บทที่ 7 (1)
“หน้าผากแกเป็นไงบ้าง” สายไหมถามขึ้น ในเช้าวันจันทร์ เมื่อเคารพธงชาติเสร็จ โต๊ะเรียนที่ตั้งเรียงราย เป็นแถวตรงอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะนั่งของลูกตาลอยู่ด้านหน้าของสายไหม เธอเอี้ยวตัวกลับหลังมาจ้องตากับเพื่อนสนิท ใช้ข้อศอกวางที่โต๊ะ ก่อนที่จะเท้าคางลงไป ให้สายไหมได้ดูแผลที่หน้าผากได้ชัดเจน
“ดีขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังช้ำอยู่อะ”
“ดีที่สมองไม่เสื่อม จำฉันไม่ได้ขึ้นมาคงเสียใจแย่” สายไหมแสร้งทำเสียงอ่อน แล้วเสียงหัวเราะของลูกตาลก็ดังขึ้น
“พอเลย แกคงดีใจนะสิ ที่จะได้เลิกมีภาระแบบฉัน” ใบหน้าสวยบึ้งลงเล็กน้อย ฝ่ามือเล็กเปิดดูแผลที่หน้าผากของเธออย่างเบามือ “เป็นไง ไม่ช้ำมากแล้วใช่ไหม เมื่อเช้าทายาไปแล้ว”
“อืมดีแล้ว ว่าแต่…”
“ลูกตาลเป็นไงบ้าง เราขอโทษนะ” เสียงของต้นน้ำดังขึ้นมาแทรก เขาเดินเข้ามาประชิดตัวของเด็กสาวที่ถูกตัวเองกระทำให้บาดเจ็บเมื่อวันนั้น สีหน้าของเขาดูกังวลใจไม่น้อย จ้องมองหน้าผากของ ลูกตาลด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม มันดูช้ำ ปวดมากไหม”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว เราสบายดี แค่รอยช้ำนิดเดียวเอง” ลูกตาลส่งยิ้มไปให้เด็กหนุ่ม เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ดูเหมือนว่า ต้นน้ำจะไม่ได้มีสีหน้าหายกังวลลงไปแม้แต่น้อย
“เรารู้สึกผิด ยิ่งลูกตาลไม่ด่าเราสักคำ เรายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ขอโทษจริงๆ จะให้ทำอะไรไถ่โทษบอกมาได้เลยนะ”
“พอๆ ไปนั่งที่ของนายเถอะ ลูกตาลไม่โกรธนายแล้ว เลิกคิดมากสักที วันนั้นฉันต้องขอโทษที่พูดไม่ดีกับนายด้วย เพราะเป็นห่วงลูกตาลฉันเลยพูดแบบนั้นออกไป” สายไหมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงในตอนท้าย เธอรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน ที่ไปตะคอกใส่เพื่อนร่วมชั้นเรียน
“เราไม่เคยโกรธเธอเลยนะ มันสมควรแล้ว ที่เธอจะว่าเราแบบนั้น”
“พอเลยทั้งสองคน วิชาช่วงเช้าอาจารย์ไม่เข้าสอนใช่ไหม??” เด็กสาวพูดเฉไฉไปเรื่องอื่น ทำให้ทั้งสองคนหันมาสนใจในสิ่งที่เธอกำลังสื่อสาร
“ใช่แล้ว แต่ให้ทำงานส่ง คงต้องไปห้องสมุด” สายไหมตอบกลับมา
“เราขอไปด้วยได้ไหม”
“ดะ..ได้สิ ไปกัน ต้นชวนเพื่อนกลุ่มต้นไปด้วยกันสิ ไปหลายๆ คนจะได้ช่วยกัน” ลูกตาลตอบออกไป อย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้ว่าต้นน้ำคิดกับเธอเกินกว่าเพื่อน แต่ความรู้สึกนี้เธอไม่สามารถรับเอาไว้ได้ คงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ลดสิ่งที่จะทำให้เขาเข้าใจผิดให้น้อยที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
“ได้ เดี๋ยวเราไปชวนเพื่อนก่อนนะ” เด็กหนุ่มเดินกลับไปที่โต๊ะในทันทีด้วยท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เปล่งประกาย ต่างจากเมื่อครู่ที่ดูเศร้าหมอง
“นี่แกคงไม่ตกหลุมรัก ต้นน้ำมันแล้วนะ ฉันรู้ว่าแกดูออกว่าต้นมันสนใจแก” สายไหมกระซิบข้างหู ถามความสงสัยของตัวเองออกไป ลูกตาลส่ายหน้าในทันที เธอไม่มีทางที่จะชอบต้นน้ำได้ ถึงเขาจะเป็นคนนิสัยดี แต่สาวๆ ที่มาตกหลุมรักเขาก็มีมากเกินกว่าที่เธอจะรับมือไหว ลูกตาลยังไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีมากแล้ว
“ขอโทษนะเฮีย” ตะวันที่วิ่งออกมาจากด้านในโรงเรียน หายใจเหนื่อยหอบ เพื่อวิ่งมาเอารายงานที่ลืมเอาไว้ที่บ้าน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องส่งรายงานให้กับอาจารย์
“ทีหลังออกจากบ้านก็ตรวจดูก่อนว่าลืมอะไรไหม จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกันแบบนี้ ถ้าเกิดไม่มีใครอยู่บ้านจะทำยังไง” ทาเคชิยื่นถุงผ้าให้กับเด็กหนุ่ม พร้อมกับถุงใบเล็กอีกใบ ตะวันมองถุงอีกใบด้วยสายตาปนความสงสัย “ขนมเอาไปแบ่ง ไอ้เจมันด้วย”
“ครับ” เขารีบรับมันมาถือเอาไว้ “เฮียรออะไรครับ ที่นี่ห้ามจอดนานนะครับ” ตะวันกล่าวเตือน ก่อนที่ความสงสัยจะหายไป เมื่อร่างของเด็กสาวปรากฏขึ้น ด้านข้างของเขา
“รับไปสิครับ” ทาเคชิยื่นถุงกระดาษสีขาวให้กับลูกตาล จากบนรถ เธอรับมาถือเอาไว้พร้อมยิ้มเขินเล็กน้อย ยิ่งเธอมองเห็นสายตาของตะวันยิ่งทำให้เด็กสาวอายม้วนมากกว่าเดิม
“ขอบคุณค่ะ หนูมีทำรายงานกับเพื่อน ไปก่อนนะคะ” ลูกตาลยิ้มเขินเล็กน้อยให้กับทาเคชิ แล้วหันมาส่งยิ้มให้กลับตะวันสองเท้าเล็กรีบเดินเร็วตรงเข้าไปด้านในโรงเรียน โดยมีสายตาสองคู่มองตาม
“เฮีย!!! เอาจริงดิ นี่คนดังโรงเรียนผมเลยนะ!!” ตะวันหันมาถามพี่ชายต่างสายเลือดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ก่อนที่จะได้คำตอบ รถของทาเคชิก็ขับออกไปจากหน้าโรงเรียนเสียแล้ว “เฮีย!!! ที่แบบนี้ละหนีเลยนะ!!” ตะวันตะโกนไล่หลัง เขายกยิ้มมุมปากเมื่อในใจกำลังคิดวางแผนการสนุกๆ ขึ้นมาภายในหัว