
บทย่อ
พัทรดาต้องใช้ทุกเล่ห์เหลี่ยม เพื่อขัดขวางการคลุมถุงชนในครั้งนี้ ! เมื่อพัทรดานักเขียนสาว ดาวรุ่ง พุ่งแรง ต้องวางแผนการเพื่อช่วยเหลือพิมพ์พิศาพี่สาวคนเดียว ให้รอดพ้นจากการคลุมถุงชนของคุณพลอยจันทน์ผู้เป็นย่า บางครั้งนักเขียนสาวยังแอบขโมยพล็อตเน่าๆในนิยายมาใช้ ให้สมกับเป็นเจ้าแม่นิยายน้ำเน่าตัวจริง การแก้ลำแบบแสบๆคันๆระหว่างหลานกับย่าจึงเกิดขึ้น แต่การรับมือกับมารุต ว่าที่คู่หมายนัมเบอร์ทูของพี่สาว ทำให้พัทรดาหนักใจที่สุด ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนักจนต้องขอยืมมือ อารา นายตัวแสบข้างบ้านมาช่วยรับมือ ปฏิบัติการครั้งนี้ของพัทรดา จะสำเร็จหรือไม่ นิยายรักเรื่องนี้ใครกันจะเป็นพระเอกตัวจริง...
ตอนที่ 1
“ได้แล้วครับ กาแฟเอสเปรสโซ กับบานาน่าแพนเค้กราดครีมวานิลา”
ถ้วยเซรามิคใบเล็กบรรจุกาแฟหอมกรุ่น ถูกวางลงบนโต๊ะซึ่งปูด้วยผ้าลูกไม้สีขาว เจ้าของโต๊ะเป็นหญิงสาวหน้าใสสวมแว่นสายตาอันโตพยักหน้ารับ จนผมที่มัดไว้เป็นจุกกลางศีรษะคล้ายก้อนซาลาเปาสีน้ำตาลส่ายดุ๊กดิ๊ก มือเรียวเล็กขยับโน้ตบุ๊กเลื่อนเข้ามาชิดขอบโต๊ะ เพื่อให้จานรูปวงรีวางแพนเค้กสีเหลืองนวลราดด้วยครีมสีขาวมีที่วาง เด็กเสิร์ฟเดินจากไปเมื่อทำหน้าที่เสร็จ ปล่อยให้ลูกค้าจัดการกับของบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์
หญิงสาวยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด โดยไม่กลัวลวกปากหรือเกรงต่อรสชาติอันเข้มข้นราวกับว่าสิ่งที่เธอเพิ่งเทลงคอไปเป็นเพียงน้ำเปล่าแช่เย็นธรรมดาแก้วหนึ่ง ต่างจากคอกาแฟทั่วไปที่มักจะละเลียดกาแฟทีละน้อยเพื่อสัมผัสและดื่มด่ำกับรสชาติแท้ๆของกาแฟถ้วยโปรด แพนเค้กสีเหลืองนวลถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ เจ้าของโต๊ะจิ้มแพนเค้กใส่ปากเคี้ยวช้าๆ สลับกับการรัวนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กตรงหน้า โดยสายตาจดจ่อไม่ละจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก เมื้อชิ้นขนมหมดหญิงสาวก็วางถ้วยกาแฟซ้อนจาน ไสให้เลื่อนไปอยู่มุมโต๊ะ ก่อนหันมาทำหน้าเคร่ง จดจ่อต่อการพิมพ์งาน ราวกับอยู่เพียงลำพังในที่อันสงบเงียบเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ร้านกาแฟที่มีผู้คนรายรอบอยู่เต็มไปหมดเช่นนี้
“ใครหรือครับแม่ ผมเห็นมาทุกวันเลย”
อาราละสายตาจากภาพตรงหน้า หันมาถามมารดาที่กำลังจัดกาแฟให้ลูกค้าหลังเคาน์เตอร์
เอมใจมองหญิงสาวผมจุกด้วยสายตาอ่อนโยน ริมฝีปากเคลือบสีส้มอ่อนแย้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามของลูกชาย
“ลูกค้าประจำของร้านเรา เป็นนักเขียนดังเชียวนะ”
น้ำเสียงของมารดา แสดงความชื่นชมเจือเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า
“นักเขียนหรือครับ หน้าตาดูเด็กๆอยู่เลย”
ลูกชายย่นคิ้วดกหนาเข้มคมนั้น แววตามีรอยแคลงใจ ใครจะเชื่อว่าแม่สาวผมจุก หน้าอ่อนใสสวมแว่นสายตาอันโตอย่างกับตัวการ์ตูนคนนี้ จะมีอาชีพเป็นนักเขียน อาราหันกลับไปยังนักเขียนสาวอีกหน เขาแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ทัน ใบหน้าอ่อนใสของนักเขียนสาวตอนนี้มุมปากบางเจือสีชมพูอ่อนเปื้อนคราบครีมเลอะเทอะโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มเผลอยิ้มดวงตาคมจ้องหน้าสาวน้อยนิ่งนาน แบบนี้จะทำให้เขาเชื่อลงได้ยังไง ว่ายายแมวคราวหน้ามอมคนนี้มีสติปัญญาสร้างสรรค์งานเขียน ท่าทางอย่างกับเด็กอนุบาลยังไม่อดนม อารานึกอย่างขำๆ
“หนูพัทเขาเขียนนิยายเก่ง เคยมีคนซื้อไปทำละครตั้งหลายเรื่อง” เอมใจเอ่ยชมนักเขียนสาวด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม พลางเปิดลิ้นชักหยิบหนังสือเล่มหนาส่งให้ลูกชายเป็นการยืนยัน
“เรื่องล่าสุดก็นี่ไง สัญญารักที่ปลายฟ้า”
อารารับหนังสือเล่มหนานั้นมาดู หน้าปกสีฟ้าใสมีรูปวาดของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวนั่งบนเก้าอี้ไม้ เอียงหน้าเหม่อมองท้องฟ้าสีครามอย่างหงอยเหงา ชื่อเรื่อง “สัญญารักที่ปลายฟ้า”พิมพ์เป็นตัวนูนสีน้ำเงินใส ด้านล่างมีชื่อผู้แต่งปรากฏอยู่ “พัทรดา”
ปลายนิ้วพลิกหน้ากระดาษ กวาดสายตาผ่านตัวอักษรคร่าวๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนส่งคืนให้มารดา เขามองหนังสือแล้วหันไปมองคนเขียน ทำหน้าราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกปรากฏอยู่ตรงหน้า
“เขียนได้ยังไง”
“หนูพัทเขาเก่งไง”เอมใจยิ้มปลื้ม
อาราส่ายหน้า แค่นยิ้มอย่างคันหัวใจ ในคำพูดนี้เขาหมายถึง เขียนเรื่องเน่าๆแบบนี้ได้ยังไงต่างหากเล่า แต่คนเป็นแม่แปลความหมายไปอีกอย่าง ชายหนุ่มไม่ได้นึกชื่นชมหรือปลื้มกับนักเขียนสาวสักกะผีก เขาไม่ได้เป็นนักอ่านตัวยงเหมือนมารดาซึ่งชอบอ่านหนังสือทุกประเภท โดยเฉพาะหนังสือนิยายคุณเอมใจเป็นแฟนพันธุ์แท้นิยายเลยทีเดียว
ห้องหนึ่งในบ้านถูกจัดเป็นห้องหนังสือ ตู้หลายใบเรียงหนังสือประเภทต่างๆไว้จนแน่น กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นหนังสือนิยาย ในขณะที่มารดาชื่นชอบการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ แต่ลูกชายกลับตรงข้ามเขาเห็นหนังสือเหมือนเห็นของขม หนังสือประเภทเดียวที่อารายอมอ่านคือตำราเรียน นอกจากนั้นเขาเบือนหน้าหนีหมด โดยเฉพาะหนังสือนิยายชายหนุ่มเห็นเป็นหนังสือไร้สาระไม่ควรไปแตะต้องที่สุด
การได้พบนักเขียนจึงไม่ใช่สิ่งน่าตื่นเต้นสำหรับเขา ตรงข้ามเขามองคนทำอาชีพประเภทนี้ว่าเป็นพวก
‘ปั้นน้ำเป็นตัว ขายความเพ้อเจ้อ’
“เอสน่าจะทำความรู้จักกับน้องเขาไว้นะ เขาเป็นลูกน้าเดือนที่อยู่ข้างบ้านเราไงจ้ะ”
เอมใจแนะนำด้วยท่าทีคล้ายหวังดี คนเป็นลูกมองสายตาของมารดาแล้วยิ้มแหยๆ อารารู้ว่าถ้าลองแม่ของเขาทำท่าแบบนี้ นั่นแสดงว่าบริษัทเอมใจจัดคู่จำกัด กำลังเริ่มดำเนินการแล้ว
“ไว้วันหลังนะครับแม่ วันนี้ผมมีธุระด่วน”ชายหนุ่มรีบหาทางชิ่ง
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เผ่นแผล็วออกไปทางหลังร้านทันที คนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้า ระอาเอือมอ่อนใจเหลือทน แผนการต้อนนายตัวร้ายไม่เคยสำเร็จ เจ้าตัวรู้ทันทุกที แบบนี้เมื่อไหร่จะได้อุ้มหลานสักที เอมใจถอนหายใจแรงๆ
“เท่าไหร่คะน้าเอม”เสียงใสๆ ดังขึ้น
ว่าที่คู่หมายตาของลูกชาย ยื่นหน้าเข้ามาในเคาน์เตอร์บาร์ พลางส่งยิ้มหวานให้
“เท่าเดิมจ้ะ กินแบบนี้ทุกวัน ไม่เบื่อบ้างหรือหนูพัท”
เจ้าของร้านกาแฟรับเงินที่ส่งให้ ปากก็เอ่ยถามไปด้วย
พัทรดายิ้มรื่น “ที่นี่ทำอร่อยค่ะ พัทกินทุกวันไม่เห็นเบื่อนี่คะ”หญิงสาวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามุมปากยังเลอะครีมเป็นคราบ
คนสูงวัยกว่ามองใบหน้าอ่อนใสอย่างเอ็นดู หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้
“เช็ดปากหน่อยลูก เลอะครีม”
“ขอบคุณค่ะน้าเอม”
