บทที่ 6 ไม่ใช่กระต่ายธรรมดาสินะ 1/2
เมื่อถูกฉุดกระชาก หว่านซูฉีจึงทำทีเป็นเซถลาและขัดขืนเล็กน้อย
“จะเดินไปดี ๆ หรือไม่” หว่านหมี่ลี่เริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีขัดขืน จนพูดเสียงแทบจะตะคอกแล้ว พร้อมกับง้างมือขึ้นจะตี
จนหว่านซูฉีต้องพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ปะ…ไปแล้วค่ะ ซูฉีไปแล้ว”
หว่านหมี่ลี่ยิ้มด้วยความพอใจเมื่อแผนการที่วางไว้เริ่มเห็นผล
ในระหว่างที่ทั้งสองเดินออกจากหมู่บ้าน คนของผู้พันหยางเห็นเข้าจึงรีบให้สหายไปแจ้งเจ้านาย ส่วนตนเองนั้นเดินตามโดยทิ้งระยะห่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว
ทางจื่อหานก็เช่นกัน เขามองดูการกระทำของหว่านหลี่หมี่อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหญิงสาวทั้งบังคับและขู่เข็ญเจ้านายเขาให้ไปด้วย จึงรีบสะกดรอยตามเช่นกัน
“ระ…เราไม่ขึ้นเกวียนไปหรือคะพี่หมี่ลี่” หว่านซูฉีทำทีเหนื่อยเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว
“จะขึ้นให้เสียเงินทำไม อีกนิดหนึ่งก็ถึงแล้ว”
‘นิดหนึ่งตรงไหน ต้องเดินเท้าเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงในเมือง’ หว่านซูฉีกลอกตาเล็กน้อยพร้อมกับบ่นในใจ เรื่องเดินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ เพียงแค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะเล่นงานเธอด้วยวิธีไหนมากกว่า
ทั้งสองเร่งความเร็วในการเดินเล็กน้อย เพียงสี่สิบห้านาทีก็เข้าเมืองแล้ว
หว่านหมี่ลี่ไม่ได้พาหว่านซูฉีไปไหน เธอพาเดินลัดเลาะเข้าซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งในซอยนี้เปลี่ยวพอสมควร
แม้จะมีทีท่าหวาดกลัว แต่สายตาของหว่านซูฉีกลับเด็ดเดี่ยวและเย็นชา หากใครได้สบตาหญิงสาวเวลานี้ คงเย็นไปถึงขั้วหัวใจ และคงรู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
“ว้าย ! นี่พวกแกเป็นใครกัน” ในขณะที่ทั้งสองเดินมาเกือบถึงท้ายซอย ก็พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณหกคนมาล้อมทั้งสองคนไว้
ซึ่งหว่านหมี่ลี่ทำทีคล้ายกับตกใจและหวาดกลัวมาก จึงได้วิ่งหนีออกมาแล้วแกล้งลืมหว่านซูฉีไว้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหนีไปแล้ว หว่านซูฉีจึงกระตุกยิ้มเล็กน้อยและมองไปทางที่ญาติผู้พี่วิ่งหนีไป
“พี่ชาย แค่ล้อมจับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว ถึงขนาดต้องพาคนมามากขนาดนี้เลยหรือ ว่าแต่คำสั่งที่ได้รับมาคืออะไร ช่วยบอกให้ฉันรู้ก่อนตายได้หรือไม่”
หว่านซูฉีเอ่ยถาม พร้อมกับยืดหลังตรงและเงยหน้าสบตากับกลุ่มชายฉกรรจ์ โดยไม่มีทีท่าหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่กลุ่มคนร้ายเท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่คนของผู้พันหยางก็ยังแปลกใจกับท่าทีที่แปลกไปของว่าที่คุณนาย
อีกทั้งเวลานี้เมื่อเห็นอันตรายตรงหน้าหว่านซูฉีว่าที่คุณนายท่านผู้พัน จึงเตรียมจะพุ่งเข้าไปช่วย หากเกิดอะไรขึ้นกับว่าที่คุณนายขึ้นมา เขาคงรับผิดชอบไม่ไหวและไม่กล้าสู้หน้าท่านผู้พันอีกแน่นอน
ในขณะที่กำลังจะเข้าไปช่วย กลับมีมือของใครบางคนรั้งไว้ พอหันมาเห็นว่าเป็นใครเขาเลยยิ้มออกมาอย่างดีใจเอ่ยเรียกทันที “ท่านผู้พัน !!”
“ยังไม่ต้องไป รอดูสถานการณ์ก่อน ฉันอยากรู้เจ้าสาวของฉันจะเป็นกระต่ายขี้กลัวหรือกระต่ายป่ากันแน่”
หยางซีห่าวเอ่ยพร้อมกับมีรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย ด้วยความสามารถของเขา ชายทั้งห้าคนไม่เกินกำลังที่เขาจะจัดการได้ แต่ท่าทางที่แปลกไปของหว่านซูฉี กลับทำให้ชายหนุ่มอยากรู้ว่าหญิงสาวที่มักแสดงความอ่อนแอและหวาดกลัวให้ทุกคนเห็นนั้น แท้จริงตัวตนนั้นจะเป็นอย่างไร ชีวิตหลังแต่งงานคงไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้วสินะ
ด้านของซูฉีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ ชายกักขฬะกลุ่มนี้ เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของเธอก็เกิดความเสียดายขึ้นมา “พี่ ก่อนจะส่งขายทำไมพวกเราไม่ลิ้มลองรสชาติสินค้ากันก่อนเล่า อย่างไรเสียราคาคงไม่ตกมาก ฮ่า ๆๆ”
“ไม่ได้ สินค้าชิ้นนี้ยังบริสุทธิ์ ราคาที่ได้ย่อมสูงแน่นอน หากพวกแกต้องการค่อยไปหาซื้อเอา อย่าทำให้สินค้าชิ้นนี้มีตำหนิ”
เขาตกลงซื้อขายกับลูกค้าในราคาหนึ่งพันหยวน แต่เขาซื้อเธอมาเพียงสามร้อยหยวนเท่านั้น กำไรส่วนต่างทำให้เขาและลูกน้องใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำงานได้อีกหลายเดือน
ดังนั้นสินค้าชิ้นนี้ต้องไม่มีตำหนิ !!
“ที่แท้พวกพี่ชายต้องการจับฉันไปขายสินะ” หว่านซูฉีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจถึงจุดประสงค์ของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้หันกลับมาสนใจเธออีกครั้ง
ท่าทางที่เย็นชาและรังสีความกดดันที่แผ่ออกมาจากหว่านซูฉี ทำให้ชายกลุ่มนี้รู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง ไม่คิดว่าหญิงสาวหน้าตาสวยหวานจะทำให้พวกเขารู้สึกกลัวขนาดนี้
