ตอนที่ 5 ชมดอกเบญจมาศ (2)
เดินทางผ่านประตูเมืองทางตะวันออก ผ่านเขาติงซานไปจนถึงเรือนรับรองที่แยกเดี่ยวออกมาจากคฤหาสน์หลังอื่น เรือนรับรองนี้ตั้งอยู่ติดเชิงเขา สองข้างทางก็มีสวนเบญจมาศแล้ว จินเหยาจึงหันมองไปนอกหน้าต่างโดยตลอดด้วยท่าทางสนอกสนใจ ไม่ได้หันมองเซียวอวี้สักนิด ซึ่งเขาเองก็มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ใจไม่ได้อยู่กับภาพตรงหน้าแต่อย่างใด ในหัวเขาตอนนี้มีแค่ภาพหญิงสาวในชุดสีขาวสะอาดตาที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปในร้านผ้าเมื่อสามวันที่แล้ว เขาไม่ได้พบนางมาพักใหญ่แล้ว หากไม่ใช่เพราะมารดาผู้ให้กำเนิดของนางจากไป ไหนเลยนางจะต้องไว้ทุกข์และก็ต้องห่างหายจากการพบปะกับเขาได้ และเมื่อยิ่งมีพระราชทานสมรถ จดหมายที่เคยเขียนหากันก็ไม่มีอีกเลย ใจเขาเจ็บปวด แต่เขารู้ว่านางเจ็บปวดยิ่งกว่า
“หลินเยี่ย ข้าขอโทษ”
“ท่านอ๋องพูดว่าอะไรหรือ” จินเหยาได้ยินเขาพูดด้วยท่าทางเหม่อลอย นางหันมาถามเขาด้วยท่าทางซื่อ ๆ แต่กลับทำให้เซียวอวี้ได้สติ
“ไม่มีอะไร”
“อ้อ” จินเหยาหันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง สองมือกำไว้แน่น แน่นอนว่านางได้ยินคำพูดของเขาชัดเจน เพียงแต่แกล้งถามไปเท่านั้น ใครคือหลินเยี่ย และเซียวอวี้ขอโทษคนผู้นั้นทำไม รอนางกลับถึงจวนอ๋องก่อนจะลองถามแม่นมฝูดู แต่เหตุใดใจนางถึงไม่สงบ คล้ายว่าเจ้าของชื่อนั้นคือสตรีที่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
จินเหยาเก็บความคิดไว้ภายใน ไม่ได้แสดงออกมาเลยสักนิด เมื่อรถม้าจอดลงหน้าเรือนรับรอง มีบ่าวของจวนสู่อ๋องเข้ามาคำนับและเชื้อเชิญทั้งสองเข้าไปตามมารยาท มีหญิงรับใช้มารอรับจินเหยาอีกทีหนึ่ง นางจึงแยกกับเซียวอวี้บริเวณนั้นเอง
สาวใช้พานางไปส่งยังสวนดอกไม้ของเรือนรับรอง บริเวณนั้นมีศาลานั่งพักหลายหลัง งานชมเบญจมาศนี้จัดขึ้นกลางแจ้ง สตรีสูงศักดิ์และคุณหนูสกุลสูงในเมืองหลวงมารวมกันอยู่ที่นี่ไม่ใช่น้อย หนึ่งในนั้นคือเพื่อนร่วมสำนักศึกษากับนางนั่นเอง
“อาเหมี่ยว” จินเหยาเรียกสหายเสียงเบา เสิ่นเหมี่ยวจึงหันมาด้วยความยินดี นางสาวเท้าไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวจินเหยา
“พระชายา”
“เจ้าเรียกข้าเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นก็พอ ยามอยู่ด้วยกันเรียกข้าเช่นเดิมเถอะ”
“ได้” เสิ่นเหมี่ยวยิ้มรับ “ว่าแล้วว่าเจ้าต้องมาด้วย เจ้าต้องระวังหน่อย ชายาสู่อ๋องไม่ธรรมดา นางชอบคนซื่อ ๆ โง่ ๆ อย่าได้มีใครอวดฉลาดกับนางเชียว”
“แม่นมฝูก็เตือนข้ามาแล้ว ยังดีที่เจ้าอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ข้าต้องไปทักทายเจ้าภาพเสียก่อน”
“ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า” เสิ่นเหมี่ยวพยักหน้าแล้วออกเดินไปพร้อมกับจินเหยา
เสิ่นเหมี่ยวนั้นเป็นบุตรสาวของรองเจ้ากรมอาญา นางย่อมคุ้นเคยกับงานเลี้ยงของชนชั้นสูงมาบ้าง ที่สนิทกับจินเหยาเพราะทั้งสองได้เจอกันในสำนักศึกษาและจินเหยาก็เรียนดี ผลการเรียนโดดเด่นมาตลอด แม้ฐานะจะไม่สูง แต่นางพอจะมีชื่อเสียงในสำนักศึกษามาบ้าง เสิ่นเหมี่ยวที่ผลการเรียนสูสีกันจึงสนิทกันเป็นธรรมดา
ภายในศาลามีชายาสู่อ๋องนั่งอยู่กับชายาจิ้นอ๋อง ชายาเต๋ออ๋องและสตรีชั้นสูงอีกสามคน เมื่อเห็นจินเหยากับเสิ่นเหมี่ยวเดินมาพร้อมกันทุกคนต่างก็ให้ความสนใจ
ทั้งสองเข้าไปคำนับตามพิธีการกับเจ้าภาพ
“หม่อมฉันเสียมารยามาพร้อมพระชายาลี่อ๋อง ขอพระชายาทั้งหลายโปรดอภัยหม่อมฉันด้วยเพคะ” เสิ่นเหมี่ยวเริ่มเปิดปากก่อนพร้อมกับคำนับตามธรรมเนียมอีกครั้ง
“อ้อ ชายาลี่อ๋องหรอกหรือ ข้าก็นึกว่าสตรีบ้านใดเสียอีก”
พูดเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำถึงฐานะของจินเหยา นั่นหมายความว่านางไม่ได้มีราศีของคนเป็นเจ้าเป็นนายเอาเสียเลย การทักทายกับแขกเช่นนี้ไม่ใคร่จะเหมาะเท่าใด แต่ไม่มีใครเอ่ยปากทักท้วงสักคน
เป็นพระชายาเต๋ออ๋องที่มองจินเหยาอย่างสำรวจบนจรดล่างแล้วก็ยิ้มให้เล็กน้อย
“หม่อมฉันไม่เคยร่วมงานเลี้ยงของเหล่าเชื้อพระวงศ์มาก่อน หากพระชายาสู่อ๋องไม่รู้จักหม่อมฉันก็เข้าใจได้เพคะ”
“ฮ่า ๆ น้องสะใภ้ช่างจำนรรจาเสียจริง” คนพูดคือพระชายาจิ้นอ๋อง นางกับชายาสู่อ๋องก็ถือว่าเป็นคู่สะใภ้ที่รักใคร่กันดีในสายตาคนนอก
ชายาสู่อ๋องปรายตามองชายาจิ้นอ๋องคราหนึ่งแล้วหันไปทางจินเหยา “ในเมื่อเพิ่งมางานเลี้ยงครั้งแรก เช่นนั้นชายาลี่อ๋องก็เดินชมบริเวณนี้ไปก่อนเถอะ รออีกสักพักกว่างานเลี้ยงจะเริ่ม ตอนนั้นเจ้าต้องชิมอาหารพ่อครัวจวนสู่อ๋องให้มากหน่อยละ ฝีมือเช่นเขาหาไม่ได้ในจวนลี่อ๋องหรอกนะ”
“เพคะ” จินเหยายิ้มรับและแสร้งไม่เข้าใจวาจาเหน็บแนมของอีกฝ่ายเสีย จากนั้นก็ขอตัวและออกไปพร้อมกับเสิ่นเหมี่ยว
“เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่านางร้ายกาจเพียงใด” เสิ่นเหมี่ยวแบะปากคราหนึ่ง
จินเหยายิ้มพร้อมส่ายหน้า “เสือกระดาษเท่านั้น”
“แต่ในมือนางมีอำนาจจากกุ้ยเฟยและสกุลหลี่ ทางที่ดีอย่าหาเรื่องจะดีที่สุด แม้เจ้าจะแต่งเข้าจวนลี่อ๋องที่เงียบสงบ แต่ยังไงก็แต่งเข้าราชวงศ์ ย่อมมีคนอยากจะลากเจ้าลงน้ำวันละหลายรอบ เพราะฉะนั้นระวังไว้ให้จงหนักเถอะ”
“อือ” จินเหยาตบหลังมือเสิ่นเหม่ี่ยวบอกนางว่าให้นางจงวางใจ
จากนั้นทั้งสองก็เดินเล่นอยู่ในสวนแห่งนั้นเพื่อรอเวลางานเลี้ยงเริ่ม
