บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ดอกเบญจมาศและหญิงงามอาภัพ

แขกสูงศักดิ์ในงานที่มาวันนี้จินเหยารู้จักน้อยนัก แต่ยังดีที่มีเสิ่นเหมี่ยวอยู่ด้วย จึงไม่ถึงกับคนตาบอดนัก งานเลี้ยงเริ่มขึ้นด้วยการกล่าวทักทายของเจ้าภาพ จากนั้นก็ทานอาหารและพาไปชมสวนเบญจมาศที่งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ

จะว่าไปแล้วสู่อ๋องก็รู้จักอารมณ์สุนทรีย์เช่นกัน เขาถึงได้มาสร้างเรือนรับรองที่นี่ การตกแต่งในเรือนรับรองนี้ประดับด้วยสิ่งของมีค่าที่บางชิ้นมีเงินก็หาซื้อไม่ได้

ที่ว่ากันว่าสู่อ๋องจ้องตำแหน่งรัชทายาทนั้นก็กล่าวไม่เกินไปนัก ด้วยเพราะองค์รัชทายาทอ่อนแอ ดีที่มีสกุลฉินหนุนหลังเท่านั้น หากไร้อำนาจจากจวนแม่ทัพฉิน องค์รัชทายาทไหนเลยจะยังยืนอยู่ในจุดนี้ได้ ยังมีองค์หญิงใหญ่หนิงโสวที่เป็นพระธิดาร่วมอุทธรณ์กับองค์รัชทายาท นางเย่อหยิ่งไม่เคยไว้หน้าใคร ปฏิเสธการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้น อายุยี่สิบปีแล้วยังไม่ยอมแต่งงาน ดีที่วันนี้องค์หญิงหนิงโสวไม่มาร่วมงานด้วย ไม่เช่นนั้นงานชมบุปผาวันนี้คงไม่สงบสุขนัก

เรื่องขององค์หญิงหนิงโสวถูกซุบซิบนินทากันหนาหู เจ้าภาพก็โดนนินทาไปไม่น้อยเช่นกัน

จินเหยากับเสิ่นเหมี่ยวและคุณหนูสกุลสูงอีกสองคนเดินเล่นในสวนเบญจมาศพักใหญ่แล้ว เบญจมาศดอกใหญ่ สีขาว เหลืองและชมพู ถูกดูแลตกแต่งอย่างดี กลิ่นยังหอมชวนดอมดม ห่างออกไปเป็นบริเวณจัดเลี้ยงในส่วนของบุรุษ แม้จะอยู่ห่างกัน แต่ก็กั้นกันแค่สวนเบญจมาศเท่านั้น

“น้องสะใภ้ผู้นี้กิริยามารยาเรียบร้อย สมกับเป็นบุตรสาวอาจารย์จินทีเดียว”

“พี่ใหญ่รู้จักกับอาจารย์จินหรือ” เซียวอวี้เอ่ยถามไปเช่นนั้นเอง เขารู้ดีว่าพี่ใหญ่พยายามจะดึงเขาเข้าร่วมฝ่ายตนด้วย จึงพยายามทำดีไปมาหาสู่กันและกันเช่นนี้

“เขาเป็นคนคร่ำครึหัวแข็งอยู่สักหน่อย แต่นับว่ามีชื่อเสียงในสำนักศึกษาไม่น้อย น้องสะใภ้เองก็โดดเด่นมากไม่ใช่หรือ”

เซียวอวี้ไม่ได้ตอบสู่อ๋อง เขาแค่ทอดตามองผ่านสวนเบญจมาศไปยังร่างระหงในชุดสีม่วงอมชมพู นางกำลังสนทนาอยู่กับเหล่าคุณหนูทั้งหลายด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติไม่ได้แสร้งปั้นหน้าหรือวางท่าสูงศักดิ์แต่อย่างใด

แต่แล้วเซียวอวี้ก็ต้องชะงัก เขาเห็นหญิงสาวนางหนึ่งในชุดสีใบบัวแบบเรียบง่าย มีแค่ดอกไม้ประดับศีรษะแค่ดอกเดียว ใบหน้างดงามนวลเนียนแต้มด้วยชาดเล็กน้อย เหนือสิ่งอื่นใดคือนางยืนอยู่เพียงลำพังภายใต้แสงแดด สายลมและดอกไม้ ช่างงดงามตรึงตาและชวนมองอย่างหาตัวจับยาก

เซียวอวี้ไม่เคยลืมใบหน้านี้ ทุกวันคืนยังเฝ้าคิดถึง แต่ด้วยสถานะของเขาและนางทำให้ไม่อาจทำอะไรได้ดั่งใจ จึงไม่ได้พบกันมาปีหนึ่งแล้ว

ไม่รู้ว่าเขามองนางอยู่นานแค่ไหน ตอนนี้นางกำลังเดินกลับเข้าไปที่ศาลารับรองฝ่ายสตรี เซียวอวี้ลุกขึ้นพรวด “พี่ใหญ่ ข้าขอตัวไปทำธุระสักครู่”

“อือ” สู่อ๋องอมยิ้มมองตามแผ่นหลังเซียวอวี้ไป เขายกชาขึ้นจิบและสบตากับจิ้นอ๋อง “ช่วยให้เขาสมหวัง วันหน้าเขาต้องขอบคุณข้า”

“เจ้าห้าไม่ใช่คนโง่” จิ้นอ๋องไม่มั่นใจนักว่าที่พี่ชายยื่นมือเข้าแทรกครั้งนี้ เซียวอวี้จะถูกใจจริง ๆ หรือไม่

“น้องสาม เจ้าจงเชื่อใจในสัญชาตญาณของข้าเถอะ” สู่อ๋องมั่นใจว่าเพราะเรื่องนี้ วันหน้าเซียวอวี้ต้องมาขอบคุณเขาเป็นแน่ แน่นอนว่าเรื่องที่หญิงสาวผู้นั้นมาร่วมงานด้วยเพราะตัวเขาให้พระชายาส่งเทียบเชิญส่วนตัวไปยังจวนเจ้ากรมอาญา หลินเยี่ยผู้นี้แม้จะถือกำเนิดจะอนุภรรยาของหลินเต๋อจงเจ้ากรมอาญา แต่นางก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลหลิน นอกนั้นเจ้ากรมอาญากับฮูหยินก็มีบุตรชายอีกสามคนเท่านั้น

เรื่องที่เซียวอวี้กับหลินเซี่ยชอบพอกันนั้นสืบไม่ยาก และไม่ยากที่จะผลักดันทั้งสองให้ลงเอยกัน เรื่องนี้สู่อ๋องวางแผนไว้พร้อมแล้ว

จิ้นอ๋องมองพี่ชายแล้วไม่พูดอะไรอีก แต่เขากลับรู้สึกว่าการกระทำครั้งนี้ของพี่ชายช่างโง่เขลาเกินไปแล้ว

ทางด้านหลินเยี่ยนางเดินตัดผ่านสวนดอกเบญจมาศไปยังสะพานโค้งเพื่อข้ามไปยังศาลารับรอง กลับพบกับสตรีกลุ่มหนึ่งเสียก่อน คนทั้งกลุ่มยืนอยู่บนสะพานและกำลังหันมามองนาง

“นี่ไม่ใช่คุณหนูหลินหรอกหรือ” คุณหนูคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อน

“เป็นข้าเอง” หลินเยี่ยยิ้มน้อยๆ ให้สตรีที่พูด ก่อนจะหันไปเห็นสตรีที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มนี้

“คุณหนูหลินอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้มารดาคงจะยังไม่เคยพบสตรีสูงศักดิ์ท่านนี้ นี่คือพระชายาลี่อ๋อง”

หลินเยี่ยชะงัก สองมือกำเข้าหากันแน่น แต่นางกลับยิ้มแล้วคำนับจินเหยาเต็มพิธีการ “หลินเยี่ยคำนับพระชายาลี่อ๋อง”

คราวนี้เป็นจินเหยาแล้วที่ชะงักไป หลินเยี่ย! หรือที่เซียวอวี้หลุดปากพูดออกมาคือสตรีผู้นี้

จินเหยาถูกเสิ่นเหมี่ยวกระตุกแขนครั้งหนึ่งก็หลุดจากภวังค์ “คุณหนูหลิน” นางพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มและไม่ลืมที่จะสำรวจหลินเยี่ยไปด้วย

หลินเยี่ยนั้นอายุน่าจะมากกว่านางเล็กน้อย คงราวสิบแปดปีกระมัง แต่เป็นสตรีที่ร่างเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม ใบหน้างามรูปเมล็ดแตง ตาเรียวยาว จมูกรั้น ริมฝีปากอวบอิ่ม โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหญิงสาวโดดเด่นคนหนึ่ง แต่จินเหยากลับไม่เคยเจอมาก่อน

“ข้ากับคุณหนูหลินไม่เคยพบกันมาก่อนเลย”

หลินเยี่ยยิ้มตอบ “เป็นผู้น้อยชะตาชีวิตอาภัพไม่สามารถเข้าสำนักศึกษาได้”

จินเหยาส่ายหน้าทั้งอมยิ้มน้อยๆ “ไม่หรอก เป็นที่ตัวข้าเองที่ไม่เคยได้ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์มาก่อนต่างหาก น้อยนักที่ข้าจะได้ออกจากบ้านมาสนุกสนานนอกบ้านเช่นนี้” จินเหยาเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว สำนักศึกษามีกฎว่าจะรับเพียงบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกเท่านั้น ยกเว้นเหล่าองค์ชายทั้งหลาย และกฎอีกข้อของสำนักศึกษาหลวงคือทุกคนจะต้องสอบเข้า ไม่ใช่แค่สูงศักดิ์ก็จะเข้าไปได้ ตัวจินเหยาเองมีสิทธิ์ที่บิดาเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาหลวงสามารถให้บุตรหลานมาร่วมสอบเข้าได้ แต่นางก็ต้องทำข้อสอบเหมือนคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ไม่มีใครพูดอะไรอีก หลินเยี่ยขยับมือเล็กน้อยพร้อมทั้งเดินขึ้นหน้า

“เอ๊ะ!” จินเหยาเห็นแมงมุมเกาะแขนเสื้อหลินเยี่ยจึงยื่นมือออกไปปัด คนอื่นเห็นก็กรีดร้องขึ้นมา แต่จินเหยากลับรู้สึกถึงแรงกระชาก

“ว้าย!”

ตูม!

จากนั้นก็เริ่มโกลาหลเพราะหลินเยี่ยตกน้ำไปแล้ว ซ้ำยังกระชากตรงเอวของจินเหยาจนเกือบจะตกลงไปด้วยอีกคน ดีที่เสิ่นเหมี่ยวคว้าสหายไว้ได้ทัน

“เร็วเข้า! คุณหนูหลินตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนตกน้ำ” เสียงสตรีสองเสียงประสานกัน จินเหยากับเสิ่นเหมี่ยวก็กำลังพยุงกันลุกขึ้น มองลงไปก็เห็นหลินเยี่ยตะเกียกตะกายอยู่ในสระน้ำ

ไม่ถึงชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงอีกตูม! มีคนกระโดดลงไปช่วยหลินเยี่ยแล้ว ตามมาด้วยบ่าวของจวนสู่อ๋องอีกหลายคน ตอนนี้เองที่แขกทั้งฝ่ายสตรีและบุรุษมุงอยู่ริมสระน้ำ จนกระทั่งหลินเยี่ยถูกช่วยขึ้นจากน้ำด้วยสภาพเปียกปอนและกำลังสำลักน้ำอย่างหนัก ซ้ำนางยังร้องไห้ไปด้วย ทุกคนเลยเข้าใจว่านางกำลังตกใจ บุรุษที่ช่วยนางไว้ก็ได้แต่ลูบหลังปลอบใจอยู่เงียบๆ

“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงนี้คือสู่อ๋อง

“คุณหนูหลินหรือ?” พระชายาสู่อ๋องเอ่ยเป็นคนถัดมา “รีบไปพยุงคุณหนูหลิน เจ้าไม่เห็นหรือว่าจะให้นางกับบุรุษใกล้ชิดกันเช่นนั้นไม่ได้ วันหน้านางจะออกเรือนได้อย่างไรอีก” เสียงนี้ทำให้ทุกคนมองเซียวอวี้กับหลินเยี่ยเปลี่ยนไปแล้ว

ใช่ คนที่กระโดดน้ำลงไปช่วยหลินเยี่ยคือเซียอวี้หรือลี่อ๋อง ซ้ำยังปลอบประโลมกันต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมายอีกด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel