ตอนที่ 9 ชายารองหลิน
ถึงแม้จะเป็นการแต่งชายารองเข้ามา แต่ก็เป็นการแต่งตามราชโองการ จึงมีขุนนางและฮูหยินสูงศักดิ์มาร่วมงานไม่น้อย
จินเหยาอยู่ในงานเลี้ยงตลอด หลังส่งแขกหมดแล้ว ในจวนอ๋องก็เหลือไว้แค่ข้าวของที่ต้องจัดเก็บ บ่าวไพร่ในจวนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ผ่านไปค่อนคืนกว่าจะจัดการโต๊ะและถ้วยชามได้หมด
จินเหยาเหนื่อยล้ามาทั้งวัน จึงเรียกให้สาวใช้เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้อาบ หลังจากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย แม้พยายามข่มตาให้หลับเท่าไร ทว่าร่างกายก็ไม่สามารถทำได้ สุดท้ายนางจึงเลือกตำรามาเล่มหนึ่งและตะเกียงดวงเล็กดวงหนึ่งนั่งอ่านตำราอยู่บนเตียงนอนนั่นเอง อี้จูที่เป็นห่วงเจ้านางได้แต่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่กล้าไปไหน กลัวว่าเจ้านายจะสะเทือนใจจนนอนไม่หลับ จะเสียสุขภาพเอาได้
ตอนเช้าเรือนเยี่ยฮัวมีสาวใช้ยืนอยู่หลายคน ไม่มีใครกล้าส่งเสียเรียกเจ้านายทั้งสองที่เพิ่งร่วมหอกันไป เมื่อคืนนี้พวกนางส่งน้ำเข้าไปสามครั้ง นั่นแสดงว่าท่านอ๋องและชายารองหลินรักใคร่สนิทสนมกันยิ่ง ข่าวลือก่อนหน้านี้คาดว่าจะเป็นจริง ท่านอ๋องของพวกนางสมัครรักใคร่กับชายารองหลินก่อนจะแต่งพระชายาเข้าจวนแล้ว
ในเมื่อท่านอ๋องรักใคร่โปรดปรานชายารองมากเช่นนี้แล้วใครยังจะดูถูกชายารองหลินอีกเล่า มีก็แต่พวกไม่มีตาเท่านั้นที่ไม่ก้มหัวให้นาง ต่อจากนี้นับว่าจวนลี่อ๋องมีเรื่องให้ดูชมมากมายแน่นอน
เรือนเฉียนเกอวันนี้เงียบเหงานัก สาวใช้เก็บมือเก็บไม้ ท่าทางการเดินคล้ายโจรย่องเบา ในเมื่อพระยาชาไม่ได้รับความโปรดปราณเช่นนี้ พวกนางไหนเลยจะกล้าวางท่าเผยอหน้ากับสาวใช้เรือนอื่นเล่า
“ถึงกับมีพระเสาวนีย์ของฮองเฮาเรียกชายารองกับท่านอ๋องเข้าวังเช่นนี้ ช่างไม่เหมาะสมยิ่ง ในเมื่อจะเรียกนางเข้าพบ เหตุใดไม่เรียกพระชายาไปด้วย หรือให้นางตามพระชายาเข้าเฝ้าก็พอ ฮองเฮานั้นเลอะเลือนมาแต่ไหนแต่ไร คราวนี้ฮ่องเต้ก็เอากับฮองเฮาด้วย” แม่นมฝูนั่งถอนใจอยู่ในศาลาโดยมีสีฉงหัวหน้าองครักษ์จวนลี่อ๋องยืนอยู่ข้างๆ
“ช่วงนี้ทั้งฮองเฮาและฝ่าบาททรงเรียกท่านอ๋องเข้าวังบ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง” คราวนี้คือสีฉง เขาเป็นองครักษ์ข้างกายเซียวอวี้ แต่เจ้านายกลับไม่ให้เขาตามไปด้วย เรื่องนี้แปลกแล้ว
“ในจวนยังมีพระชายา เจ้าเป็นคนที่ท่านอ๋องวางใจ เช่นนั้นก็ดูแลความเรียบร้อยในจวนเป็นดีที่สุด” อย่าเห็นว่าจวนลี่อ๋องนี้เงียบสงบ แต่กลับมีหูตาของคนในวัง รวมทั้งเหล่าพี่น้องต่างมารดาของเซียวอวี้ก็ส่งคนมาด้วยเช่นกัน
“จะว่าไปแล้วชายารองหลินผู้นี้ไม่สมควรจะแต่งเข้าจวนลี่อ๋องนัก”
“ชู่!” แม่นมฝูใช้นิ้วชี้แตะที่ปากแล้วมองซ้ายมองขวา “เรื่องชายารองอย่าได้พูดไป ในจวนนี้ไม่ปลอดภัยนัก ตัวเจ้า ข้า อู่หยง ล้วนรู้ไว้ในใจก็พอแล้ว”
“แม่นมฝู ข้าเกือบจะหลุดปากแล้ว คราวหน้าข้าจะระวังให้ดี” จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน
ส่วนหลินเยี่ยที่ถูกเรียกเข้าวังนั้นไม่ได้รับการต้อนรับอย่างใครหลายคนคิด นางเข้าวังมาพร้อมเซียวอวี้ก็จริง แต่เซียวอวี้ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก่อนแล้ว ส่วนนางถูกพามาที่ตำหนักจิ่นเฟิงที่ฮองเฮาพำนักอยู่ นี่ก็ยืนรอหน้าตำหนักมาครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครพานางไปรอในตำหนักสักที หลินเยี่ยได้แต่มองพวกนางกำนัลเดินเข้าออกตำหนักจนเวลาล่วงเลยไปอีกครึ่งชั่วยามจึงได้มีนางกำนัลตัวน้อยออกมาพาเข้าไปด้านใน
หลินเยี่ยไม่กล้าเงยหน้าแม้แต่น้อยจนกระทั่งเดินไปถึงหน้าที่ประทับของฮองเฮา นางเห็นแค่ชายอาภรณ์ลากยาวสีแดงปักลายหงส์เหินได้สลับซับซ้อนมาก แน่นอนว่านี่ต้องเป็นฮองเฮา
“หม่อมฉันหลินเยี่ยถวายพระพรฮองเฮาเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี” นางถวายพระพรตามพิธีการโดยไม่มีสิ่งใดตกหล่น
“หน้าตาสดชื่นแจ่มใสดีไม่น้อย ลี่อ๋องคงไม่ได้ปล่อยปละละเลยเจ้าเป็นแน่ แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังเป็นแค่ชายารอง เหนือเจ้ายังมีพระชายา” พูดแค่นั้นฮองเฮาก็ไม่พูดต่อ นางรับถ้วยชาจากนางกำนัลยกขึ้นจิบด้วยท่าทางเชื่องช้าหาใดเปรียบ บรรยากาศเช่นนี้หลินเยี่ยไม่เคยเจอ แต่นางก็ไม่ได้หวาดหวั่นมากนัก เพราะนางรู้ดีว่าฮองเฮาไม่ชอบองค์ชายทุกองค์ที่เกิดจากสตรีอื่นอยู่แล้ว
“ของที่เตรียมไว้ เอาให้นางสิ” อยู่ๆ ฮองเฮาก็พูดกับนางกำนัลข้างกาย
นางกำนัลคนหนึ่งประคองถาดลงรักมาตรงหน้าหลินเยี่ย บนนั้นมีตำราสอนหญิงกับกำไลหยกหนึ่งคู่
สำหรับกำไลหยกนั้นหลินเยี่ยเห็นว่าไม่มีอะไร แต่ตำราสอนหญิงนี่คืออะไร ใช่ฮองเฮากำลังดูถูกนางอยู่หรือไม่
“เจ้าเพิ่งแต่งเข้าจวนลี่อ๋อง อย่าได้ทำตัวออกหน้าออกตาให้มากนัก จวนสู่อ๋องก็ไปให้น้อยๆ สักหน่อย”
หลินเยี่ยเสียวสันหลังวาบ ใช่ฮองเฮารู้อะไรมาหรือไม่ ฮองเฮามีหูตาอยู่ในจวนสู่อ๋องอย่างนั้นหรือ ไม่ แม้นางจะเป็นมารดาของแผ่นดิน แต่ก็ใช่ว่าจะยื่นมือไกลได้ถึงจวนสู่อ๋องที่เข้มงวดแน่นอน
“ฮึ เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดแล้วงั้นหรือ?” ฮองเฮาปาถ้วยชาทันที
หลินเยี่ยรีบลงไปคุกเข่าด้วยท่าทางหวาดหวั่น “ฮองเฮาทรงเมตตา หลินเยี่ยต่ำต้อย ไหนเลยจะกล้าคบหาผู้สูงศักดิ์ ที่ไปจวนสู่อ๋องครานั้นเพราะได้รับเทียบเชิญ”
“เหตุใดข้าจะไม่รู้ถึงใจทะเยอทะยานของเจ้า ต่อให้บิดาเจ้ายิ่งใหญ่กว่านี้ ข้าฮองเฮาก็ไม่กลัว หากว่าเจ้ากล้าแตะต้ององค์รัชทายาทละก็ จงเตรียมตัวไว้รอข้าดีๆ เถอะ”
หลินเยี่ยรีบโขกศีรษะหลายครั้งด้วยความร้อนรน “ฮองเฮาทรงเข้าใจหม่อมฉันผิดแล้วเพคะ หลินเยี่ยแค่มีใจเดียวกับลี่อ๋อง มิได้มีความคิดเหลวไหลสิ่งใดเลย ของฮองเฮาทรงพิจารณา”
“จวนสู่อ๋อง ไปให้น้อยลงก็ดี ไม่ไปเลยยิ่งดี เจ้าอย่าได้ลืมไปเล่า เจ้าเป็นแค่ชายารอง ยังจะมีสิ่งใดเหนือไปกว่าชายาเอกอีก รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง” ฮองเฮาหยุดพิจารณาสีหน้าหลินเยี่ยก่อนจะกล่าวต่อ “ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้ได้ ก็สามารถให้ลี่อ๋องหย่าเจ้าได้เช่นกัน ส่วนบิดาของเจ้าน่ะหรือ ข้าไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา”
โง่งม!
หลินเยี่ยตำหนิฮองเฮาในใจ แต่สีหน้าท่าทางภายนอกนั้นหวาดกลัวฮองเฮาสุดขีดจนแทบหลั่งน้ำตาแล้ว
