บท
ตั้งค่า

14 ถึงเวลาต้องจากลา

ฝ่ามือเย็นจับบ่ามน ช่วยเรียกสติคนเหม่อลอยให้หลุดจากภวังค์ ใบหน้าขาวซีดหันมองตามเสียงเรียกเชื่องช้า ดวงตาทั้งสองข้างอาบไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ ที่ยังไหลออกมาไม่หยุด

“ถึงเวลาที่เราต้องเข้าไปบอกลาคุณอากันแล้วล่ะ”

คุณหมอหนุ่มบอกพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ แสนสงสารจับใจที่ต้องพูดเช่นนี้ แพรไหมทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ไม่สามารถรั้งชีวิตของบิดาให้อยู่กับตนเองได้อีกต่อไป

พอลหันไปบอกกับพยาบาลสาวที่ยืนรอคำตอบจากญาติ ให้บอกทีมแพทย์ว่าไม่ต้องปั๊มต่อแล้ว พวกเขาจะเข้าไปบอกลาคนไข้เป็นครั้งสุดท้าย

เพราะยิ่งยื้อยิ่งทำให้คนไข้ทรมานรวมถึงญาติผู้ป่วยที่ทรมานใจไปด้วย ตอนนี้ร่างกายของคนไข้รับไม่ไหวแล้ว คุณหมอและพยาบาลพากันเดินออกจากห้องปล่อยให้ญาติได้ใช้เวลาที่เหลือบอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายเป็นการส่วนตัว

คุณหมอหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นพี่ จูงมือน้องสาวที่ยืนร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก เดินนำเข้าไปด้านใน แพรไหมเดินตามไปอย่างว่าง่าย ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ร่างบิดา น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

“พี่ออกไปรอข้างนอกนะ” พอลบอกเพราะคิดว่าเธอคงอยากบอกลาบิดาเป็นการส่วนตัว

“อย่าไปค่ะ”

เสียงเล็กสั่นเครือเอ่ยห้ามเบา ๆ พร้อมดึงรั้งชายเสื้อผู้เป็นพี่เอาไว้แน่น นี่เป็นประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวในรอบหนึ่งชั่วโมง

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ไปไหนแล้ว จึงใช้สองมือปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้างด้วยความรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปหาร่างผู้เป็นบิดา ที่ตอนนี้หายใจรวยรินลงเรื่อย ๆ

มือเรียวเล็กโอบรวบมือหนาที่มีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาของบิดา ประคองขึ้นมาแนบไว้ที่ข้างแก้มตัวเองอย่างเบามือ

“คุณพ่อคะ ไม่ต้องห่วงแพรนะคะ แพรอยู่ได้แพรจะเข้มแข็งจะไม่เศร้านาน จะกินให้อิ่มจะนอนให้หลับ แพรจะมีความสุขจะทำอย่างที่คุณพ่อต้องการ คุณพ่อได้ไปเจอคุณแม่ก่อนแพรฝากหอมแก้มแม่และฝากบอกแม่ว่าแพรคิดถึงท่านมากด้วยนะคะ ไปอยู่ทางโน้นคอยมองลงมาเวลาที่คิดถึงแพรด้วยนะ เกิดชาติหน้าขอให้เราได้เป็นพ่อลูกกันอีกแพรรักพ่อค่ะ”

หญิงสาวพูดน้ำเสียงแหบพร่าพูดไปด้วยก็ร้องไห้ไป พูดจบเธอก็ประทับจูบลงที่หลังมือหนาของบิดาอย่างแสนรักก่อนจะลุกขึ้นจูบที่หน้าผากแก้มทั้งสองข้างบิดา และกลับมานั่งกุมมือมองหน้าบิดาเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้ร่างกายเริ่มซีดขาวลง

ชีพจรเต้นอ่อนลงเรื่อย ๆ จนเสียงเครื่องสัญญาณชีพดังขึ้นนั่นหมายความว่า หัวใจของท่านหยุดเต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ต่างพากันทยอยเดินกลับเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง น้ำตาที่พยายามฝืนกลั้นไว้ก็กลับมาไหลเป็นสายน้ำ

“แพรเราต้องออกไปรอด้านนอกกันก่อน”

คุณหมอพอลบอกพร้อมกับประคองร่างบางที่สองมือยังคงจับมือหนาของบิดาตนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ให้ลุกออกไปรอด้านนอกด้วยกัน ที่ตอนนี้มีชายชราผู้เป็นลุงอีกคนยืนรออยู่แล้ว หลังรู้ข่าวจากบุตรชาย ท่านก็รีบเดินทางมายังโรงพยาบาลทันที ด้วยความเป็นห่วงหลานสาวที่ตอนนี้เหลือตัวคนเดียว

“แพรไหมลูก”

ผู้เป็นลุงโผเข้าสวมกอดให้กำลังใจหลานสาวทันทีที่เดินออกมาหน้าห้อง เมื่อเห็นว่าเป็นใครแพรไหมสวมกอดกลับพร้อมกับปล่อยโฮออกมาราวเด็กน้อย

“คุณพ่อเสียแล้วค่ะคุณลุง คุณพ่อจากแพรไปแล้ว พ่อทิ้งแพรไปแล้ว”

แพรไหมบอกน้ำเสียงสั่นเครือ กอดร่างท้วมของผู้เป็นลุงแน่น ราวกับเป็นที่พึ่งพิงในเวลานี้

“ลุงรู้ ลุงรู้แล้ว ไม่เป็นไรนะหนูยังมีลุงอยู่เข้มแข็งไว้นะลูก”

คุณหมอหนุ่มทำเรื่องรับศพผู้เป็นอาแทนน้องสาว โดยปล่อยให้บิดาทำหน้าที่ปลอบโยนหลานสาว นานนับชั่วโมงกว่าหญิงสาวจะสงบลง

“จากนี้จะเอายังไงต่อ แพรย้ายมาอยู่กับลุงที่นี่ได้นะ”

“แพรยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ คงต้องกลับไปเรียนต่อให้จบก่อน เพราะเหลืออีกแค่สองเทอม จากนั้นแพรค่อยคิดอีกทีนะคะ”

แพรไหมอธิบาย ตอนนี้คิดไม่ออกเช่นกันว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดี

“ไม่เป็นไรค่อย ๆ คิดยังไงหนูก็ยังมีลุงมีพี่พอลอยู่ หนูอยากจะมาหาหรือจะย้ายมาอยู่กับลุงตอนไหนก็ได้ ที่นี่ก็เป็นบ้านของหนูเหมือนกัน พวกเรายินดีต้อนรับหนูเสมอจำไว้นะ”

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณลุง”

“งั้นเรากลับไปรอพอลที่บ้านกันก่อน”

“ค่ะ”

แพรไหมรู้สึกซึ้งใจ อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกอย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวหรือตัวคนเดียวอย่างที่คิดไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel