บทที่ 3 ต้องการแย่งชิงวาสนา 1/1
บทที่ 3 ต้องการแย่งชิงวาสนา
“ไปเก็บผักแค่นี้ใช้เวลาตั้งครึ่งค่อนวัน พอแต่งงานเข้าตระกูลหยางไปแล้ว หวังว่าแกจะไม่ทำให้บ้านหว่านขายขี้หน้าไปทั้งบ้านหรอกนะ”
ย่าหว่านพูดด้วยอารมณ์โมโห หญิงชราผู้นี้ยังขุ่นเคืองไม่หาย ตอนแรกไม่รู้ว่าใครต้องการมาสู่ขอหลานสาวไร้ประโยชน์คนนี้ แต่พอรู้ว่าเป็นถึงตระกูลท่านนายพลเลยขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นหว่านหมี่ลี่หลานสาวคนโปรด แต่ทว่าฝ่ายของท่านนายพลหยางไม่ยอม
อีกทั้งหลานชายคนโตจากบ้านรองก็ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมให้เปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทำให้หญิงชราผู้นี้ไม่พอใจหลานชายและหลานสาวจากบ้านรองยิ่งกว่าที่เคยเป็น
“ฉะ…ฉันมัวแต่เก็บผักจนลืมดูเวลาค่ะย่า ฉันขอโทษค่ะ”
หว่านซูฉีก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ท่าทางของเธอเวลานี้ไม่ต่างกับลูกกวางที่กำลังเผชิญหน้ากับหมาป่า
“ไป ๆ ไปให้พ้นหน้าฉัน เห็นหน้าแกแล้วช่างเสียสายตานัก อย่าลืมไปให้อาหารไก่ด้วยล่ะ” ย่าหว่านพูดจบก็เดินเข้าบ้านทันที เธอแทบจะไม่สนใจหลานสาวคนนี้อีกเลย
ภายใต้ท่าทางหวาดกลัวและการก้มหน้าก้มตาของหญิงสาว เธอกลับซุกซ่อนสายตาที่ดุดันเอาไว้ เวลานี้หว่านซูฉีรอเพียงถึงวันที่เธอแต่งงานเท่านั้น เพราะทุกคนจะได้หลุดพ้นจากที่นี่เสียที
ความจริงแล้วหว่านซูฉีตั้งใจว่าอีกสักปีจะให้พี่ชายขอทำเรื่องแยกบ้านและพากันเข้าไปอยู่ในเมือง แต่ในเมื่อมีการแต่งงานเข้ามาพอดี จึงถือว่านี่เป็นโอกาสที่เหมาะสมในการพาทุกคนเข้าไปอยู่ในเมือง
เมื่อผู้เป็นย่าเดินจากไปแล้ว หว่านซูฉีจึงเดินไปยังคอกไก่ด้วยท่าทางหวาดกลัว นี่จึงทำให้ชาวบ้านผู้พบเห็นต่างก็ส่ายหน้าอย่างเวทนา ที่บ้านหว่านรักลูกหลานไม่เท่ากัน
ไม่ว่าใครจะมีสายตาแบบไหนส่งมาให้ หว่านซูฉีเลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะเธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้ จะได้ไม่มีใครรู้ว่านายหญิงซู หญิงปริศนาผู้ร่ำรวยและมีอิทธิพลจนใครหลายคนควานหาตัว คือหว่านซูฉี หญิงสาวอ่อนแอผู้นี้
“ย่าคะ ทำไมให้ซูฉีแต่งงานกับท่านผู้พันล่ะ เป็นฉันไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวหน้าตาสวยนามว่าหว่านหมี่ลี่ เอ่ยขึ้นมาอย่างกระเง้ากระงอดกับผู้เป็นย่า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ได้เป็นคุณนายของท่านผู้พันถึงไม่ใช่ตนเองแต่กลับเป็นหว่านซูฉีเสียได้
ย่าหว่านเหลือบสายตามองหลานสาวเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทางไม่พอใจเช่นกัน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็อดที่จะขุ่นเคืองใจไม่ได้ “คิดหรือว่าฉันอยากให้นางเด็กไร้ประโยชน์นั่นไปเป็นคุณนายท่านผู้พัน วันนั้นก็น่าจะเห็นแล้วท่านนายพลปฏิเสธเสียงแข็งที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แบบนี้แล้วแกจะให้ฉันทำอย่างไร ลองตอบฉันมาซิ”
หญิงชรากล่าวออกมาอย่างฉุนเฉียว ไม่ใช่เธอไม่คิดแต่เธอพูดกับท่านนายพลแล้วในวันที่มาสู่ขอ เพียงแต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมและเจ้าหลานชายตัวดีจากบ้านรองดันไม่สนับสนุนการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว การสู่ขอในครั้งนั้นจึงเป็นการสู่ขอขอนางเด็กซูฉีไปเป็นภรรยาให้ท่านผู้พัน
เรื่องนี้ทำให้ย่าหว่านแค้นใจจนแทบกระอักเลือด ไม่คิดไม่ฝันว่าหลานชังจะได้ดีกว่าหลานรัก
“วันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก”
ย่าหว่านกล่าวขึ้นมาคล้ายกับทำใจได้แล้ว วาสนาในครั้งนี้คงไม่พ้นเป็นของหว่านซูฉีหลานสาวจากบ้านรอง แต่ไม่ว่าเจ้าสาวในครั้งนี้จะเป็นใคร อย่างน้อยก็ทำให้บ้านหว่านมีหน้ามีตาขึ้นจากเดิม เนื่องจากบ้านหว่านได้เกี่ยวดองกับตระกูลของท่านนายพลหยาง
“แล้วย่าไม่อยากได้สินสอดทั้งหมดหรืออย่างไร ถ้าหากเป็นฉันที่ได้แต่งงาน ฉันไม่ยึดสินสอดพวกนั้นไว้เป็นของตัวเองแน่ แม้ว่าพี่ใหญ่จะแต่งงานแล้วและทำงานในต่างเมือง แต่ย่าไม่คิดบ้างหรือว่าวันหนึ่งพี่ใหญ่จะมีหลานชายอวบอ้วนให้บ้านหว่านของเรา ย่าอย่าลืมสิคะว่าบ้านของพี่สะใภ้มีฐานะแค่ไหน
อีกทั้งวันนั้นท่านนายพลบอกแล้วนี่ว่าอสังหาฯ และที่ดินจะมอบให้ในวันแต่งงาน และกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของซูฉีทั้งหมด ถ้าเช่นนั้นบ้านหว่านจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากได้เกี่ยวดองกับตระกูลของท่านนายพล ย่าคิดว่าคุ้มหรือไม่ล่ะคะ” หว่านหมี่ลี่พยายามโน้มน้าวผู้เป็นย่าให้เปลี่ยนใจ เพื่อขอเปลี่ยนเจ้าสาวเป็นเธออีกครั้ง
