บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

“ใช่ค่ะ คุณแบงค์ นายนักร้องนั่นพยายามบีบคอยายเจนจิรา แต่รินไม่ได้ทำอะไรนะคะแม่ รินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นหรือตาย”

“แล้วนี้รินหายไปไหนมาทั้งคืน แม่โทร.หารินก็ไม่ติด แม่โทร.หาชานนท์ ชานนท์ก็ให้คำตอบอะไรแม่ไม่ได้ บอกแต่เพียงว่ายังรินไม่เจอ รินไปไหนมาลูก” คุณอำไพถามด้วยความสงสัย

คำถามของคุณอำไพทำให้รินนลีลำบากในใจการตอบยิ่งนัก ถ้าบอกว่าถูกจับตัวไปมารดาคงจะเป็นลมล้มพับไปแน่ ในขณะที่กำลังหาทางออกที่กำลังจะตอบคำถามาอยู่นั้น เสียงสวรรค์ก็ช่วยไว้ได้ทันเวลาพอดี

“น้องริน ไปอยู่บ้านผมมาครับ” ภูชิตก้าวเข้ามาพร้อมกับอธิบายต่อไปว่า

“ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วย ที่ไม่ได้บอกให้คุณน้าทราบก่อน กลัวว่าคุณน้าจะเป็นห่วง พอดีตอนนั้นน้องรินตกใจมากก็เลยโทร.หาผม ผมก็เลยตัดสินใจให้น้องรินหลบไปพักที่บ้านผมก่อนครับ” ภูชิตมองหน้ารินนลีเป็นสัญญาณให้รู้ว่าให้เลยตามเลยไปก่อน

คุณอำไพรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เมื่อรู้ว่าบุตรสาวของตนปลอดภัยเพราะได้ภูชิตคอยช่วยเหลือไว้นี่เอง แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเรื่องคดีความข้อกล่าวหาที่ตำรวจตั้งขึ้นเพื่อจับกุมรินนลีไม่ได้ ภูชิตดูเหมือนจะรู้ความกังวลของคุณอำไพจึงเอ่ยขึ้นมาว่า

“ถ้าคุณน้าห่วงเรื่องคดีของน้องรินตอนนี้ ผมว่าเราต้องหาที่ให้น้องรินหลบไปสักพักดีไหมครับ รอให้เรื่องเงียบไปหน่อยแล้วเราค่อยหาหลักฐานให้ได้มากกว่านี้เพื่อสู้คดี ถึงตอนนั้นน้องรินค่อยกลับมาใหม่ดีไหมครับคุณน้า” ภูชิตเสนอทางออกเพื่อให้เข้ากับแผนของตน

คุณอำไพกับรินนลีมองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ รินนลีตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากภูชิตไม่ว่าวิธีใด เพราะหญิงสาวมั่นใจว่าตนเองไม่ผิดและคิดจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด

“รินต้องขอขอบคุณ คุณภูชิตมากนะคะที่คิดจะช่วย แต่ว่ารินคิดว่าจะไม่หนีจะสู้ให้ถึงที่สุด ในเมื่อรินไม่ได้ทำก็จะสู้หาความยุติธรรมให้กับตนเองอย่างถึงที่สุด” รินนลีตอบเสียงดังฟังชัด

“ตอนนี้น้องรินอาจจะคิดแบบนั้นได้ แต่เห็นทีว่าจะทำไม่ได้” ชายหนุ่มพูดตามข้อมูลที่ได้รับทราบมาว่า

“น้องรินจะเอาอะไรไปสู้กับพวกนั้น ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างที่ทางตำรวจมีมัดน้องรินแน่นหนา พี่ขอให้เพื่อนที่อยู่กองปราบช่วยสืบหาข้อมูลมาให้แล้ว”

“แล้วจะให้หนูรินไปอยู่ที่ไหนคะ คุณภูชิต” คุณอำไพถามขึ้นมาเป็นคนแรก

“บ้านสวนของผมไงครับ คุณน้า”

คุณอำไพตั้งสติคิดตรึกตรองอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจตอบภูชิตไปว่า

“ได้ค่ะน้าฝากน้องด้วยนะคุณภูชิต เดี๋ยวทางนี้น้าจะรับมือเองถ้าใครถามหาหนูริน น้าจะบอกว่าไม่อยู่หนูรินยังไม่กลับมาที่นี่”

“ดีเลยครับ ระหว่างนี้ผมก็จะให้เพื่อนที่อยู่กองปราบช่วยหาหลักฐานมาช่วยน้องรินอีกแรงหนึ่ง” ภูชิตรับคำทันที

“ไปลูก หนูริน ไปเก็บเสื้อผ้า” คุณอำไพลุกขึ้นบัญชาการทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา

บ้านสวนเมืองนนท์เป็นที่เดียวที่เหมาะสมกับรินนลีในตอนนี้ เพราะคงไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวจะหลบไปตั้งหลักที่นั้นอย่างแน่นอน คุณอำไพเห็นด้วยกับข้อเสนอของภูชิต และอยากให้ทุกอย่างคลี่คลายก่อนจึงค่อยคิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี นางห่วงเรื่องเดียวคือความปลอดภัยของบุตรสาว

“แม่คะ รินว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องหนีแล้วไปรบกวนคุณอื่นนะคะ” หญิงสาวแย้ง แต่คุณอำไพให้เหตุผลที่รินนลีไม่อาจปฎิเสธได้ว่า

“หนูรินฟังแม่นะ ที่บ้านสวนนั้นไม่ใช่คนอื่นที่นั่นคือสวนของคุณยายมีคนเก่าแก่ของคุณยายทั้งนั้น พวกเขาจะช่วยหนูได้เป็นอย่างดี หนูหลบไปที่นั่นซักพักพอเรื่องเงียบหนูค่อยกลับมานะลูก”

"แต่ว่า แม่คะ..."

“ไม่มีเวลามากนะรีบไปเก็บเสื้อผ้า เชื่อแม่สักครั้งนะ แม่ไม่อยากเห็นหนูต้องไปนอนในคุกโดยที่หนูไม่มีความผิด” คุณอำไพน้ำตาซึม สองแม่ลูกกอดกันแน่นสะอื้นเบาๆ ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะรีบบอกให้รินนลีไปเก็บเสื้อผ้า

ยังไม่ทันที่รินนลีจะขยับตัวไปไปเก็บของตามที่มารดาบอก เสียงรถยนตร์หลายคันก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน พร้อมกับเสียงโหวกเหวกดังลั่นของบรรดาผู้มาเยือน กองทัพนักข่าวที่พร้อมใจกันมาทำข่าวเรื่องคดีของรินนลี

แต่เสียงโหวกเหวกที่ดังลั่นอยู่นั้นต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว เมื่อชานนท์นักข่าวหัวใจสาวรุ่นพี่ของรินนลีประกาศชัดเจนว่า

“ใครก็ห้ามเข้าไปรบกวนในบ้านของน้องริน ตอนนี้น้องรินเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ถ้าใครอยากรู้อะไรมาถามฉันได้ฉันอยู่กับน้องรินตลอด ห้ามหน้าไหนทั้งนั้นไปรบกวนคุณแม่ของน้องรินเด็ดขาด ใครไม่เชื่อจะได้เห็นดีกัน” ชานนท์ประกาศเสียงกร้าวอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเดินไปปิดทางเข้าประตูบ้านของรินนลี

“แต่เรามาทำข่าวนะคะ พี่ชานนท์ มาทำกับเราอย่างนี้ไม่ได้นะ” นักข่าวสาวจากสำนักพิมพ์หนึ่งแย้งขึ้น ทำให้คนอื่นอื้ออึงไปด้วย

“ก็ฉันไม่ให้เข้าไปใครจะทำไมย่ะ มีปัญหาเหรอ” ชานนท์ตวาดเสียงดังด้วยท่าทางเอาจริง

“รปภ.” ชานนท์ตะโกนเรียก บุรุษร่างกำยำสองคนเข้ามายืนใกล้ๆหลังชายหนุ่ม

“ถ้าใครกล้าเข้าไปรบกวนในบ้านน้องรินล่ะก็ จัดการได้เลยนะ”ชานนท์ย้ำอีกครั้ง

บุรุษกำยำทั้งสองยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆตามที่ชานนท์สั่ง ไม่มีใครกล้าที่จะเดินเข้ามาเฉียดใกล้ประตูรั้งของรินนลีเลยสักคนเดียว ชานนท์ยืนจังก้าหน้าตาเอาเรื่องอยู่หน้าบ้านขนาบข้างด้วยบุรุษร่างยักษ์อีกที

ในขณะที่กองทัพนักข่างที่มายืนรออยู่ที่หน้าบ้านของหญิงสาว ต่างก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างเมามัน แต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะก้าวขาเดินออกมาประจันหน้ากับชานนท์เลยแม้แต่สักคนเดียว

รินนลีที่แอบซุ่มดูอยู่ในบ้านต้องน้ำตาซึมเมื่อเห็นความมีน้ำใจของนักข่าวรุ่นพี่ จึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของมารดา โดยมีภูชิตเตรียมความช่วยเหลือหญิงสาวอยู่แล้ว

“มีเวลาไม่มากนะครับ น้องริน” ภูชิตเตือนเมื่อเห็นรินนลียังไม่ยอมหยุดกอดคุณอำไพ

“รินจะไปทางประตูหลังนะคะแม่” รินนลีลามารดา

“แม่เชื่อว่าหนูรินของแม่เป็นผู้บริสุทธิ์ อดทนนะลูก”

รินนลีกอดคุณอำไพอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งในความรักของแม่ที่มีต่อตน แล้วค่อยๆ หยิบกระเป๋าเดินจากไป หันหลังกลับมามองมารดาอีกครั้ง คุณอำไพพยักหน้าแล้วยิ้มให้บุตรสาวก่อนจะโบกมือให้กำลังใจ

"น้องรินออกไปทางหลังบ้านนะครับ ถ้าเห็นรถกระบะสีน้ำเงินให้ขึ้นไปได้เลยแล้วบอกคนขับว่า ภูชิตส่งมาเดี๋ยวเขาจะพาน้องรินไปยังที่ปลอดภัยครับ" ภูชิตกระซิบบอกให้หญิงสาวรู้ แล้วช่วยดูต้นทางที่จะส่งรินนลีออกจากบ้านอย่างปลอดภัย

หญิงสาวเห็นรถกระบะสีน้ำเงินจอดคอยตามคำบอกของภูชิต จึงรีบเข้าไปเคาะกระจกฝั่งคนขับทันที

“คุณภูชิต ส่งมาค่ะ”

“สมบัติของคุณมีแค่นี้เหรอ” เสียงถามคุ้นหูยิ่งนักของรินนลีเหลือเกิน

“นาย...” หญิงสาวตกตะลึงเมื่อเห็นว่าใครที่ภูชิตส่งมา ในมือยังคงยึดกระเป๋าไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“อย่าเพิ่งถามมากขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวพวกก็แห่กันมาหรอก” ภูบดินทร์พยายามดันหญิงสาวเข้าไปนั่งในรถ

“นี่มันอะไรกัน นายกับคุณภูชิตเป็นพวกเดียวกันเหรอ แล้วนายจะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ” รินนลีงงไปหมดแล้ว

“นี่คุณ จะมาบ้าอะไรตอนนี้ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ภูบดินทร์สั่งเสียงแข็ง

“ไม่ ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ” รินนลีปฎิเสธเสียงดังลั่น หญิงสาวพยายามสะบัดตัวอย่างรุนแรง ไม่ให้ชายหนุ่มผลักตนเองเข้าไปนั่งในรถได้

ภูบดินทร์จำเป็นต้องงัดไม้ตายสุดท้ายขึ้นมาใช้ คือการอุ้มตัวของหญิงสาวขึ้นมาพาดบ่าหนาของตน แล้วจับโยนเข้าไปที่เบาะหลังจากนั้นก็รีบออกรถอย่างเร็วที่สุด

“ชั้นเจ็บนะ ไอ้บ้า ทำไมนายทำกับฉันอย่างนี้” รินนลียิ่งโวยวายมากกว่าเดิม

“หยุดโวยวายซะทีเถอะน่า คุณไม่รู้หรือไงทุกคนเค้ากำลังช่วยคุณอยู่ คุณจะร้องหาพระแสงให้มันได้อะไรขึ้นมาหรือว่าคุณอยากติดคุก” ภูบดินทร์ขู่

“นี่ มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ ทำไมฉันต้องเจออะไรแย่ๆ อย่างนี้ด้วย ”

รินนลีปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นแล้ว นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นนักหนาภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรที่ฆ่าคน โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยทั้งนั้น ต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตต่อไปอีกหนอ

ภูบดินทร์ถอนหายใจด้วยความสงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ชายหนุ่มปล่อยให้รินนลีนั่งร้องไห้ระบายความอัดอั้นตันใจให้พอ ก่อนจะเปิดประตูลงมาด้านหลังแล้วดึงร่างบางที่กำลังร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจในชีวิต เดินอ้อมมาเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วจับตัวหญิงสาวลงไปนั่งให้เรียบร้อยพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จ ก่อนจะรีบเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านคนขับจากนั้นก็รีบขับรถออกรถไปทันที

รินนลีสะอึกสะอื้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง แล้วหันมาถามภูบดินทร์ที่ทำหน้าที่สารถีจำเป็นว่า

“นี่ เราจะไปไหนกันแน่”

“บ้านสวนเมืองนนท์”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel