ตอนที่ 3 กลับบ้านเดิม (2)
จินเหยาก้าวลงจากเกี้ยวแต่มิได้ถามถึงเซียวอวี้ นางทำใจไว้แล้วว่าหากวันนี้เขาไม่กลับบ้านเดิมพร้อมนางก็ไม่เป็นไร แต่ในเมื่อแม่นมฝูให้นางคอยนั่นก็หมายความว่าเซียวอวี้จะไปกับนางด้วยแน่นอน
แต่ถึงยังไงจินเหยาก็ไม่คิดว่าจะคอยนานนับครึ่งชั่วยามแล้ว แม่นมฝูให้สาวใช้ไปตามครั้งหนึ่ง จากนั้นผ่านไปอีกราวสองเค่อเซียวอวี้จึงโผล่มา วันนี้เขาสวมชุดสีแสงจันทร์คาดเข็มขัดหนังกวางประดับหยกขาว ผมเกล้ารวบเรียบร้อยส่งให้ร่างสูงเด่นสง่า ซ้ำเขายังเป็นเชื้อพระวงศ์ไม่ว่าฐานะจะสูงต่ำยังไงเขาก็มีเชื้อสายสูงศักดิ์ ลักษณะท่าทางการเดินเหินจึงน่ามองหมดจด เพียงแต่ใบหน้าของเขานั้นยังคงเฉยชาเฉกเช่นเดิม
สาวใช้ส่งเสียงทักทายเขา ทำให้จินเหยาได้สติและยอบกายลงคำนับเขาเช่นกัน “ท่านอ๋อง” จินเหยาคิดว่าเขาจะเอ่ยทักทายนางบ้าง แต่เขากลับเดินผ่านหน้านางไปโดยไม่ชำเลืองมองมาแม้แต่น้อย
“เชิญพระชายาเจ้าคะ” แม่นมฝูรับหน้าแทน จินเหยาจึงเดินตามหลังเซียวอวี้ไปขึ้นรถม้าหน้าจวน รถม้านี้ทางราชสำนักจัดหาให้ มีตราจวนลี่อ๋องประทับเด่นด้านข้าง การประดับตกแต่งล้วนไม่ขาดเหลืออะไร
จินเหยาก้าวขึ้นไปก่อนเพราะเซียวอวี้ยืนนิ่งเปิดทางให้ ส่วนเขาก้าวตามหลัง สาวใช้โดยสารไปพร้อมกับรถม้าของขวัญ ในรถม้าคันหลังมีอี้หลวนที่เป็นสาวใช้ของนาง ที่เหลือก็เป็นสาวใช้จวนอ๋องสี่คน
จวนลี่อ๋องกับจวนสกุลจินห่างกันคนละฟากเมือง ต้องเดินทางราวครึ่งชั่วยามกว่าจะถึง จินฟาน ฮูหยินของเขาและบุตรชายก็ออกมารอหน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นเซียวอวี้ก้าวลงมาก่อนและประคองจินเหยาตามลงมา หนานกงซื่อ[5] เห็นดังนั้นจึงยิ้มหน้าบานทันที
[5] ซื่อ ที่แปลว่า แซ่ ตามธะรมเนียบจีนสำหรับสตรีที่แต่งงานแล้วจะเพิ่มคำว่า ซื่อ หลังแซ่เดิมของตน
หนานกงลี่อิงมาจากตระกูลพ่อค้า แน่นอนว่ามักเข้ากับคนอื่นได้ดีอยู่แล้ว “ท่านอ๋องยังพาเหยาเหยามาด้วยตัวเอง ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
“เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว ท่านแม่ยายอย่าได้เกรงใจ” เซียวอวี้นอบน้อมไม่ใช่น้อย จินเหยาจึงเบาใจลงหน่อย ถึงแม้ในจวนอ๋องเขาจะไม่สนใจนางนัก แต่จินเหยาไม่อยากให้ที่บ้านเดิมรับรู้ความเป็นอยู่อย่างโดดเดี่ยวของนางในจวนอ๋องสักเท่าไร
จินฟานแค่เอ่ยทักทายพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนจินเสวียนกลับนอบน้อมพอดิบพอดี “ท่านแม่ เชิญท่านอ๋องเข้าด้านในเถอะ”
“จริงด้วย ท่านอ๋องเชิญทางนี้”หนานกงซื่อเชิญเซียวอวี้เข้าบ้าน จากนั้นนางก็ลากบุตรสาวแยกตัวออกไป ปล่อยในสามีและบุตรชายรับรองเซียวอวี้ต่อไป
หลังจากไล่สาวใช้ทั้งหมดออกไปแล้วหนานกงซื่อก็หุบยิ้มทันใด “อย่าได้ปิดบังแม่เลย”
จินเหยาถอนหายใจหนัก ๆ คราหนึ่ง “ท่านแม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก”
“เจ้ากับลี่อ๋องใส่หน้ากากหลอกพ่อและพี่ชายเจ้าไปเถอะ แต่อย่ามาหลอกแม่”
“พวกเราไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ย่อมต้องใช้เวลาปรับตัว ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าจนเสียสุขภาพไปหรอก”
“เฮ้ย ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าเป็นเด็กรู้ความ แม่วางใจนัก แต่พอออกเรือนไปแล้วแม่กลับวางใจไม่ลง เหยาเหยาอยากให้แม่ช่วยอะไรบ้าง บอกแม่มาเถอะ”
“ท่านแม่ ที่มาวันนี้ไม่ใช่แค่กลับมาเยี่ยมบ้านเดิมเท่านั้น ลูกยังมีเรื่องจะปรึกษาและขอความเห็นจากท่านจริงด้วย” จินเหยายิ้มประจบมารดาพร้อมทั้งกอดแขนนางแล้วซบศีรษะลงที่ไหล่ของมารดา “ท่านแม่ผู้งดงาม” ยังจะเติมไปอีกประโยชน์หนึ่งเพื่อเอาใจมารดา
“แม่งามแค่ไหนเจ้าก็งามแค่นั้น”
“ใช่แล้ว ท่านแม่งามมาก งามกว่าข้าเสียอีก ท่านพ่อจึงไม่เคยปันใจให้ผู้ใดเลยอย่างไรเล่า”
พูดถึงรูปร่างหน้าตา หนานกงลี่อิงงดงามติดอันดับในแดนใต้จริง ๆ มิใช่เพราะหน้าตาเช่นนี้หรือถึงได้ผูกใจจินฟานได้อยู่หมัด แม้จะเข้าวัยสี่สิบแล้วความงามก็มิได้ลดลง ผิวเนื้อข่าวผ่องนวลตา รูปร่างอวบอิ่มเอวยังคอดกิ่วชวนมองมากนัก
“เอาละ เลิกยกยอแม่สักที อยากให้แม่ช่วยอะไรก็บอกมา”
จินเหยานั่งหลังตรงแล้วเริ่มเล่าความเป็นอยู่ในจวนอ๋องให้ฟัง จากนั้นก็บอกความประสงค์จะเปิดร้านผ้าไหมกับมารดาไป
“เรื่องนี้ท่านตาของเจ้าย่อมเห็นด้วย แต่เจ้าเป็นชายาอ๋องจะออกหน้ามากไม่ได้ เอาอย่างนี้ แม่จะหาคนดูแลร้านให้ ส่วนเจ้าแค่รอรับเงินและบัญชีอยู่ในจวนอ๋องก็พอ”
“เรื่องนี้จะรบกวนท่านแม่ได้อย่างไร อีกอย่างท่านพ่อไม่อยากให้ท่านแม่เหนื่อย จึงสั่งห้ามท่านแม่ทำการค้ามาตลอด”
“แม่แค่หาคนให้เจ้า แล้วก็ส่งจดหมายไปให้ท่านตาของเจ้าเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นให้ท่านตากับคนดูแลร้านจัดการไป เอาละ ๆ แม่ไม่เหนื่อยอะไรเลย เจ้าก็อย่าทำตัวเหมือนพ่อเจ้านักเลย”
“ขอบคุณท่านแม่” จินเหยาเข้าไปกอดมารดา หนานกงซื่อก็ตบหลังบุตรสาวไปสองสามครั้งแล้วเอ่ยขึ้น
“เรื่องที่แม่สอนเจ้า ได้ใช้บ้างหรือไม่”
“ไม่”
“เด็กโง่!” หนานกงซื่อดันร่างบุตรสาวออก “บุรุษร้อยทั้งร้อยชอบความหฤหรรษ์บนเตียงนัก ภรรยาอย่าได้ทำเหนียมอายไม่เข้าท่า ไม่อย่างนั้นเขาจะไปหาสีสันที่เร้าใจมากกว่าแน่นอน อ้อ แต่ท่านอ๋องออกจะเฉยชานี่นะ เอาละ แม่จะสอนบทเรียนใหม่ให้เจ้า”
“ท่านแม่! วันนี้ไม่เหมาะเจ้าค่ะ นี่ก็สายแล้วด้วย ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว” จินเหยารู้ว่ามารดาจะสอนนางมัดใจเซียวอวี้ ย่อมต้องใช้เวลา แต่นางกับเซียวอวี้มาถึงจวนสกุลจินก็สายมากแล้ว หากยังชักช้าให้บิดากับพี่ชายรับหน้าเซียวอวี้ จินเหยาก็เห็นใจพี่ชายไม่น้อย เพราะท่านพ่อกับเซี่ยวอวี้นิสัยคล้ายกันนัก
