ตอนที่ 2
ดวงตากลมโตใต้แว่นตาอันโตมีรอยเก้อเขิน พัทรดารีบรับทิชชู่มาเช็ดๆถูๆคราบนั้น เมื่อเช็ดรอยเลอะแล้วสาวน้อยนักเขียนก็ยิ้มกว้างเอ่ยลา
“พัทต้องไปแล้วค่ะ วันนี้สำนักพิมพ์นัดคุยงานไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวกลับไปที่โต๊ะ คว้าโน้ตบุ๊กคู่ใจมากอดไว้ ก่อนหันมาโบกมือให้เจ้าของร้านแล้วสาวเท้าพาร่างเล็กเพรียวบางเดินออกไปยังรถโฟล์คเต่าสีชมพูแปร๋นคู่ใจที่จอดอยู่หน้าร้าน
เอมใจมองตามหลังร่างเล็กๆ ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นสาวน้อยคนนี้ปีนต้นมะม่วงข้างรั้วบ้านอยู่ พัทรดาในตอนนั้นซุกซนไปทั่วราวกับเป็นเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง เดือนจรัสมารดาของหญิงสาวเคยเอ่ยว่า
“ยายพัทแกเป็นตัวของตัวเอง แกไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำให้ใครหลงมารยา”
เดือนจรัสมองลูกสาวที่ปีนป่ายต้นมะม่วงด้วยสายตารักใคร่ ไม่มีท่าทีจะเอ่ยห้ามปรามลูกสาวตัวน้อยให้ลงมาจากต้นไม้สูงนั้นเลย จน
คนเป็นเพื่อนอดห่วงไม่ได้
“บอกให้หนูพัทลงมาเถอะ ฉันล่ะกลัวแกตกลงมา สูงจะตายน่ากลัวออก”
ไม่ทันจบประโยคเสียง ตุ๊บ! ดังขึ้น ร่างเล็กบนต้นไม้หล่นลงมากองใต้โคนต้น เอมใจรีบวิ่งถลาเข้าไปพยุงร่างที่นอนคลุกฝุ่นอย่างตกใจ
“หนูพัทเป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“แฮ่... ไม่เป็นไรค่ะน้าเอม พัทเหยียบพลาดเลยตกลงมา”เด็กหญิงยิ้มร่า สีหน้าระรื่น ไม่มีท่าทางเจ็บปวดอย่างที่นึกกลัว
“เรามันชอบทำให้คนอื่นตกอกตกใจอยู่เรื่อย”คนเป็นแม่กอดอกมองหน้าลูกสาวพร้อมกับทำเสียงระอา
“เดือนลูกตกลงมาขนาดนี้ ยังจะว่าแกอีก หนูพัทเจ็บไหมลูก...”
เอมใจว่าแม่เด็กหญิง แล้วหันมาลูบเนื้อตัวมอมแมมนั้นอย่างห่วงใย ในตอนนั้นเอมใจนึกฉิวเพื่อนที่มองลูกสาวเฉย ไม่มีท่าทีตกอกตกใจกลัวลูกเป็นอันตรายแม้แต่น้อยเลย
เดือนจรัสถอนหายใจแรงๆ มองเพื่อนกับลูกสาวอย่างเหนื่อยหน่าย
“ยายพัทตกต้นไม้ประจำ แกรู้ว่าลงท่าไหนแล้วไม่เจ็บตัว เหมือนแมวไง เธออย่าตกใจไปเลย ถ้ายายพัทจมน้ำค่อยน่าห่วงหน่อย”
“มันต่างกันตรงไหนตกต้นไม้กับตกน้ำ เธอนี่ก็แปลก”
“ตกต้นไม้ตาย ฉันถือว่าลูกฉันโง่เองที่ไม่ระวังตัว กิ่งไม้มีเยอะแยะไม่รู้จักเกาะไว้ดีๆ แต่ตกน้ำมันไม่มีอะไรให้เกาะ ถ้าเป็นอะไรไปค่อยน่าเสียใจหน่อย”
คำพูดของมารดาเด็กหญิง ทำเอาคนฟังอ้าปากเหวอ...
ตอนนี้เด็กหญิงตัวเล็กๆคนนั้น เติบโตเป็นสาวน้อยมากความสามารถ แถมหน้าตายังน่ารักอีกด้วย ทำไมเจ้าลูกชายตัวร้ายกลับมองไม่เห็นข้อนี้ ปฏิบัติการณ์แม่สื่อแม่ชักจึงกลายเป็น...แม่ขาดแม่ผลัก เจ้าของร้านกาแฟหมายมาดไว้ในใจมานานว่าจะจับคู่ให้ลูกชายกับนักเขียนสาว แต่ยังหาโอกาสเหมาะที่จะแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันไม่ได้สักที
“น้าเอมครับ คุณพัทลืมไอ้นี่ไว้ที่โต๊ะครับ”
หนอนเด็กเสิร์ฟประจำร้าน ส่งแท่งพลาสติกสีเงินให้เจ้าของร้าน คุณเอมใจรับมาดูก่อนส่ายหน้า ครั้งนี้เป็นครั้งที่แปดหรือครั้งที่สิบก็ไม่รู้ ที่พัทรดาลืมแฟลสไดรฟ์ไว้ที่ร้าน
“เดี๋ยวหนูพัทคงมาเอาวันหลัง น้าเก็บไว้ที่นี่นะ”
เอมใจเปิดลิ้นชักวางของไว้บนหนังสือ มือก็ชี้บอกคนเอามาให้รู้เผื่อเจ้าของมาเอาจะได้รู้ที่
“ตรงนี้นะหนอน ถ้าหนูพัทมาถาม หยิบให้เธอทีนะ”
ลิ้นชักถูกผลักปิด เอมใจหันไปจัดการกับออเดอร์ของลูกค้ารายใหม่ จนถึงเวลาร้านปิดแฟลสไดรฟ์อันนั้น ก็คงนอนแอ้งแม้งรอเจ้าของอยู่ที่เดิม หากไม่มีใครบางคนเกิดเปิดลิ้นชักไปเห็นเข้า...
“ของใครหว่า...”
แฟลสไดรฟ์อันนั้นถูกมือเรียวยาวหยิบขึ้นมาดู อาราหย่อนเจ้าสิ่งนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ มืออีกข้างคว้าหนังสือเล่มหนาติดมือมาด้วย
“เอาหนังสือของยายแมวคราวไปอ่านดูดีกว่า”
ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกอยากอ่านงานเขียนของนักเขียนสาวขึ้นมา หลังจากแวะไปเยี่ยมเพื่อนแล้วเห็นภรรยาของเพื่อนกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างตั้งอกตั้งใจ
“หนังสือนิยายเรื่องนี้หวานเพิ่งซื้อมา เห็นที่เว็บหนังสือเขารีวิวว่าสนุกน่าอ่าน พี่เอสลองอ่านดูสิคะ สนุ๊ก...สนุก”หวานภรรยาของวันชัยเพื่อนร่วมรุ่นชวนให้เขาอ่านนิยาย
“ถ้าเจ้าเอสมันอ่านแผ่นดินก็ถล่มพอดี”วันชัยหัวเราะขำภรรยา ที่แนะนำอะไรไม่แนะนำดันแนะนำให้อาราอ่านนิยาย ถ้าเป็นหนังสืออื่นอาราคงไม่ปฏิเสธ
ร่างสูงเดินผ่านประตูหลังร้านซึ่งทะลุ มาถึงบ้านพักของครอบครัว กวาดสายตามองซ้ายมองขวา ก่อนถอนหายใจยาว มารดาของเขาคงนอนหลับแล้ว ถ้าตื่นมีหวังหูชาแน่ๆ คุณเอมใจเคยห้ามลูกชายหลายหนให้เลิกเที่ยวเตร่ตอนกลางคืน แต่อาราฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เคยเชื่อสักที
เมื่อมาถึงห้องชายหนุ่มวางหนังสือลงบนโต๊ะ มือล้วงหยิบแฟลสไดรฟ์ปริศนาวางคู่กัน เขาถอดเสื้อโยนผลุงใส่ตะกร้า ก่อนสลัดกางเกงตามด้วยบ็อกเซอร์ลายมิคกี้เม้าส์โยนตามลงไป แล้วเดินตัวเปล่าเข้าไปในห้องน้ำ จัดการเปิดน้ำทำความสะอาดร่างกาย ปากก็ฮัมเพลงไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ เมื่ออาบน้ำเสร็จร่างล่ำสันผิวขาวจัดก็เดินกลับออกมา มองหาผ้าเช็ดตัวตรงราวตากผ้ามุมห้อง
“ยายเก้งเอาไปตากข้างนอกอีกแล้ว”
อาราโวยวาย ก่อนเปิดประตูระเบียงเดินออกมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่สาวใช้นำมาตากไว้ โดยไม่รู้ว่าบ้านฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งห้องหนึ่งมีระเบียงหันมาทางเดียวกัน เจ้าของห้องกำลังยืนเกาะราวระเบียงชมดาวอยู่
