บทที่ 3
เสียงเคาะประตูดังรัวติดกันหลายหน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครกันที่อยู่หน้าห้องเวลานี้ นงนภัสชำเลืองมองนาฬิกาที่หัวเตียง ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ววายุมีธุระอะไรกับตนอีก
“กว่าจะเปิดได้นะ” เขาทักทายด้วยสีหน้าบึ้งตึงทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูชะโงกหน้าออกมาพบ
“มีอะไรคะ” นงนภัสแง้มออกมาแค่ใบหน้า ยิ่งทำให้วายุหมั่นไส้จนต้องดันประตูให้เปิดแล้วแทรกตนเองเข้าไปในห้องของอีกฝ่าย
“ทำอะไรอยู่ทำไมเพิ่งเปิดประตู” สายตาของวายุมองกวาดไปรอบๆ ห้อง เคาะประตูตั้งนานไม่ยอมเปิดมีอะไรพิเศษที่สำคัญกว่าการที่เขามาหาอีกเหรอ
นั่นไง ...
โทรศัพท์มือถือที่นงนภัสเพิ่งใช้เช็กข้อมูลในอินเตอร์เนทวางอยู่บนเตียงนอน คนอารมณ์ไม่ดีเหมาว่าเป็นเพราะเจ้าเครื่องนี้ถึงทำให้เปิดประตูไม่ทันใจตน
“คุยกับแฟนอยู่หรือไงถึงได้ไม่เปิดประตู” สายตาเขายิ้มเยาะเหมือนล้อเลียน แต่ในใจรู้สึกเดือดดาลหากคำตอบที่รอฟังบอกว่าใช่
“คุณลมมีธุระอะไรคะ” หญิงสาวอยากรู้มากกว่าว่าเขาเคาะประตูห้องด้วยเรื่องอะไร
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ” ปลายเสียงสะบัดคล้ายไม่พอใจอยู่ในที
“...” นงนภัสไม่รู้ว่าตนเองควรตอบเรื่องไหนดี ไม่เปิดประตูหรือเรื่องอื่น
“ฉันถามทำไมไม่พูด” คราวนี้วายุจ้องหน้าไม่วางตา
อารมณ์ขุ่นมัวเพิ่มมากขึ้นจนแทบอยากจะจับคนที่ยืนตรงหน้ามาเค้นถามเอาคำตอบที่ต้องการ
“คุณลมมีธุระอะไรคะ” นงนภัสถามคำเดิมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ทำไม ไม่มีธุระฉันจะเคาะประตูไม่ได้ใช่ไหม ขัดความสำราญออดอ้อนของเธอเหรอ”
ว่าไปนั่น นงนภัสไม่อยากมีปัญหาจึงพยายามให้พายุไร้เหตุผลก้อนนี้ผ่านไปโดยไม่คิดติดใจใดๆ ทั้งสิ้น
เขาก็เป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว หาเรื่องได้ทุกอย่างแม้กระทั่งไม่ผิดก็บอกว่าผิด
วายุเห็นนงนภัสเงียบเฉยไม่เถียงอย่างที่คิดก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มถือวิสาสะนั่งลงที่ปลายเตียงนอนแล้วมอบไปรอบๆ ห้องอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีทีท่าของคนมีเรื่องร้อนรนใดๆ ทั้งสิ้น
“เธอไม่ได้ทำงานที่บริษัทเหรอ”
สาเหตุที่วายุมาเคาะประตูห้องกลางดึกก็เพราะว่า เมื่อตอนสายเรียกผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพบเพื่อสั่งการณ์ให้นงนภัสลาออก แต่แล้วก็ต้องพบว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ทำงานที่บริษัทของครอบครัว ทำให้เขาสงสัยว่าหญิงสาวทำงานที่ไหนกับใคร
คุณหญิงนาถเป็นคนให้คำตอบเรื่องนี้ ก่อนกลับวายุแวะไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาลได้พบนมนิ่มที่มานอนเป็นเพื่อน จึงได้รู้ว่านงนภัสทำงานอยู่ที่บริษัทตกแต่งภายในแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาจะไม่ว่าเลยหากว่ามันไม่ใช่บริษัทของคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุดในชีวิต
“ลาออกซะ แล้วมาทำงานที่บริษัท”
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่ลาออก” นงนภัสสวนกลับทันที
“กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ ฉันบอกให้ออกก็ต้องออก”วายุขึ้นเสียงดังใส่
“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับฉัน คุณท่านอนุญาตให้ทำงานที่นี่ได้” หญิงสาวอ้างคุณหญิงนาถ
“คุณแม่อนุญาตแต่ฉันไม่อนุญาต ควรรู้นะว่าต้องฟังใคร”
ไม่มีเหตุผลสิ้นดี คนอะไรเอาแต่ใจที่สุด ตัวเองไม่ถูกกับใครจะมาเหมาบังคับไม่ให้คนอื่นไม่ชอบด้วยได้ซะทีไหน
ไม่มีวันซะล่ะ ที่เธอจะยอมลาออกตามคำสั่ง
“ฉันขอยืนยันอีกครั้งค่ะว่าไม่ออก”
“กล้าใช่ไหม เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งใช่ไหม” วายุตาวาวด้วยความโกรธ
เรื่องอื่นเขายอมหยวนได้ แต่เรื่องนี้ให้ไม่ได้จริงๆ นงนภัสเป็นเด็กในการปกครองของครอบครัวรามบดินทร์ เป็นลูกไล่ที่เดินตามหลังมาแต่ไหนแต่ไร วายุไม่มีวันยอมให้คนของตนแปรพักตร์ไปเป็นเป็นคนของคนอื่นเด็ดขาด
“ก็มันไม่มีเหตุผลนี่คะ เรื่องของคุณลมกับคุณกรณ์เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่เด็ก ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องทำงานซะหน่อย” นงนภัสอ้าง
ความบาดหมางในอดีตระหว่างวายุกับเพื่อนเก่าคนนี้ เป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเพราะคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงคือเธอนั่นเอง นงนภัสถูกสั่งให้เลือกข้างว่าจะเป็นคนของใคร
แน่นอนว่าลูกไล่ในบ้านรามบดินทร์จะเป็นของใครไม่ได้ นอกจากคนเอาแต่ใจคนนี้คนเดียว
“อย่าพูดชื่อมันให้ฉันได้ยิน ถ้ายังเห็นว่าที่นี่มีบุญคุณกับเธอล่ะก็ ลาออกซะ ไม่งั้นฉันจะถือว่าเนรคุณ”
“คุณลม” คราวนี้นงนภัสชักจะทนไม่ไหวขึ้นมาแล้ว
แค่เรื่องที่เธอไปทำงานกับเพื่อนเก่าที่กลายเป็นศัตรู จะมาหาว่าเธอเนรคุณมันก็เกินไปหน่อยแล้ว เรื่องเด็กๆ จะเอามาจดจำและทำให้เป็นปัญหาทำไม
ตอนนี้ต่างคนต่างมีทางเดินในเส้นทางอาชีพ นงนภัสจะทำงานที่ไหนหรือรู้จักใครไม่จำเป็นต้องให้วายุมาบงการอีกต่อไป
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณลมนะคะ ฟ้าตัดสินใจเองได้และฟ้าก็ไม่ลาออกด้วย” หญิงสาวยืนยันหนักแน่นอีกครา
ทันทีที่เรียนจบคุณหญิงนาถอยากให้นงนภัสเข้าทำงานที่บริษัท โดยสั่งให้ฝ่ายบุคคลเตรียมหาตำแหน่งที่เหมาะสมไว้ให้ แต่หญิงสาวกลับปฏิเสธและหางานทำเองเหมือนที่คนอื่นทำ โชคที่ได้สัมภาษณ์ในบริษัทตกแต่งภายในแห่งหนึ่ง ซึ่งตำแหน่งเลขาของท่านประธานว่างลงพอดี
ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งรวมกับบุคลิกที่คล่องแคล่ว ทำให้ในที่สุดก็ได้งานทำที่บริษัทแห่งนี้ และกลายเป็นว่าเจ้านายของเธอคือคุณกรณ์หรือพี่กร รณภัทรอดีตเพื่อนรักของวายุนั่นเอง
“ทำไมจะไม่เกี่ยวในเมื่อไอ้หมอนั่นเป็นศัตรูของฉัน เธอทำงานที่บริษัทมันก็เท่ากับเธอจะเป็นศัตรูกับฉันด้วยใช่ไหม” วายุยังไม่ลืมเรื่องเก่าในอดีต
“ไปกันใหญ่แล้วค่ะ คุณลม ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย” หญิงสาวชักอ่อนใจว่าอธิบายไปเขาก็คงไม่ฟังเหตุผลแน่
“คุณลม เรื่องที่คุณลมกับคุณกรณ์เข้าใจผิดกันมันนานมากแล้ว คุณกรณ์เองก็เคยพูดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณลมลืมมันไปเถอะนะคะ”
วายุยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเมื่อนงนภัสทำตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเรื่องผิดใจในอดีต
หน็อย ทีตอนนั้นเดินตามเขาต้อยๆ ปากพูดว่าอยู่ข้างคุณลม
ทีตอนนี้เห็นมันเป็นเจ้าของบริษัทเข้าให้หน่อยทำมาเป็นพูดดี
มันน่านักเชียว...
“เธอไม่รู้เรื่องอะไรอย่าพูดเลย สรุปว่าตอนนี้เข้าข้างมันใช่ไหม”
ให้ตายเถอะ เขาอยากจะจับแม่ลูกไล่ตัวดีมาตีสักป้าป ที่บังอาจกล้าไปเข้าข้างคนอื่น
“ฟ้าไม่ได้เข้าข้างใครนะคะ แต่การที่คุณลมจะให้ลาออก ฟ้าทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ” นงนภัสยืนยันว่าไม่ลาออกแน่
“กล้าขัดคำสั่งฉันใช่ไหม” วายุตาวาวด้วยความโมโห ก้าวเข้าไปหาคนที่ขัดใจทันที
“คุณลม จะทำอะไร” นงนภัสถอยหลังกรูเมื่อร่างสูงโผเข้าหาจนตัวเองหลังชนกำแพงห้อง
เมื่อก่อนเขาปราบลูกไล่เถียงโดยใช้วิธีเอามือปิดปากเพื่อให้ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถ้าใช้วิธีเดิมมีหวังว่านงนภัสคงไม่ยอมให้ปิดปากโดยดีแน่
ดังนั้นวิธีกำราบไม่ให้ลูกไล่แปรพักตร์มันต้องเปลี่ยนไป โตขึ้นตามอายุและประสบการณ์ ถึงจะเรียกว่าปราบได้อย่างสนิทใจ
เรียวปากอิ่ม นี่ ...ใช่ไหมที่ชอบเถียง
สีระเรื่อแดงอ่อน นี่ ...ใช่ไหมที่ไม่ยอมลงให้เขา
ลิ้นเล็กหวาน นี่ ...ก็อีกที่เถียงคอเป็นเอ็น
เอาคืนครั้งเดียวให้คุ้ม เพื่อจะได้ไม่กล้าขัดใจอีก กำราบลูกไล่สาวสวยต้องใช้ชั้นเชิงชายอกสามศอก และแน่นอนว่านงนภัสต้องยอมแต่โดยดี
“คะ คุณ...” นงนภัสตกตะลึงไม่คิดฝันมาก่อนว่าจะถูกจู่โจมเช่นนี้
วายุก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวและใช้สองมือดันให้แผ่นหลังแนบกำแพงห้อง จากนั้นจึงเริ่มวิธีปราบในขั้นตอนที่ทำให้เธอแทบหายใจหายคอไม่ทัน
ริมฝีปากของคนเอาแต่ใจแนบชิดประกบแน่นกับเรียวปากคู่สวย ไม่รั้งรอให้เจ้าของตั้งตัวทัน ส่งปลายลิ้นสอดแทรกเข้ากวาดชิมความหวาน เจ้าของปากอิ่มตกใจจนทำอะไรไม่ถูกคล้ายจะหายใจติดขัดเมื่อถูกสัมผัสอย่างตั้งใจ
ผู้รุกล้ำย่ามใจมากขึ้นจงใจให้ปลายลิ้นโบกสะบัดเกี่ยวรัดกับคนไม่ประสา ปลายลิ้นเล็กถอยร่นหนีหาที่พึ่งพิง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นถูกกอดรัดโรมรันไม่อาจหนีไปไหน
เรียวปากแนบชิดเรือนกายแนบแน่น เวลานี้นงนภัสร้อนเป็นไฟไปทั่วทุกอณุขุมขน ส่วนคนเอาแต่ใจเชยชมจนอิ่มเอมแล้วค่อยคลายมนต์ปราบลูกไล่อย่างช้าๆ
“อย่าขัดใจอีกไม่งั้นโดนมากกว่านี้แน่” วายุถอยหลังหนึ่งก้าว ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากอย่างมีความสุข
นงนภัสทั้งโกรธทั้งอาย รู้สึกตื่นเต้นและโมโหแยกไม่ออกว่าหัวใจตอนนี้รู้สึกอย่างไร เพียงแค่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของคนที่เพิ่งรังแกตนเอง ศักดิ์ศรีที่หยิ่งทระนงก็ฮึกเหิมขึ้นในใจ
แม้เป็นแค่ลูกไล่ในบ้าน แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำการดูถูกเช่นนี้
“นงนภัส” ใบหน้าคมหันตามแรงฝ่ามือ
“ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้” เสียงเธอสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสคลอเต็มสองข้าง เขาไม่ใช่แค่เอาแต่ใจแต่เอาเปรียบอย่างที่สุด
แค่เห็นดวงตาคู่สวยแดงช้ำคล้ายกับจะร้องไห้ หัวใจของวายุก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้
แต่มันยอมไม่ได้ที่จะเห็นนงนภัสเข้าข้างคนอื่น
เป็นของเขา เธอเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น...
“ไปลาออกซะ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอีก” วายุปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำเมื่อครู่
“อะ...ออกไป” เจ้าของห้องเมินหน้าหนีกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
วายุไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ขอโทษหรือต่อว่าหาเรื่องเธออีก สำนึกที่อยู่ในใจคือรู้ตัวว่าผิด แต่ไม่ยอมรับโทษว่าเป็นเพราะนงนภัสไม่ฟังคำสั่ง
กระนั้นก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าทำไมจึงลงโทษด้วยการจูบ และช่างเป็นจูบที่หวานติดตรึงใจเสียเหลือเกิน ให้ตายเถอะ
