บทที่ 3
พระสงฆ์ให้ศีลให้พรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระคุณเจ้าจึงย่างกรายเดินไปรับบาตรโปรดสัตว์เป็นกิจวัตรยังสถานที่ต่อไป หญิงวัยกลางคนเทน้ำในถ้วยลงที่โคนต้นชมพู่หน้าบ้านด้วยอาการสงบ และส่งแรงอธิษฐานแผ่ไปยังบุคคลอันเป็นที่รักที่ล่วงลับจากไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว
รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหวานคมคายดวงตาคมขำ ที่มองยังไงก็มีชีวิตชีวาเสมอกำลังก้มๆเงยๆ พับโต๊ะเก็บข้าวของที่ใช้ในการตักบาตรบาตรเมื่อครู่นี้ให้เรียบร้อย
“หนูรินไปลูก เข้าบ้านไปทานข้าวต้มปลากัน” คุณอำไพเอ่ยชวนบุตรสาวเข้าบ้าน
“ค่ะ แม่ ” รินนลีรับคำ แล้วรีบยกโต๊ะเข้าไปเก็บทันที
ทุกเช้าสองแม่ลูกจะตักบาตรด้วยกัน ไม่ว่ารินนลีจะกลับดึกขนาดไหนก็จะต้องตื่นมาเสมอ ถือเป็นกิจวัตรสำคัญสำหรับหญิงสาวเลยก็ว่าได้
รินนลีเป็นบุตรสาวคนเดียวของคุณอำไพ วงค์สุขภรรยาม่ายของท่านรักเกียรติ วงค์สุขอดีตผู้พิพากษาที่ล่วงลับไปนานหลายปีแล้ว สองแม่ลูกอยู่กันเพียงลำพังหลังจากที่บิดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุระหว่างปฎิบัติหน้าที่ เมื่อเรียนจบแล้วรินนลีก็ทำหน้าที่ดูแลมารดาเป็นอย่างดีเสมอมา
รินนลีเป็นนักข่าวสายบันเทิงของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย ทำงานที่นี่หลังจากที่มาฝึกงานและเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รุ่นพี่จะดึงตัวเธอเอาไว้ทำงาน ถือเป็นโชคดีเลยก็ว่าได้ที่ไม่ต้องไปเที่ยวหางานที่อื่นทำ
นอกจากนี้ รินนลียังเป็นนักเขียนนิยายแนวรักโรแมนติกมือสมัครเล่นอีกด้วย ชื่อที่หญิงสาวใช้เป็นนามปากกาที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักอ่านนิยายแนวนี้ก็คือ ‘ขนมครก’
นิยายบางเรื่องของรินนลีนั้นได้พล็อตเรื่องมาจาก เรื่องราวความรักของบิดากับมารดาในอดีตบ้าง หรือบางทีก็เป็นพล็อตที่ได้มาจากความรักของเพื่อนฝูงหรือคนรอบข้าง
แต่ถ้าจากประสบการณ์ตรงของเธอแล้วล่ะก็ รินนลีมักจะบอกกับทุกคนเสมอว่าความรักของเธอนั้นค งจะเหมือนกับขนมครกที่ไม่มีนิยามอะไรมากมายเป็นพิเศษ คงจะเหมือนกับสูตรของขนมครกที่มีแค่กระทิกับน้ำตาล ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นแป้งข้าวเจ้า ที่ผสมให้เข้ากันมีรสชาติกลมกล่อมเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าจะให้อร่อยพอดีก็ต้องหยอดลงไปในเวลาที่เตาร้อนพอดี
เพราะเชื่อเสมอว่าความรักก็คงเหมือนกับขนมครก ที่รอเวลาให้เตาร้อนพอดี แล้วจึงค่อยหยอดเนื้อลงไป เมื่อถึงตอนนั้นความรักของรินนลีก็จะเกิดขึ้นเอง
“แม่ รินไปนะคะ เย็นๆ เจอกัน” หญิงสาวยิ้มให้มารดา ก่อนจะหันไปหอมแก้มเป็นการเอาใจ
"ขับรถดีๆ นะลูก" สองแม่ลูกกอดกันอีกครั้ง คุณอำไพเดินมาส่งบุตรสาวเหมือนเช่นทุกวัน
กองบรรณาธิการสายบันเทิง
“น้องรินขา บ.ก เรียกหา รีบไปเร็ว” ชานนท์ เพื่อนรุ่นพี่หนุ่มหัวใจสาวร้องบอกมาแต่ไกล
“บ.ก มีอะไรแต่เช้าค่ะ ถึงได้เรียก” รินนลีเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
“อันนี้พี่ชารอนก็ไม่ทราบ แต่ว่าทางที่ดีน้องรินรีบไปดีกว่านะ ถ้าให้รอนานเดี๋ยวจะไม่ดี ”
"ค่ะ รินจะรีบไปเดี๋ยวนี้" รินนลีเก็บของแล้วลุกขึ้นทันที
“หัวหน้า มีอะไรจะใช้รินเหรอคะ” รินนลีเคาะประตูห้องที่เปิดไว้ ส่งเสียงถามก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้า ชานนท์เดินตามเข้ามาอีกคนแล้วปิดประตูทันที
"มานั่งทั้งสองคนเลย" พี่วุฒิผลักเอกสารที่อยู่ตรงหน้ามาให้หญิงสาวดู ก่อนที่จะเริ่มอธิบายว่า
“อยากให้รินกับชานนท์ไปช่วยกันเขียนสกู๊ปข่าวพิเศษหน่อยได้ไหม พี่ตั้งใจจะให้ข่าวนี้เป็นของขวัญพิเศษกับคนที่อ่านหนังสือพิมพ์ของเรา และคนที่ชื่นชอบในดาราที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากการคะแนนโหวตทั้งปี พี่เลือกมาให้แล้ว” พี่วุฒิหยิบรูปดารานักร้องชายวัยรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้
“นี่จะให้ไปเกาะติด ชีวิตซุปตาร์เลยเหรอค่ะ” รินนลีถามด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ แต่พี่ไม่อยากได้เหมือนปกติที่คนอื่นทำกันนะ อยากได้ชีวิตตอนที่ไม่ได้เป็นดารานักร้อง” ชายหนุ่มอธิบายต่อไปว่า
“อยากให้รินไปดูชีวิตความเป็นอยู่เบื้องหลังความดังของซุปตาร์คนนี้ กิจวัตรหรือสิ่งที่ทำที่ไม่ใช่หน้ากล้องแต่เป็นแบบหลังกล้อง พี่อยากให้ซุปตาร์ของเราน่ะเป็นซุปตาร์จริงๆ ทั้งในจอและนอกจอน่ะ”
“หมายถึงจะให้รินกับพี่ชานนท์ไปเป็นปาปารัซซี่ เหรอคะ” รินนลีพอเข้าใจเนื้องานแต่อยากถามให้แน่ชัด เพื่อจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะได้สิ่งที่นายต้องการ
“ไม่ พี่บอกผ่านทางผู้จัดการส่วนตัวของเขาเรียบร้อยแล้ว รินกับชานนท์จะไปวันไหน แจ้งไปได้เลย สกู๊ปนี้สำคัญมากนะนายอยากให้เป็นของขวัญคนอ่าน พี่ถึงให้เรากับชานนท์ทำ อย่าทำให้พี่ผิดหวังล่ะ เอ้า...นี่รายละเอียดไปอ่านดูซะ”
ฃหลังจากที่ออกมาจากห้องเจ้านายแล้ว รินนลีก็ง่วนอยู่กับการอ่านรายละเอียดของงานพิเศษที่ได้รับคำสั่งมา หญิงสาวกำลังใช้สมองขบคิดกับโจทย์ที่นายให้มาเมื่อครู่นี้
‘ไม่เป็นปาปารัซซี่เดินเข้าไปดูเลย แล้วอย่างนี้จะรู้ได้ไงว่าเป็นซุปตาร์จริงหรือปลอม’
“แหม คุณน้องขาทำหน้าเมื่อยตุ้มอยู่ได้ นี่ค่ะ ชามะนาว ดื่มให้ชื่นใจก่อนสมองจะได้ปลอดโปร่ง” น้ำใจเล็กๆ น้อยจากพี่ชานนท์ชายหัวใจหญิง
ชานนท์ถือวิสาสะหย่อนตัวเองลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหญิงสาว ก่อนจะกระซิบกระซาบเบาๆกับรินนลีชนิดที่เรียกว่าลับสุดยอด
“คุณน้องขา ไม่ต้องวางแผนอะไรมากหรอก พี่คิดไว้ให้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง ไปค่ะ ไปดีกว่า”
“ไปไหนค่ะ พี่ชานนท์” รินนลีกระซิบถาม
“อ้าว แหม ไปคุยกันข้างนอกไง ก็งานเนี่ยลับเฉพาะไม่ใช่เหรอคะ” ชานนท์พยักเพยิดให้หญิงสาวเดินตามออกไป
รินนลีเก็บข้าวของพร้อมกับเตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับอาชีพ ที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นกล้องถ่ายรูปคู่ใจซึ่งบิดาซื้อให้เป็นของขวัญตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สาวน้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรอชานนท์ที่หน้าประตูสำนักงาน ไม่นานนักรถเต่าสีแดงก็มาจอดอยู่ตรงหน้า
“ขึ้นมาค่ะ คุณน้อง” ชานนท์ส่งเสียงตะโกนพร้อมกวักมือเรียกให้ขึ้นรถ
ทั้งสองออกเดินทางจากสำนักพิมพ์ไปยังจุดหมายปลายทางของงานนี้ ระหว่างที่นั้นชานนท์ก็ค่อยๆ เล่าแผนการทำงานที่คิดไว้ให้รินนลีฟังอย่างละเอียด
“อะไรนะ พี่ชานนท์ จะให้รินไปแอบถ่ายรูปคุณแบงค์เหรอคะ” รินนลีกล่าวด้วยความตกใจ เมื่อได้ฟังแผนการของกระเทยรุ่นพี่ ที่ออกไอเดียว่าให้ไปคอย‘แอบดู’พฤติกรรมส่วนตัวก่อนที่จะขอเข้าไปอย่างเปิดเผย
“ก็ไหน หัวหน้าบอกรินว่าเราสามารถแจ้งวันเวลาที่เราจะเข้าไปทำสกู๊ปได้เลยไงค่ะ”
วิสัยการทำข่าวของรินนลีไม่ใช่ การแอบ อย่างที่ชานนท์มีแผนการณ์ จรรยาบรรณคือการนำเสนอในสิ่งที่เป็นแง่มุมความจริง ถึงแม้ว่าเป้าหมายจะเป็นบุคคลในวงการมายาที่คนทั่วประเทศรู้จักในนามพระเอกก็ทีเถอะ แต่หญิงสาวก็ไม่คิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ได้ผลตอบรับตามคำสั่ง
“คุณน้องขา ตรงไปตรงมาเข้าไปบอกว่าเราจะสัมภาษณ์ ทำแบบนั้นแล้วจะได้สกู๊ปจริงของซุปตาร์ยังไงล่ะคะ” เพื่อนร่วมทางตอบเสียงแหลม
"แต่อย่าลืมนะคะว่าทำแบบนี้ไม่ใช่วิสัยนักข่าว แต่เราจะกลายเป็นปาปารัซซี่หรือพวกโรคจิตมากกว่า อีกอย่างถ้ามีเรื่องมีราวใหญ่โตขึ้นมาอาจจะเสียหายไปถึงสำนักพิมพ์ได้" สาวน้อยเตือนสติ
“มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณน้องก็รู้นี่ว่าคุณแบงค์อะไรเนี่ย ตอนนี้กำลังมีข่าวซุบซิบวงในกันให้แซ่ดว่าจริงๆ แล้วเป็น เก้ง กวางหรือชะนีหรือว่าแมนเต็มร้อยกันแน่ พี่ว่า ถ้าเราตามแอบดูจนแน่ใจแล้วเราก็ค่อยคิดคอนเซ็ปเขียนสกู๊ปเอาให้มันส์เต็มที่ไปเลยดีไหมคะ คุณน้อง” ชานนท์หัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนาน
ถึงขนาดนี้แล้วรินนลีคงไม่สามารถจะเถียงอะไรกลับไปได้ นอกจากต้องเลยตามเลยไปกับชานนท์
'ก็ดีเหมือนกัน อยากรู้จริงๆ ว่าซุปตาร์เวลาไม่มีกล้องจะเป็นยังไง’
“แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนค่ะ พี่ชานนท์” นักข่าวสาวเอ่ยถาม เมื่อตัดสินใจร่วมมือในแผนนี้
“ไม่ยากคุณน้องริน เดี๋ยวพี่ชารอนจัดให้ค่ะ” ชานนท์หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้รินนลีอ่าน ก่อนที่ตนเองจะขับรถต่อไปอย่างมีความสุข
คอนโดหรูย่านสุขุมวิท
ทั้งสองมาถึงที่หน้าคอนโดสักพักแล้วโดย ‘สายข่าว’ ของชานนท์รายงานมาว่า ที่นี่เป็นที่อยู่จริงของดาราดังที่กำลังติดตามตัวอยู่ ชานนท์และรินนลียังคงนั่งรออยู่ในรถเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
'ไม่ต้องลงคุณน้อง เดี๋ยวจะเป็นที่สงสัย เชื่อพี่อีกสักพักน้องแบงค์ก็คงจะลงจากคอนโดแล้วถึงตอนนั้นเราค่อยๆ ขับรถตามไปนะคะ’
ชานนท์กำชับรินนลีให้คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวทั้งหมดในรถ เพื่อรอว่าเมื่อไรที่ ‘เป้าหมาย’ ปรากฎตัวขึ้น ทั้งสองก็จะเริ่มทำตัวเป็น‘นักสืบ’คอยแอบดูพฤติกรรมหลังกล้องของซุปตาร์
ตั้งแต่ที่รถเต่าสีแดงเคลื่อนออกจากลานจอดรถสำนักพิมพ์จนมาถึงคอนโดแห่งนี้ รินนลีไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าเธอและรุ่นพี่หัวใจสาวตกอยู่เป็นเป้าสายตาใครอยู่
ระหว่างที่รินนลีและรุ่นพี่กำลังทำตัวเป็นนักสืบอยู่นั้น หญิงสาวสังเกตเห็นจากด้านข้างของกระจกว่า มีรถเก๋งสีดำติดฟิลม์จอดอยู่ด้านหลังรถเต่าสีแดง จึงหันมาถามชานนท์ว่า
“พี่นนท์ นั้นใช่รถของน้องแบงค์หรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ รถน้องแบงค์เป็นรถตู้ที่จอดอยู่ด้านหน้าทางขึ้นคอนโดนี่ไง นั่นๆ มาแล้ว น้องแบงค์ขึ้นรถแล้วไปเราตามไปกัน น้องรินเตรียมกล้องดีๆนะเผื่อว่าเราจะได้ภาพเด็ดๆ อะไร” ชานนท์และรินนลีละความสนใจอย่างอื่น พุ่งตรงไปที่‘เป้าหมาย’อย่างเดียว
