บทที่ 2 หว่านซูฉีผู้อ่อนแอ 1/2
หว่านซูฉีเดินเลียบข้างทาง เธอไม่คิดจะขึ้นเกวียนในเวลานี้ เนื่องจากต้องการให้มีเหงื่อโซมกายเพราะจะได้นำมาเป็นข้ออ้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นที่สงสัยของครอบครัวได้ เวลานี้ทุกคนรู้ว่าเธอต้องขึ้นไปเก็บผักป่าเพื่อนำมาให้วัวของคอมมูนกิน หากไม่มีเหงื่อโซมกายเลยคงไม่ดีแน่
ทว่าเรื่องผักป่าหว่านซูฉีไม่กังวล ในเมื่อเธอมีมิติและก่อนหน้านี้ก็เก็บไว้เยอะแล้ว ในขณะเดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน เธอรู้สึกว่ามีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายจึงปล่อยไป และแสร้งทำตัวเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอเช่นเดิม
แค่ก ๆๆ เสียงไอของหว่านซูฉีดังขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวร่างบอบบางอยู่แล้วการไอของเธอจึงดูน่าสงสารไม่น้อย เธอหยุดเดินและใช้ฝ่ามือทุบอกตนเองเบา ๆ ก่อนจะปาดเหงื่อเล็กน้อย เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงค่อยเดินต่อ โดยด้านหลังยังคงสะพายตะกร้าไว้เพื่อพรางสายตาของคนที่จ้องจับผิด
สายตาคมเข้มของชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งกำลังมองหว่านซูฉีโดยไม่ละสายตา แม้หญิงสาวตรงหน้าที่เดินผ่านไปจะดูอ่อนแอและน่าทะนุถนอม จนผู้คนที่พบเห็นอดสงสารไม่ได้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่
“นี่คือหว่านซูฉี?” เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิท ด้วยความแปลกใจ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหญิงสาวที่เขาต้องแต่งงานด้วยจะดูอ่อนแอเช่นนี้
ใช่แล้ว ! ชายคนนี้ก็คือ หยางซีห่าว คนที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับน้องสาวของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และเจ้าสาวคนนั้นก็คือ หว่านซูฉี !!
“ครับ ท่านผู้พันเพิ่งกลับมาเลยยังไม่ได้เจอหน้าของว่าที่คุณนายในวันที่ท่านนายพลมาสู่ขอ เธอคนนี้ละครับคือหญิงสาวที่ท่านผู้พันต้องแต่งงานด้วย”
“แล้วคุณพ่อว่าอย่างไรบ้าง” หยางซีห่าวไม่ได้กังวลเลยว่าพ่อจะทำกิริยาไม่ดีต่อบ้านผู้มีพระคุณของลูกชายคนนี้ขณะที่เดินทางมาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายและการแต่งงาน แต่ชายหนุ่มกลับกังวลภรรยาของพ่อต่างหากล่ะ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องนี้น่ะสิ
“วันนั้นท่านนายพลยิ้มแย้มและอัธยาศัยดีครับ มีเพียงคุณนายเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยพอใจกับการหมั้นหมายและการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ของท่านผู้พัน”
แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านผู้พันถึงยอมแต่งงานกับหญิงสาวที่ดูอ่อนแอปวกเปียกเช่นนี้ ด้วยฐานะบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านนายพลหยาง น่าจะหาคู่ครองที่เหมาะสมได้ไม่ยาก ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดออกไปเพราะกลัวจะโดนเจ้านายเตะเข้าให้
“ผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกยังไงฉันไม่สนใจ เพราะเธอไม่ได้มีค่ามากพอที่ฉันต้องทำตามความประสงค์หรือความต้องการของเธอ แต่เวลานี้ฉันสนใจว่าที่ภรรยามากกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับคนสนิท และกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงว่าที่ภรรยา
หยางซีห่าวมองแผ่นหลังบอบบางของหว่านซูฉีจนลับสายตา จากนั้นจึงหมุนตัวกลับไปตามทางเดิม ในใจคิดว่าเขาคงต้องหาเวลามาทำความรู้จักกับว่าที่ภรรยาคนนี้สักหน่อยแล้ว
ทางด้านหว่านซูฉี ทันทีที่เดินเข้ามาในหมู่บ้านเธอยังคงมีท่าทางเช่นเดิม นั่นคือการแสร้งเป็นคนอ่อนแอ เมื่อชาวบ้านเอ่ยทักทาย เธอก็ทำเพียงยิ้มรับและตอบกลับอย่างอ่อนน้อม ท่าทางเช่นนี้ดูเหมือนคนว่าง่ายและอ่อนแอ อีกทั้งยังดูเป็นคนขี้ขลาดไม่น้อย แต่นี่เป็นสิ่งที่หว่านซูฉีต้องการ เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้ใครเห็นถึงตัวตนที่เธอซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนแอ
ไม่นานหว่านซูฉีก็เดินกลับมาถึงบ้าน ยังไม่ทันเข้ามาในบ้านดี ก็ได้ยินเสียงด่าของผู้เป็นย่าเสียแล้ว
