ตอนที่ 5 ภารกิจแลกกับอิสรภาพ
เซียวอี้หยางบอกกับตัวเองว่า เขาไม่มีเวลาให้หวนหาถึงอดีตอีกต่อไปแล้ว ที่นั่นไม่มีสิ่งใดให้ต้องอาวรณ์อีก บัดนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้และปรับตัวกับโลกยุคปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ท่านเขียนอักษรได้งดงามและทรงพลังยิ่งนัก”
เซียวอี้หยางวางพู่กันลงก่อนส่งภาพวาดให้นายท่านหลี่
“ของขวัญวันเกิดที่ท่านต้องการ”
อีกเพียงวันเดียวก็จะถึงงานเลี้ยงวันเกิดของนายพลผู้ทรงอำนาจระดับประเทศ เหล่าขุนนางและเศรษฐีต่างสรรหาของขวัญล้ำค่าเพื่อถวาย แม้แต่นายท่านหลี่ก็ไม่เว้น
“ขอบใจท่านมาก” หลี่หรงรับด้วยความพึงใจ แม้เซียวอี้หยางจะเป็นเพียงผู้น้อยกว่า แต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่น เขาจึงได้รับการยกย่องและให้ความสำคัญ
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” เซียวอี้หยางตอบอย่างถ่อมตน สำหรับเขาแล้วการวาดภาพและเขียนโคลงหาใช่เรื่องใหญ่โต ยิ่งเมื่อเปรียบกับการที่นายท่านหลี่อุปถัมภ์เขามาตลอดเกือบครึ่งปี
“ตอนนี้ท่านก็ได้เรียนรู้อะไรมากพอสมควรแล้ว คิดไว้อย่างไรต่อไปหรือไม่”
แท้จริงแล้วหลี่หรงได้วางแผนจัดเตรียมอนาคตให้เขาเรียบร้อย ทว่าคนเช่นเซียวอี้หยางควรได้รับสิทธิ์ในการเลือกด้วยตนเอง
“ท่านคงมีแผนอยู่แล้วกระมัง” เซียวอี้หยางเอ่ย แม้จะยังไม่อาจเข้าใจโลกยุคนี้ทั้งหมด แต่ก็มั่นใจว่านายท่านหลี่ย่อมเตรียมการทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ
“ดี! เช่นนั้นงานนี้เราสองต่างได้ประโยชน์” หลี่หรงยิ้มบางก่อนหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมาเปิดให้ดู
“นี่คือบัตรประจำตัวของท่าน ตั้งแต่นี้ไปท่านคือคุณชายเซียวอี้หยาง อายุ 18 ปี เป็นบุตรบุญธรรมของข้า ประวัติทุกอย่างจัดทำเรียบร้อย อ้างว่าเคยประสบอุบัติเหตุจนต้องหยุดเรียนไป บัดนี้กำลังจะกลับมาเรียนต่อ”
เซียวอี้หยางตั้งใจฟังอย่างสงบ
“ข้าจะฝากฝังให้ท่านช่วยคุ้มครองบุตรสาวของข้า—ฟางเฟยเหลียน นางเรียนอยู่ที่นี่ ท่านจะได้เข้าเรียนในชั้นเดียวกับเหลียนเอ๋อร์ด้วย”
สายตาคมกริบฉายแววสงสัยทันที “เหตุใดท่านจึงปล่อยให้นางออกมาอยู่ภายนอก?”
ในสมัยโบราณบุตรสาวต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีภายในเรือนเสมอ
“ข้ามีเหตุจำเป็น และการคุ้มครองนี้จำต้องเป็นความลับ ข้าได้เตรียมบ้านและทุกอย่างให้ท่านเรียบร้อยแล้ว”
เซียวอี้หยางไม่ซักไซ้ต่อ เหตุผลเหล่านั้นเขาไม่จำเป็นต้องรับรู้ อีกทั้งการได้เข้าเรียนยังสถานศึกษาในโลกใหม่นี้ย่อมเปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้มากขึ้น การปกป้องเด็กสาวผู้หนึ่งหาใช่เรื่องยาก
“เมื่อท่านได้เล่าเรียน ข้าเชื่อว่าท่านย่อมหาหนทางของตนเองได้ หากท่านยินดีร่วมงานกับองค์กรของเราในอนาคต ข้าก็ยินดีต้อนรับเช่นกัน”
แผนการของหลี่หรงเหนือความคาดหมาย แต่เซียวอี้หยางเข้าใจดีว่าคนผู้นี้ย่อมหวังผลลัพธ์บางอย่าง หากวาสนานำพา เขาอาจสมดังใจหมาย
“ได้ ข้าตกลงตามที่ท่านเสนอ ขอบคุณท่านที่ให้โอกาสข้าตัดสินใจด้วยตนเอง”
จากนี้ไปเขาก็ถือว่าเป็นคนยุคปัจจุบันอย่างแท้จริงแล้ว บ้าน รถ และทรัพย์สินพร้อมสรรพ เหลือเพียงหนทางที่เขาจะเลือกเดิน สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก
เมื่อหลี่หรงจากไป เซียวอี้หยางหยิบภาพถ่ายของฟางเฟยเหลียนขึ้นมาดู ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาเรียวยาวสดใส คิ้วโก่งโค้งรับกันพอดี จมูกเชิด ริมฝีปากบาง ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด แววตาดูดื้อรั้นเจ้าอารมณ์เล็กน้อย หากแต่ก็น่ารักน่าชัง ภาพถ่ายยุคนี้ช่างสมจริงยิ่งนัก
—
เจ็ดวันให้หลัง
เซียวอี้หยางในชุดนักเรียนโรงเรียน International High School JVA ยืนอยู่หน้าห้องเรียนด้วยท่าทางประหม่า นักเรียนทั้งห้องหันมาจับจ้องด้วยความสนใจ แม้แต่ฟางเฟยเหลียนเองก็ไม่เว้น
เมื่อเห็นเขาตัวจริง หญิงสาวกลับมีนัยน์ตาอ่อนโยนกว่าในภาพถ่าย พลางส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้กำลังใจ
ความงามสง่าและท่าทีเขินอายของเขาทำให้เด็กสาวหลายคนยิ่งให้ความสนใจ ส่งยิ้มยียวน ล้อเลียนกันอย่างเปิดเผย จนเซียวอี้หยางถึงกับตกตะลึง—สตรีสูงศักดิ์จากตระกูลร่ำรวย ไยจึงมีมารยาเปิดเผยถึงเพียงนี้?
“ผม เซียวอี้หยาง ฝากตัวกับทุกคนด้วยครับ”
“ยินดีต้อนรับคร่าาา~” เด็กสาวหลายคนแย่งกันตอบ เสียงจอแจดังไปทั่ว เด็กหนุ่มในห้องเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“อาจารย์ฝากเพื่อน ๆ ช่วยดูแลเพื่อนใหม่ของเราด้วยนะคะ อย่ารังแกเขาเด็ดขาด เซียวอี้หยางเพิ่งหายป่วย อาจยังไม่คุ้นชินกับหลายสิ่ง ขอให้ช่วยกันแนะนำด้วย”
โต๊ะที่ว่างอยู่ติดหน้าต่าง ถูกจัดไว้ให้เขานั่งข้างโต๊ะอาจารย์ ความตื่นเต้นแผ่วซ่านในใจ เขาสังเกตว่าสถานศึกษาแห่งนี้แตกต่างจากสมัยโบราณโดยสิ้นเชิง ก่อนถึงเวลาเรียน ทั้งครูและนักเรียนต่างทักทายกันอย่างสนิทสนม
เมื่ออาจารย์เข้ามาสอนวิชาแรก—คณิตศาสตร์ เซียวอี้หยางถึงกับมึนงง แม้จะได้รับการติวมาก่อน แต่ตลอดทั้งคาบก็แทบไม่เข้าใจ การแสร้งเป็นคนป่วยเพิ่งฟื้นกลับกลายเป็นข้ออ้างที่สมจริงเสียยิ่งกว่าจริง
“ถ้านายไม่เข้าใจ หลังเลิกเรียนให้เราติวให้ก็ได้นะ” จางอินอิงเดินเข้ามากล่าวไมตรี
“อารายยย~ อินอิง หล่อนนี่ไวจริงนะ!” เพื่อน ๆ รีบแซวพร้อมกรูกันเข้ามาที่โต๊ะเซียวอี้หยาง
“นายเซียว อย่าไปหลงกลสาวอินอิงนะ!” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ
เซียวอี้หยางเพียงยิ้มบาง ๆ อย่างกระอักกระอ่วน ไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี หญิงสาวในที่นี้ช่างร่าเริงเปิดเผยเกินคาด
“ทุกคนกลับที่นั่งกันได้แล้วค่ะ อย่าก่อกวนเลยนะคะสาว ๆ”
อาจารย์ประเภทสองเดินเข้ามาใช้สายตาห้ามปราม เสียงหัวเราะคิกคักยังดังเป็นระยะ แต่ก็พากันแยกย้ายกลับโต๊ะ
เซียวอี้หยางกวาดตามองรอบห้อง ก่อนทอดสายตาไปยังฟางเฟยเหลียน ความอ่อนโยนผุดขึ้นในแววตา พลันเข้าใจขึ้นมาว่า—บางที นางอาจไม่ต้องการยอมรับตระกูลหลี่ เพราะการได้อยู่ในโลกที่อิสระเช่นนี้ ก็ดีงามอยู่แล้ว
