ตอนที่ 2 เข้าเฝ้า (2)
"เอาไปเก็บในห้องเก็บของเถอะ จัดแยกไว้ให้ดี ถึงอย่างไรก็เป็นของล้ำค่าที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้"
"บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ" อี้หลวนพยักหน้าให้สาวใช้อีกสามคนที่ตามออกเรือนมาด้วยและสาวใช้ของเรือนเฉียนเกอ นางเดินนำไปยังห้องเก็บของที่พ่อบ้านได้แนะนำไว้ ซึ่งในนั้นมีสินเดิมของจินเหยาที่ถูกย้ายมาก่อนหน้านี้อยู่ด้วย
จินเหยากวาดตามองภายในห้อง ตอนนี้เองที่นางเพิ่งจะรู้ว่าจวนอ๋องอัตคัดเหลือแสน แม้จวนนี้จะงดงาม แต่ข้าวของเครื่องใช้ก็เป็นของเก่าที่มีรอยขีดข่วนอยู่บ้าง ฉากงานแต่งอันงดงามสมเกียรตินั้นได้ถูกทางกรมพิธีการเก็บกลับไปหมดแล้ว เหลือแค่จวนอ๋องว่างเปล่าที่เหมือนถูกทิ้งร้างเสียมากกว่ามีคนอาศัยอยู่ แต่ดีหน่อยที่ทุกแห่งสะอาดตาดี นางเดินไปนั่งที่ตั่งข้างหน้าต่าง มองออกไปยังทะเลสาบที่มีผืนน้ำสีเขียวมรกต สายลมเอื่อยอ่อนพัดผ่านทางหน้าต่างหอบเอาไอแดดเข้ามาเล็กน้อย นางรู้มาว่าจวนอ๋องนี้สร้างขึ้นคร่อมทะเลสาบที่ขุดขึ้นมาเองในราชวงศ์ก่อน แม้ที่แห่งนี้จะกว้างขวางและภายนอกดูงดงามแต่ก็เงียบสงบมากเกินไปและอยู่ห่างจากวังหลวงมากที่สุดในบรรดาจวนชินอ๋องทั้งหลาย เรื่องที่เซียวอวี้ไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้นั้นใครๆ ก็ทราบกันทั่วไม่เว้นแม้แต่นางเอง แต่จะทำอย่างไรได้ นี่เป็นสมรสพระราชทาน ใครจะกล้าขัดขืนหรือ บางคนยังพูดด้วยว่านางได้แต่งเข้าราชวงศ์ นี่ก็เกินฐานะตัวเองไปไกลโขแล้ว และที่ไม่น่าแปลกใจกับสภาพจวนนี้ก็เช่นกัน เซียวอวี้ได้แค่เงินเบี้ยหวัดตามบรรดาศักดิ์และจากที่ดินศักดินา นอกนั้นก็ไม่มีอีก ถือว่าเขาเป็นท่านอ๋องที่ยากจนข้นแค้นอยู่สักหน่อยแล้ว ยังดีที่ราชวงศ์ยังห่วงหน้าตา เสื้อผ้าของเขา ทางสำนักอาภรณ์ยังส่งมาให้โดยเฉพาะชุดพิธีการต่างๆ นั้นไม่มีขาด
จินเหยายิ้มขื่น สามีไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระบิดาและเหมือนจะละเลยต่อหน้าที่บิดามาตั้งแต่เซียวอวี้เกิดเสียด้วยซ้ำ แต่กระนั้นจินเหยาก็ไม่ได้คิดมาก แต่สามีนางไม่สนใจนางนี่สิ วันข้างหน้านางจะก้าวเดินต่อไปอย่างไรต่อดี
จินเหยาไม่ได้อยากแต่งเข้าราชวงศ์ แต่นางไม่มีสิทธิเลือก ถึงกระนั้นก็สมควรพอใจได้แล้ว หากเขาจะไม่รัก นางก็ไม่รบเร้าและอยู่ในที่ทางของตัวเองต่อไปเงียบๆ ก็ได้
นางทอดตามองออกไปไกล เห็นสะพานโค้งข้ามทะเลสาบ ถัดจากนั้นเป็นเรือนใหญ่สองชั้น นางแน่ใจว่าเรือนนั้นคงเป็นเรือนที่เข้าหอเมื่อวาน คิดแล้วก็ยิ้มเยาะตัวเอง เขาส่งนางมาไกลคนละฟากทะเลสาบ เช่นนี้คงไม่อยากให้นางเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขากระมัง
อี้หลวนกลับมาแล้ว เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างตั่ง ใบหน้างอง้ำแต่ไม่ยอมปริปากพูดสักคำ
จินเหยาสังเกตสีหน้าสาวใช้ตั้งแต่เดินเข้าประตูมาแล้ว "เป็นอะไรไปเล่า"
อี้หลวนทำท่าจะพูดแต่ก็ชะงักไปแล้วถอนหายใจยาว
จินเหยาอมยิ้มและพยักหน้าให้สาวใช้ "พูดมาเถอะ"
อี้หลวนเดินไปปิดประตูแล้วกลับมานั่งที่เดิม “บ่าวได้ยินสาวใช้พูดกันว่าท่านอ๋องไม่โปรดพระชายา มิเช่นนั้นจะส่งท่านมาอยู่ที่เรือนเฉียนเกอทำไม เรือนหลังนี้แม้จะใหญ่โตแต่ก็เงียบเหงาและเป็นเรือนที่ห่างไกลจากเรือนหลักมากที่สุด”
จินเหยามองออกไปทางหน้าต่างและเห็นทั้งสามด้านของทะเลสาบก็มีเรือนน้อยใหญ่ แต่เขาเลือกที่แห่งนี้ให้นาง เช่นนั้นที่สาวใช้พวกนั้นพูดมาคงไม่ผิดแน่แล้ว
จินเหยายิ้มปลอบอี้หลวน "ช่างเถอะ ข้าชอบที่นี่มาก เจ้าดูสิว่าเรือนนี้อยู่ริมน้ำ ลมพัดผ่าน ฤดูร้อนไม่ร้อน ฤดูหนาวยังได้ดูลานน้ำแข็ง ยามฤดูใบไม้ผลิยังได้ชมดอกบัว ยามเบื่อก็โปรยอาหารให้ปลาได้ด้วยนะ”
"คุณหนูของบ่าว" อี้หลวนจุกแน่นในคอ มิอาจพูดปลอบออกไปได้เพราะรู้สึกว่าเจ้านายของตนไม่ได้รับความเป็นธรรมเอาเสียเลย ดูได้จากข้าวของเครื่องใช้ในเรือน แม้เรือนจะใหญ่โต แต่กลับไม่มีสิ่งของอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ที่มีอยู่ก็เก่าคร่ำคร่าอย่างที่จวนสกุลจินไม่ใช้แล้วด้วยซ้ำ
สองนายบ่าวพูดคุยกันอยู่ริมหน้าต่าง ไม่นานแม่นมอาวุโสก็ขอเข้าพบ อี้หลวนเดินออกไปรับอีกฝ่ายด้วยท่าทีนอบน้อมและเดินนำอีกฝ่ายเข้ามา แม่นมคนนี้คือคนที่เข้าไปในห้องหอเมื่อเช้า จินเหยากับอี้หลวนจำได้ดี
"คำนับพระชายา" ท่าทางนอบน้อมของแม่นมทำให้จินเหยายิ้ม
"แม่นมลุกขึ้นเถอะ" จินเหยาเอ่ย
"บ่าวชื่อฝูเจียง เป็นแม่นมที่ดูแลลี่อ๋องมา ติดตามท่านอ๋องออกจากวังมาด้วย" แม่นมฝูยิ้มขณะที่พูด มิได้มีท่าทางเหมือนพวกสาวใช้ที่นินทาจินเหยา อี้หลวนจึงรู้สึกดีกับอีกฝ่ายหลายส่วน
“แม่นมฝูมาที่นี่คงมีธุระกระมัง” จินเหยาเป็นคนฉลาด ไม่ต้องให้พูดมาก นางก็พอจะเข้าใจว่าแม่นมฝูอยากผูกมิตรกับตน
แม่นมฝูล้วงเอาตลับงาช้างออกมาและส่งให้อี้หลวน “นี่เป็นขี้ผึ้งตำรับชาววัง พระชายาโปรดรับไว้เถอะเจ้าค่ะ ขัดยอกหรือมีแผลตรงไหนก็ทาตรงนั้น ไม่เกินห้าวันจะหายดีเจ้าค่ะ”
จินเหยามองตลับยาและมองแม่นมฝู อีกฝ่ายยิ้มแล้วพยักหน้า จินเหยาจึงเข้าใจทันที นี่เป็นตำรับยาสำหรับสตรีที่เพิ่งผ่านคืนแรกกับสามีและมีอาการติดขัด ยาตำรับนี้ย่อมเหมาะกับจินเหยาในตอนนี้มาก
อย่าเห็นว่าจินเหยายิ้มหัวอยู่กับอี้หลวนได้นานสองนานแล้วนางจะไม่ได้เป็นอะไร แท้จริงแล้วนางปวดแสบที่ตรงนั้นมาก มากจนแทบคิดว่ามันฉีกขาดจนใช้การไม่ได้เสียแล้ว ก่อนออกเรือนท่านแม่เคยบอกว่าตอนเข้าหอนางจะรู้สึกเจ็บตรงนั้นสักหน่อย ผ่านไปสักพักจะดีขึ้นเอง แต่นี่ก็ผ่านมาครึ่งวันแล้ว นางรู้สึกว่าเหมือนที่ตรงนั้นจะเจ็บมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
"ขอบคุณแม่นมฝูมาก"
“เป็นหน้าที่ของบ่าวที่ต้องดูแลเจ้านายเจ้าค่ะ อ้อ บ่าวยังมีอีกเรื่อง พรุ่งนี้กลับบ้านเดิมของพระชายา บ่าวเตรียมของขวัญไว้พร้อมแล้ว พระชายาไม่ต้องตระเตรียมอะไรอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“เรื่องนี้ก็ต้องรบกวนท่าน ขอบคุณแม่นมฝูมาก”
แม่นมฝูยิ้มแล้วผงกศีรษะสองสามครั้งด้วยท่าทางนอบน้อม “อีกสักครู่สำรับมื้อเที่ยงจะมาส่ง บ่าวไม่รบกวนพระชายาแล้ว บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ" แม่นมฝูคำนับอย่างนอบน้อมคราหนึ่งแล้วออกจากเรือนเฉียนเกอทันที
"อี้หลวนเจ้าไปส่งแม่นมฝูเถอะ"
“เจ้าค่ะ” อี้หลวนรับคำแล้วรีบเดินตามหลังแม่นมไป
แม่นมฝูพูดเกรงใจอยู่ไม่กี่คำก็พูดคุยยิ้มหัวไปกับอี้หลวน จินเหยามองส่งทั้งสองไปจนลับตา นางถือตลับยาเดินเข้าไปยังห้องนอนชั้นใน เดินไปหลังฉากกั้นแล้วเปลื้องผ้าออก ควักเนื้อขี้ผึ้งติดปลายนิ้วออกมาทาภายในผ้าปิดอายส่วนล่าง เมื่อนิ้วมือแตะเข้าไปนางถึงกับสะดุ้ง แต่ก็แข็งใจทายาจนเสร็จ ยามีฤทธิ์เย็นทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาไม่น้อย นางจึงเก็บยานั้นไว้ในตู้อย่างดีและเดินกลับไปนั่งที่เดิม ตั้งใจว่ารับมื้อเที่ยงสักหน่อยแล้วค่อยเอนกายพักผ่อน
