บทที่ 6 ไม่ใช่กระต่ายธรรมดาสินะ 1/1
บทที่ 6 ไม่ใช่กระต่ายธรรมดาสินะ
วันเวลาล่วงเลยมาอีกสามวัน หว่านซูฉีก็ยังไม่มีความคืบหน้าของสองแม่ลูกอย่างปี้เจียวและหมี่ลี่ จื่อหานบอกเพียงว่าปี้เจียวส่งจดหมายถึงใครบางคนเท่านั้น ส่วนหว่านหมี่ลี่ใช้ชีวิตปกติ และเธอไม่ได้พบคนแปลกหน้าที่ไหน
จื่อหานยังบอกอีกว่า วันสองวันนี้เขามักจะเห็นคนแปลกหน้าคอยแอบดูหว่านซูฉีอยู่เสมอ แต่กลับมีคนหนึ่งที่เขาเคยเห็นอยู่กับผู้พันหยาง ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากว่านั่นคือคนของหยางซีห่าว
“ท่านผู้พันน่าจะส่งคนมาดูแลความปลอดภัยให้นายหญิง หากเป็นเช่นนั้นจริง ผมคิดว่าท่านผู้พันคงไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องของงานแต่งงาน ไม่แน่ท่านอาจจะทราบแล้วว่าบ้านหว่านต้องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว” จื่อหานคาดคะเนถึงสาเหตุที่ผู้พันหยางส่งคนมาคอยดูนายหญิงของตน
“หากคนพวกนั้นไม่สร้างความเดือดร้อนให้เราก็ปล่อยไปเถอะ ส่วนเรื่องของหมี่ลี่ สามวันที่ผ่านมานี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ฉันว่ามันแปลกเกินไป และวันงานใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างสองแม่ลูกจะถอดใจ”
“หรือว่าพวกนั้นติดต่อกันทางจดหมายครับนายหญิง” จื่อหานเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับเขาชะล่าใจเกินไป เลยมองข้ามจุดนี้
หว่านซูฉีครุ่นคิดกับการกระทำที่ผ่านมาในสามวันนี้ของสองแม่ลูก เนื่องจากเธอไม่เห็นทั้งสองคนออกจากบ้าน หรือลางานไปไหนเลย
“ใช่แล้ว ! เมื่อวานเหมือนกับว่าน้องชายของปี้เจียวเดินทางมาหาแล้วพูดอะไรด้วยบางอย่างไม่นานก็กลับไป นายหญิงคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ครับ” จื่อหานเหมือนนึกอะไรได้เลยพูดออกมาด้วยความตกใจ
“มีความเป็นไปได้มากเลยละ แต่ด้วยนิสัยของน้องชายปี้เจียว ชายผู้นั้นค่อนข้างขี้ขลาด และไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงให้ตนเองเดือดร้อน นอกเสียจากว่าผลตอบแทนและเงินค่าจ้างที่ปี้เจียวเสนอให้มันมากพอ ที่ทำให้น้องชายละทิ้งความหวาดกลัว”
หว่านซูฉีคาดเดาถึงการมาเยือนของฟานเต๋อ น้องชายปี้เจียว และคงมีทางเดียวคือ ปี้เจียวให้ฟานเต๋อออกหน้าให้ ซึ่งทางนี้มีความเป็นไปได้ที่สุดแล้ว
“ผมจะส่งคนตามประกบชายคนนั้นเองครับ” จื่อหานรู้สึกผิดไม่น้อยที่เขามองข้ามจุดเล็ก ๆ ไป
“เอาตามนี้ก็แล้วกัน แต่ต้องระวังหน่อย ในเมื่อคนของผู้พันหยางยังป้วนเปี้ยนอยู่ในหมู่บ้านนี้ ถ้าคนพวกนั้นคิดร้ายและวางแผนจะกำจัดฉันจริง ๆ หากไม่เข้าตาจนและฉันไม่ส่งสัญญาณออกมา พี่และคนของพี่อย่าเพิ่งเข้ามาช่วย คอยดูห่าง ๆ ก็พอ ในเมื่อผู้พันหยางเป็นคนฉลาด ลูกน้องของเขาย่อมต้องไม่ต่างกัน"
“แล้วนายหญิงจะไหวหรือครับ”
“ให้เขาเห็นว่าฉันไม่ใช่คนขี้ขลาดและอ่อนแอ ยังดีกว่าเปิดเผยว่าฉันคือนายหญิงซูนะพี่จื่อหาน”
หว่านซูฉีกล่าวออกมาอย่างมีเหตุผล หากเข้าตาจนแล้วเธอเลือกที่จะให้คนของผู้พันหยางเห็นว่าเธอไม่ใช่คนอ่อนแอ ดีกว่าให้เขารู้ว่าเธอคือนายหญิงซูที่มีลูกน้องคอยคุ้มครองมากมาย
“ครับนายหญิง” ต่อให้ไม่เห็นด้วยแค่ไหน แต่ทว่าจื่อหานเลือกที่จะตอบรับในสิ่งที่เจ้านายสั่ง
เมื่อไม่มีอะไรแล้ว หว่านซูฉีจึงเดินออกมาจากบ้านของจื่อหาน และขึ้นเขาเพื่อไปเก็บผักอย่างเช่นทุกวัน
ในขณะที่กำลังเก็บผักป่าอยู่นั้น หว่านหมี่ลี่ก็เดินเข้ามาคุยด้วย
“ซูฉี…อีกหน่อยเธอก็จะแต่งงานแล้ว เรามาพูดดี ๆ กันบ้างเถอะ” หว่านหมี่ลี่เอ่ยขึ้น พร้อมกับปั้นหน้ายิ้มแย้มส่งให้ หว่านซูฉีคิดว่าต่อให้มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าปลอม
“พะ…พี่หมี่ลี่มีอะไรหรือคะ” แต่ทว่าหว่านซูฉียังคงทำทีท่าหวาดกลัวเหมือนเดิม นี่จึงทำให้อีกฝ่ายพยักหน้าพอใจ
“เธอจะกลัวฉันทำไม เราสองคนเป็นพี่น้องกัน วันนี้ฉันตั้งใจจะชวนเธอไปเลือกซื้อชุด น้องสาวจากบ้านรองแต่งงานทั้งที ฉันยังไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่เลย แล้วนี่พบเจอกับว่าที่เจ้าบ่าวหรือยัง”
‘ในที่สุดเธอก็จะล่อให้ฉันออกจากบ้านสินะ หมี่ลี่’
หว่านซูฉีคิดในใจ แต่ยังคงทำทีท่าหวาดกลัวและตอบด้วยเสียงที่ตะกุกตะกักเหมือนเดิม
“ฉะ…ฉันยังไม่เคยเจอหน้าผู้ชายคนนั้นเลย ตะ…แต่พี่จะไปซื้อของพี่ก็ไปเถอะ ฉันไปไม่ได้ ย่าให้เก็บผัก เดี๋ยวโดนตีอีก”
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ ฉันขออนุญาตย่ากับแม่แล้ว เรารีบไปกันดีกว่า จะได้รีบกลับ” หว่านหมี่ลี่บอก ก่อนจะฉุดดึงให้หว่านซูฉียืนขึ้นและทิ้งตะกร้าไว้ตรงนี้ก่อน
