ตอนที่ 7 หญิงงามได้โชค
งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศจบลงด้วยเรื่องของลี่อ๋องกับหลินเยี่ย ฝ่ายหญิงนั้นถูกส่งตัวกลับจวนอย่างเร็วที่สุดเพราะนางยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ซ้ำยังมาเจอเรื่องขายหน้า ใครเลยจะกล้ารั้งนางไว้อีก
และเป็นเพราะคำพูดของชายาสู่อ๋องทำให้เรื่องราวยิ่งไปกันใหญ่
“เรื่องกระทบกระทั่งเล็กน้อยก็ปล่อยให้ผ่านไปเถอะ วันหลังข้าจะให้คุณหนูหลินไปขอโทษชายาลี่อ๋องที่จวนเอง” เพราะคำพูดนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงเข้าใจว่าต้นเหตุมาจากจินเหยาไม่พอใจหลินเยี่ยจึงผลักนางตกน้ำ
จินเหยายิ้ม เพียงแต่ไม่ได้พูดอะไร นางไหนเลยจะไม่รู้ถึงเจตนาของชายาสู่อ๋องอีกเล่า เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าชายาสู่อ๋องทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่พวกตนก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนด้วยซ้ำ
หลังออกจากเรือนรับรองของสู่อ๋อง ผู้คนย่อมนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดปากต่อปากจนเลยเถิด
เซียวอวี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ขึ้นไปรอบนรถม้า จินเหยาบอกลาเจ้าภาพและแยกกับเสิ่นเหมี่ยวตรงประตูหน้า เมื่อขึ้นรถม้ากลับพบสายตาเย็บเหยียบจากผู้เป็นสามี
นางนั่งลงยังที่ของตน จากนั้นก็ไม่พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งรถม้าเคลื่อนห่างจากเรือนรับรองไกลแล้ว
“เจ้าคือชายาเอกจวนลี่อ๋อง ต่อไปจงทำตามหน้าที่ของเจ้าให้ดี นับจากนี้ไปอย่าได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของข้า หากข้าไม่เรียก เจ้าอย่าได้เหยียบเข้าไปในเรือนกลาง”
จินเหยาเงยหน้าขึ้นสบตาดำล้ำลึกของเขาชั่วขณะหนึ่งก่อนจะก้มหน้าหลบสายตานั้นเสีย
“อย่าได้เข้าใกล้หลินเยี่ย รวมถึงข้าด้วย”
จินเหยาช้อนตาขึ้น “คุณหนูหลิน?”
“นางคือสตรีที่ข้าหมายมั่นจะแต่งเข้าจวนลี่อ๋อง” เขาพูดแค่นั้นแล้วเอนหลังพิงเบาะและหลับตาลง สองแขนกอดอก สองคิ้วขมวดคล้ายรำคาญใจเต็มทน
จินเหยาจุกแน่นในอกแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ หลินเยี่ย คือสตรีในใจเขาจริง ๆ ตัวนางที่แต่งเข้ามาเพราะสมรสพระราชทานไม่ได้ทำให้เซียวอวี้พอใจแม้แต่น้อย นางกลับทำให้หนุ่มสาวคู่นี้เกิดอุปสรรคเข้าแล้ว แต่นางที่แต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง ซ้ำยังร่วมหอกับเขาแล้วจะให้ทำใจยอมรับได้อย่างไร
จินเหยาเม้มปากแน่น ตาสองข้างเอ่ยคลอไปด้วยน้ำใส ๆ นางพยายามฝืนเก็บกักมันเอาไว้จนกระทั่งสองตาแห้งผาก ใบหน้าเรียบนิ่งคล้ายไม่เคยได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจของผู้เป็นสามีมาก่อน
รถม้าขับด้วยความเร็วจนถึงจวนอ๋อง เซียวอวี้ก้าวลงจากรถไปก่อน จินเหยาเองก็ไม่อาจพูดคุยกับเขาได้ นางจึงดึงเวลาแล้วค่อย ๆ ก้าวตามเขาเข้าจวนไป
อี้หลวนแค่ได้ยินพวกบ่าวไพร่เล่าถึงเหตุการณ์ในเรือนรับรอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเจ้านายทั้งสอง นางก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางจึงเก็บปากสงวนท่าทีเดินตามเจ้านายเข้าจวนไปเงียบ ๆ จินเหยาเดินเร็วกว่าปกติ อี้หลวนจึงต้องวิ่งตาม เกี้ยวมารอรับจินเหยาก็ไม่ขึ้น พวกสาวใช้หามเกี้ยวจึงถอยไปนานแล้ว
เมื่อเข้ามาในเรือนเฉียนเกอ จินเหยาเดินไปที่ริมหน้าต่างห้องนั่งเล่น สองมือวางบนขอบหน้าต่างที่เปิดกว้าง เส้นผมขยับคล้ายเต้นระบำเพราะสายลม นางเงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ต่อไปพวกเราคงลำบากสักหน่อย”
“ลำบากหรือเจ้าคะ เพราะเหตุใดหรือ ที่งานวันนี้บ่าวไม่ได้ตามพระชายาเข้าไป หรือว่าเกิดเรื่องอะไรเข้าแล้ว”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ข้าแค่ทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น”
“พระชายา บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงแม่นมฝูดังมากจากหน้าห้อง
อี้หลวนถอยออกไปชงชา จินเหยาจึงไปนั่งที่ตั่ง “แม่นมฝูเข้ามาเถอะ”
แม่นมฝูเดินขึ้นหน้ามาด้วยสีหน้าทุกข์ใจไม่น้อย “พระชายาคงได้พบคุณหนูหลินแล้ว”
จินเหยาพยักหน้า “ข้าพบแล้ว”
“บ่าวไม่เคยคิดจะปิดบังพระชายา” แม่นมฝูทิ้งตัวคุกเข่าทันใด
จนเหยากับอี้หลวนตกใจ ทั้งสองรีบประคองแม่นมฝูลุกขึ้นทันที
“แม่นมฝูอย่าทำเช่นนี้ ท่านอายุมากแล้ว อย่าทิ้งตัวลงไปคุกเข่าเช่นนั้นอีก เรื่องคุณหนูหลินข้ามิได้โทษแม่นมฝูสักนิด
“แต่บ่าวสมควรบอกพระชายาว่าในใจท่านอ๋องเคยมีคุณหนูหลินอยู่ แต่บ่าวกลับปิดบังไว้เพราะในใจลึกๆ แล้วบ่าวไม่เห็นด้วยที่ท่านอ๋องมีใจปฏิพัทธ์กับคุณหนูหลินผู้นั้น ยังดีที่นางเกิดจากอนุภรรยากำลังจะอายุสิบเจ็ดก็ยังไม่ได้ออกเรือน ไม่นานก็มาเสียมารดาจึงต้องไว้ทุกข์อีกสามปี ดีที่ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสให้ท่านอ๋องกับพระชายาเสียก่อน บ่าวจึงได้เบาใจ แต่ที่ไหนได้ อีกปีเดียวนางจะออกทุกข์แล้ว ซ้ำยังมีเรื่องไม่งามเกิดขึ้นอีก คราวนี้เกรงว่าจวนลี่อ๋องของเราจะลำบากแล้ว พระชายาจะลำบากไปด้วยเช่นกัน”
“ข้าไม่กลัวความลำบากหรอก” จินเหยายิ้มปลอบใจแม่นมฝู จากนั้นเดินไปนั่งที่ตั่งเหมือนเดิม “เกรงว่าหลังจากนี้จวนลี่อ๋องจะยุ่งสักพัก”
“พระชายา หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“คุณหนูหลินแม้จะเกิดจากอนุภรรยา แต่นางก็เป็นบุตรสาวคนเดียวของใต้เท้าหลิน เขารักความเที่ยงธรรมที่สุด จวนอ๋องของเราอาจจะต้องเพิ่มชามกับตะเกียบอีกคู่”
“บ่าวไม่เชื่อว่าเรื่องวันนี้มันจะเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ องครักษ์ที่ตามท่านอ๋องไปก็บอกว่ามันบังเอิญเกินไป” แม่นมฝูร้อนใจเท่าไร จินเหยายิ่งใจสงบลงเท่านั้น
จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ช่าง ที่แน่ ๆ จวนสู่อ๋องไม่ได้หวังดีกับนางแน่นอน จินเหยาไม่ใช่คนโง่ แต่ก็ไม่ใช่คนแส่หาเรื่อง เรื่องไหนปล่อยผ่านได้นางจะไม่สนใจ เรื่องไหนยังหาทางแก้ไขไม่ได้ นางจะรอดูสถานการณ์ก่อน
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” จินเหยาปลอบใจแม่นฝูอยู่พักใหญ่จนนางอารมณ์เย็นลงและขอตัวจากไป
“เตรียมน้ำอาบเถอะ” จินเหยาเดินเข้าไปในห้องชั้นในอย่างไม่สนใจใด ๆ อีก อี้หลวนอยากจะพูดแต่แล้วก็ไม่ได้เอ่ยปาก นางอยากจะถามเจ้านายเหลือเกินว่าถ้าท่านอ๋องพาคุณหนูหลินผู้นั้นเข้าจวนมาพระชายาจะทำอย่างไร แต่นั่นมันเป็นเรื่องของภายภาคหน้า อี้หลวนจึงไม่กล้าพูดออกไป กลัวจะทำให้เจ้านายเสียใจและทุกข์ใจไปเปล่า ๆ
ตอนเช้าคนในจวนอ๋องยังไม่ทันได้ล้างหน้าด้วยซ้ำกลับมีขันทีจากในวังมาประกาศราชโองการแต่งตั้งชายารองและให้จวนอ๋อง จัดพิธีแต่งชายารองเข้าจวนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า และแน่นอนชายารองก็คือหลินเยี่ย
ราชโองการนี้ออกจะแหกกฎบ้านกฎเมืองสักหน่อยเพราะเจ้าสาวกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แต่เพราะมีเรื่องทำให้ชื่อเสียงนางเสื่อมเสีย จึงต้องให้แต่งออกไปก่อนจะออกทุกข์ นางมีฐานะไม่สูงแต่ก็ไม่ต่ำ การได้เป็นชายารองจวนอ๋องถือว่าพอเหมาะกับนางดีแล้ว
“ว่าแล้ว บ่าวคิดไว้แล้ว คุณหนูหลินผู้นี้หาทางเข้าจวนลี่อ๋องของเราจนได้ ซ้ำยังเป็นฝ่าบาทพระราชทานงานแต่งให้อีก นางต้องร้องห่มร้องไห้ให้ใต้เท้าหลินไปกราบทูลฝ่าบาทไม่ผิดแน่แล้ว สตรีจิ้งจอก อย่าหวังว่าบ่าวจะญาติดีด้วย ไม่มีทาง!”
แม่นมฝูได้อี้หลวนประคองเดินตามหลังจินเหยากลับเรือนเฉียนเกอ เพราะแรงโทสะกับอายุที่มากแล้วทำให้นางแทบจะเดินไม่ไหว
เรื่องของคุณหนูหลินไม่ได้ทำให้จินเหยาแปลกใจนัก ในเมื่อเรื่องนี้มีคนคอยหนุนหลังอยู่ มันจะออกมาในรูปแบบไหนได้อีก เพียงแต่ตอนที่ได้รับราชโองการ เซียวอวี้มิได้มีท่าทางยินดีอย่างที่ควร ดูได้จากสีหน้าของเขาและตอนที่ออกไปรับราชโองการพร้อมกัน แต่ที่สุดแล้วราชโองการนี้ไม่มีใครขัดได้ หนึ่งเดือนให้หลังย่อมต้องจัดงานแต่งรับชายารองเข้าจวนอย่างเป็นทางการ
