บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 รูปถ่าย

หลิวซานกลั้นหายใจลุ้นจนเหงื่อที่หน้าผากหยดลงมา หลิวชิงเฟยเห็นหลานชายตื่นเต้นเสียขนาดนั้น อยู่ ๆ เธอก็นึกอยากจะแกล้งเขาขึ้นมา

"แฮ่!!!..." เธอทำท่าเปิดกล่องและร้องแฮ่ ๆ เสียงดัง หลิวซานพลันสะดุ้งจนตัวโยน

"โอ๊ย!!!...น้าครับผมตกใจนะ"

"ฮ่า ๆ ๆ โอ๋ ๆ ไม่แกล้งละ ๆ เปิดแล้วจ้า"

ฝากล่องถูกเปิดออกมา ข้างในนั้นเป็นเหมือนไดอารี่เล่มหนึ่ง เธอเปิดหน้าแรกขึ้นมา ก็เป็นการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของพี่สาวเธอ ในไดอารี่บอกไว้ว่า

'วันนี้ได้รับจดหมายจากทางบ้าน แต่ชิงเฟยเขียนมาบอกว่า พ่อกับแม่ขายที่นาหมดแล้ว ตอนนี้ที่บ้านยากจนมาก ฉันคงไม่อาจดื้อด้านเรียนหนังสือได้อีกต่อไป แต่ฉันอยากเรียนให้จบ ถ้าสอบเป็นครูได้พ่อกับแม่ก็จะได้มีหน้ามีตา พวกคนในหมู่บ้านจะได้อิจฉาเรา'

'วันนี้ฉันไปหางานทำ มีงานแจกใบปลิวได้เงินวันละสองหยวนเอง ถ้าทำทุกวันเดือนหนึ่งก็ได้ถึงหกสิบหยวนเองถึงจะน้อยแต่ก็พอแก้ขัด เสียก็แต่งานไม่มีทุกวันน่ะสิ'

หลิวชิงเฟยปิดสมุดเล่มเล็กลง อยากจะกระชากหัวร่างเดิม ทำไมถึงเป็นคนโง่เง่าได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเขียนจดหมายไปบอกจิ้งเฟย ผู้หญิงคนนั้นคงตั้งใจเรียน จบออกมาเป็นครูไปแล้ว

"เอ๋!!!...น้าครับมีรูปผู้ชายด้วยครับ เขาเป็นใครเหรอ" หลิวซานหยิบรูปที่อยู่ในกล่องขึ้นมา เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา ดูแล้วน่าจะเป็นไนต์คลับสักแห่งหนึ่งของเซียงไฮ้ เธอขมวดคิ้วและจ้องมอง รู้สึกว่าใบหน้าผู้ชายคนนี้คุ้น ๆ อยู่บ้าง เธอดันรูปออกไปก็เจอเข้ากับใบหน้าหลานชายที่จ้องมองเหมือนรอคำตอบ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตาขึ้น หรือว่านี่จะเป็นพ่อของเสี่ยวซาน ผู้ชายที่พี่สาวเธอสั่งให้ไปหา

ใช่แล้ว!!!...ก่อนตายพี่จิ้งเฟยย้ำนักย้ำหนา ว่าให้เธอพาหลิวซานไปหาพ่อเขาที่เซียงไฮ้ คงเพราะพี่สาวไม่ไว้ใจให้เธอดูแลหลานกระมัง เฮ้อ...แต่ให้ตายเถอะพี่จิ้งเฟยบอกแค่ว่าให้ไปหาเติ้งเทียนอวี้ที่ 'ฉางเจิ้นไนต์คลับ'แล้วมันตั้งหกปีมาแล้ว ไนต์คลับนี่จะยังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วเติ้งเทียนอวี้ผู้นี้โด่งดังมากเลยหรือ แต่เดี๋ยวนะ...เติ้งเทียนอวี้พระเอกของเรื่อง พระเอกที่ฆ่าหลิวชิงเฟยตายตั้งแต่วันแรกที่ตัวละครนี้พาลูกชายเข้าไปหา ไม่ละ!!!...อย่างไรเธอก็จะไม่ยอมไปหานายเติ้งนี่เด็ดขาด เธอไม่อยากตายนี่

"น้าก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จะเป็นใครก็ช่างเถอะเรามาดูกันต่อว่ามีอะไรบ้าง" สองน้าหลานก้มหน้าค้นหาของในกล่องต่อไป ข้างในนั้นมีเงินห้าร้อยหยวน และมีข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ จำพวกสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน น้ำหอม ดูท่าทางคงจะเป็นผู้ชายของหลิวจิ้งเฟยซื้อให้กระมัง

"น้าครับมีรูปอีกแล้ว" หลิวซานเบิกตาขึ้นมองผู้หญิงในรูปที่ดูคุ้นเคย ทว่าก็แปลกตาอยู่เหมือนกัน เด็กชายมองนิ่งจนหลิวชิงเฟยต้องแย่งรูปมาดู และเมื่อเห็นเธอก็อดจะมองหลานชายไม่ได้

ในรูปเป็นหลิวจิ้งเฟยที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงเลื่อมทองเปิดหน้าอกจนเห็นเนินนม ช่วงกระโปรงก็แหวกจนเห็นต้นขอบกางเกงชั้นใน เธอนั่งอิงแอบกับเติ้งเทียนอวี้มือกอดเขาเอาไว้และเขาโอบกอดหญิงสาวในรูปอีกมือก็จับหน้าอก คงไม่ใช่จับหรอกแต่เหมือนจะเป็นมุมกล้องมากกว่าดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคู่รัก เหมือนคู่ขามากกว่า หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง ไม่อยากให้หลานชายมารับรู้ในสิ่งที่แม่ตนเองทำลงไป หากไม่ใช่เพราะความจน หากไม่ใช่เพราะร่างเดิมนิสัยเห็นแก่ตัว มีหรือที่คนดี ๆ อย่างหลิวจิ้งเฟยจะเลือกเดินทางนี้ จะโทษก็ต้องโทษหลิวชิงเฟยนังตัวอิจฉาที่ร้ายกาจนั่น และสาเหตุที่นังชิงเฟยคนเก่าตาย ก็เพราะว่ากินมากเธอแอบเอาของกินไปกินคนเดียวในห้อง เศษอาหารติดคอดิ้นทุรนทุรายจนล้มหัวฟาดพื้นไม่มีใครรู้ จนกระทั่งวิญญาณเธอเข้ามาสวมรอยอยู่ในร่างนี้แทน

"อ๋อ!...รูปนี้เหรอคงจะเป็นที่มหาลัยให้ทำกิจกรรมมั้ง มา ๆ น้าเก็บเอาไว้ให้"

"ครับ...น้าครับในสมุดนั่นแม่เขียนอะไรไว้เหรอครับ อ่านให้ผมฟังได้ไหม"

"เอาไว้ให้เสี่ยวซานอ่านเองดีกว่า ไม่ต้องห่วงน้าจะสอนเราเขียนและอ่านดีไหม"

"ดีครับ...ผมอยากเรียนหนังสือ" เด็กก็คือเด็กต่อให้เขาจะโตกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งที่น่าสนใจ เขาก็ลืมเรื่องรูปถ่ายไปเสียแล้ว หลิวชิงเฟยยกมือขยี้ผมหลานชายด้วยความเอ็นดู

"จริงสิน้าตัดผมให้เสี่ยวซานดีกว่า ผมยาวแล้วไหนดูเล็บสิ โอ้...เล็บก็ยาวมากมีเศษดินเต็มไปหมด ไปเลย ๆ ไปนั่งรอใต้ต้นพุทราเลย เดี๋ยวน้าหยิบกรรไกรแล้วจะตามไป"

เธอดันแผ่นหลังหลานชายให้เดินออกไป แต่เมื่อเห็นท่าเดินแล้วคงต้องสอนบุคลิกให้เสียใหม่ จะมาเดินห่อไหล่หลังงอได้อย่างไรกัน ยังเด็กยังเล็กเดินเหมือนคนแก่ไปได้ หลิวซานเดินออกไปนั่งรอที่หน้าบ้านไม่นาน น้าของเขาก็เดินตามออกมา เธอเอาผ้ามาคลุมตัวเขาไว้ และเอาน้ำพรมไปบนหัวเขา ไม่รู้ว่าน้าชิงเฟยตัดผมเป็นหรือไม่ แต่หากน้าอยากทำ เขาก็ยินดีให้เธอทำ อีกอย่างจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปจ้างลุงกู่ในตลาดให้สิ้นเปลือง

"เสี่ยวซานจะเอาหูไว้หรือเปล่าจ๊ะ" หลิวซานเบิกตาขึ้นขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกว่ามือน้าชิงเฟยที่จับใบหูเขาช่างเย็นเหลือเกิน

"นะ...น้าครับ...ผมอยากมีหู"

"ฮ่า ๆ ๆ น้าล้อเล่น ผ่อนคลายหน่อยสุดหล่อ" เห็นหลานชายนั่งตัวเกร็งก็อดจะหยอกล้อไม่ได้ แต่เหมือนยิ่งหยอกเสี่ยวซานก็ยิ่งเกร็งหนักว่าเดิม เฮ้อ...หรือว่าไม่ควรหยอกเด็กเช่นนั้นนะ

หลิวชิงเฟยเริ่มตัดผมยาว ๆ ของหลานชายออกไป ต้องขอบคุณอาชีพนักแสดงที่ทำให้เธอได้ลงเรียนหลายสิ่งหลายอย่าง ยิ่งเธอรับบทบาทไหนเธอก็จะไปลงคอร์สเรียนสั้น ๆ ให้เข้าใจในบริบทนั้นอย่างแท้จริง เรื่องตัดผมก็เหมือนกัน เธอแสดงเป็นเจ้าของร้านตัดผม จึงได้เรียนรู้วิชาชีพนี้ และหลังจากละครจบเธอก็ลงทุนเปิดร้านตัดผมครบวงจรจริง ๆ และก็ขายดีมากด้วย แต่พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะอย่างไรก็กลับไปไม่ได้แล้ว

"เอ้าเสร็จแล้ว ส่องกระจกดูหน่อยหล่อหรือยัง" หลิวซานรับกระจกเงาอันเล็กมาส่องดูเส้นผมของตนเอง เด็กชายเบิกตาพลางอ้าปากค้าง น้าชิงเฟยตัดผมเป็นด้วยหรือนี่ ทั้งยังตัดดีกว่าลุงกู่เสียอีก ตอนที่หวีผมก็ไม่เจ็บเลยสักนิด

"น้าเก่งจังเลยครับ ทำอาหารก็อร่อย ตัดผมก็หล่อ เมื่อก่อนผมไม่เคยเห็นน้าทำเลย เรามาเปิดร้านตัดผมกันดีไหมครับ"

"อืม...เป็นความคิดที่ดี แต่จะมีคนกล้ามาตัดกับน้าหรือเปล่าล่ะ" เด็กชายนั่งคอตก นั่นน่ะสิใครจะกล้ามาตัดผมกับน้าชิงเฟย ต่อให้เธอจะเปลี่ยนไป แต่คนอื่นไม่รู้เหมือนเขานี่ คนอื่นก็ยังคงคิดว่าน้าชิงเฟยนิสัยไม่ดีเหมือนเดิม แต่เขาชอบที่น้าเป็นแบบนี้ น้าชอบหยอกให้เขาหัวเราะ เวลาเห็นเขานั่งซึมน้าก็จะรีบวิ่งมาจี้เอว และพาเขาทำโน่นทำนี่ไม่หยุด เวลาที่อยู่กับน้าทำให้เขาลืมเรื่องแม่ไปได้บ้างเหมือนกัน

หลังจากตัดผมตัดเล็บเสร็จ หลิวชิงเฟยก็เข้าครัวทำอาหารกินกันง่าย ๆ สองคนกับหลาน ครั้นเมื่อถึงเวลากลางคืน เธอก็นั่งมองเงินและรูปภาพที่อยู่ในมือ เงินห้าร้อยหยวนนั่นไม่รู้ทำไมพี่สาวเธอไม่ใช้ แต่ถ้าให้เธอเดาก็ตามพล็อตนิยายน้ำเน่าทั่ว ๆ ไป เงินนั่นคงเป็นเงินที่ผู้ชายคนนั้นใช้ฟาดหัวพี่สาวเธอกระมัง ในเมื่อเก็บมาจนถึงวันนี้ ก็ส่งต่อให้เสี่ยวซานก็แล้วกัน เธอเก็บของทุกอย่างใส่กล่องยัดไว้ในตู้เสื้อผ้า รอนานแล้วก็ไม่เห็นเด็กน้อยเดินเข้ามาเสียที จึงลุกออกไปตาม

"เสี่ยวซานมานอนอะไรตรงนี้ ไปนอนในห้องกับน้าเร็วเข้า"

"แต่น้าเคยบอกไม่ให้ใครเข้าไปในห้อง" หลายวันที่ผ่านมาเขาก็นอนที่เดิม ที่นอนที่เขากับแม่นอน แต่ไม่รู้ทำไมยามที่ตื่นมา กลับตื่นมาบนเตียงของน้าทุกที

"น้าเหงาไม่อยากนอนคนเดียว เสี่ยวซานนอนเป็นเพื่อนน้าได้ไหมจ๊ะ" เธอแสดงสีหน้าหม่นลง นักแสดงมืออาชีพมีหรือจะตีบทไม่แตก ยิ่งน้ำตาที่คลอไปทั้งหน่วยตา หลิวซานก็รีบกุมมือของน้าเอาไว้

"น้ากลัวเหรอครับ"

"ใช่จ้ะกลัวมาก" เธอกัดปากพลางพยักหน้า เหลือบมองไปรอบด้านอย่างขลาดกลัว หลานชายตัวน้อยรีบลุกขึ้นโผเข้ากอด ยกมือเล็ก ๆ ไปลูบที่แผ่นหลังคนเป็นน้า

"ได้ ๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะนอนกับน้าเอง ไม่ต้องกลัวนะผมอยู่นี่แล้ว ผมจะรีบโตแล้วปกป้องน้าเอง" หลิวชิงเฟยยิ้มพร้อมกับพยักหน้า หันไปหยิบผ้าห่มของหลานและจูงมือกันเข้าไปนอนในห้อง แต่ก่อนที่หลานชายจะโต ก็ให้น้าปกป้องเธอก่อนก็แล้วกันนะ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel