงทุ้มแหบบอกด้วยความรู้สึกผิดหวังที่ต้องเลือก รสรินทร์ควรเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด แต่เธอกับเห็นว่ามันเป็นเรื่องไม่สำคัญ ยิ่งคิดยิ่งปวดใจ พยายามกลืนก้อนแข็งๆที่คอเก็บกลั้นความเจ็บปวดลงไป
“ที่เจ็บปวดที่สุดคือ หลังเลิกกันได้ไม่กี่วัน ผู้หญิงคนนั้นเปิดตัวแฟนใหม่กับเพื่อนๆ”
พูดไปน้ำเสียงสั่นเครือขึ้น เจ็บจี๊ดทุกครั้งเมื่อนึกถึง เจ็บปวดหัวใจมากเกินจะฝืนไหว ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายกระดกบรั่นดีขึ้นดื่มจนหมดในคราเดียวบ้าง
“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ โชคดีมากที่ผู้หญิงคนนั้นเลือกจะไปจากคุณ”
แพรไหมบอกอย่างหน้าตาเฉย ราวกับยินดีที่เขาถูกคนรักทิ้งไปเสียอย่างนั้น หรือนี่เขากำลังระบายให้ฟังผิดคน เหมือนเธอกำลังซ้ำเติมเขาซะมากกว่า นคินทร์คิด ขณะถามย้ำอีกครั้ง
“คุณบอกว่าโชคดีอย่างนั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
แพรไหมตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น เป็นเรื่องน่ายินดี และเขาควรที่จะดีใจมากกว่ามานั่งเสียใจแบบนี้
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น”
“ก็ถ้าผู้หญิงคนนั้นรักคุณจริง เธอจะอยู่ข้างกายคุณ ทั้งในยามที่มีความสุข และทุกข์ใจ ยิ่งในเวลานี้ เวลาที่คุณมีเรื่องทุกข์ใจ ไม่มีคนรักคนไหนปล่อยให้คนที่ตัวเองรักต้องเผชิญกับความทุกข์เพียงลำพังหรอกค่ะ
ถ้าเธอคนนั้นรักคุณจริง จะต้องอยู่ข้าง ๆ คอยปลอบโยนให้กำลังใจ จับมือคุณไว้ให้แน่นแล้วผ่านช่วงเวลาเลวร้ายเช่นนี้ไปพร้อมกับคุณ ไม่ใช่ทำให้คุณมีเรื่องทุกข์ใจเพิ่มอีกแบบนี้ แบบนั้นน่ะถึงเรียกว่ารัก”
อธิบายจบหันไปสั่งบรั่นดีเพิ่มอีกคนละแก้ว ก็จริงอย่างที่เธอว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นรักเขาอย่างที่เขารักเธอ คงไม่ทิ้งเขาไปมีคนใหม่ได้เร็วขนาดนี้
กลับกันหากเป็นเขา จะอยู่กับเธอไม่มีวันทิ้งไปไหนอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดจะมาทุกข์ใจเพราะผู้หญิงที่ไม่สนใจความรู้สึกตนเองเลยสักนิดไปทำไม คำพูดแสนธรรมดาสามารถดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาได้ดีมาก
“ก็จริงของคุณ”
“เพราะฉะนั้นรีบเศร้า รีบหาย เสียใจได้แต่อย่านาน คนบางคนไม่มีค่าให้เราจดจำหรอกค่ะ เก็บไว้จำเฉพาะคนที่เรารักคนที่เขารักเราจะดีกว่า ทุกปัญหามีทางออกของมันเสมอ คุณยังโชคดีที่มีครอบครัวรออยู่ไม่เหมือนกับฉัน”
ว่าแล้วหญิงสาวก็มีสีหน้าที่หม่นลงอีกครั้ง ความเศร้าเสียใจที่พยายามลืม กับลอยขึ้นมาอีก ความจริงแสนเจ็บปวด ทำอย่างไรก็ไม่อาจจะยอมรับมันได้ในเวลานี้ เห็นเธอเป็นเช่นนี้ก็อดถามไม่ได้
“แล้วคุณล่ะบอกได้มั้ย ว่าทุกข์ใจเรื่องอะไรอยู่ เอาความทุกข์มาแบ่งปันกับผมได้นะ ผมพร้อมรับฟังถ้ามันพอช่วยให้คุณสบายใจขึ้นมาได้บ้าง”
“เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ค่ะ ฉันต้องผ่านไปให้ได้ด้วยตัวเอง”
ตอบน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังจะร้องไห้ เห็นสายตาคมจ้องมองมาไม่ละสายตา จึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวของตัวเองบ้าง
“คือ.. ฉันเพิ่งเสียคุณพ่อไปค่ะ”
