บท
ตั้งค่า

เดินทางออกจากเมืองหลวง

เหยาเหยาเมื่อมาอยู่ข้างกายบิดากับพี่ชาย นางก็ไม่เอ่ยเรื่องที่ฝูเหิงพูดกับนางให้พวกเขาฟัง

แต่เมื่อขึ้นรถม้ากลับจวนนางก็พูดกับบิดาเรื่องที่นางกังวลทันที

“ท่านพ่อ ลูกขอปากมากสักคำ อยู่ใกล้ชิดกษัตริย์ เหมือนอยู่ข้างๆ เสือ ในเมื่อตอนนี้ฮ่องเต้ ทรงมีความคิดอ่านเป็นของตนเองแล้ว ท่านพ่อท่านถอยออกมาเสียตอนนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ”

โยวลู่เมื่อฟังคำพูดของบุตรีมีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจ ในตอนนี้เป็นอย่างที่นางพูดจริงๆ เมื่อเขาได้รับความโปรดปรานมากเพียงใดก็รั้งแต่จะเป็นภัยมาถึงตัว

เรื่องที่มาจวนตระกูลเซี่ยในวันนี้ เขาจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวได้อย่างไร ฝูเหิงยังเป็นเด็กน้อยที่มองไม่ทะลุปรุโปร่ง เขาย่อมหุนหันพลันแล่น พูดไม่คิดออกมา

เหยาเหยานางสนิทสนมกับเขามาตั้งแต่เด็กย่อมจะกังวลใจในสิ่งที่ได้ยิน

“เหยาเหยาไม่ต้องห่วง เรื่องนี้พ่อก็คิดเช่นเจ้า” โยวลู่ตบลงที่มือขาวเรียวของบุตรีเบาๆ เขามักจะรับฟังในสิ่งที่บุตรีพูด เพราะว่านางมีสายตาที่กว้างไกล

หลังจากฝั่งร่างของมารดาลงหลุมในสุสานบรรพชน สองพี่น้องก็ออกเดินทางขึ้นเหนือเพื่อเข้าไปอยู่ในค่ายทหาร ฝูเหิงยังมีโทสะเรื่องของมารดาไม่หายจึงไม่คิดที่จะมาบอกลาเหยาเหยา

เหยาเหยานางก็รู้เมื่อเขาออกเดินทางไปได้หลายวันแล้วจากผู้เป็นบิดา

หนึ่งปีต่อมา หวังโยวลู่ก็ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาบอกเรื่องที่ตนอยากกลับไปอยู่บ้านเกิดให้ฮ่องเต้ได้ฟัง เกือบปีที่พระองค์ถึงยอมปล่อยให้เขาได้ลาออก

เหยาเหยานั่งอยู่ในรถม้ากับพี่ชาย นางเปิดผ้าม่านรถม้าขึ้น เพื่อมองเมืองหลวงที่อยู่มาสิบสามปีเป็นครั้งสุดท้าย

นางทิ้งเรื่องทั้งหมดไว้อยู่ด้านหลัง ยังดีที่บิดาชิงพูดเรื่องลาออกเร็วเสียก่อน ไม่เช่นนั้นนางไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

เมื่อฝูเหิงทำตามสิ่งที่เขาพูดจริง นางก็ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใดที่ทำให้ฮ่องเต้เริ่มแคลงใจบิดาของนาง หากไม่มีเรื่องที่บิดาของนางขอลาออกไปอยู่ที่บ้านเดิม ฮ่องเต้คงได้จัดการกับตระกูลหวังของนางเสียแล้ว

โยวลู่พาครอบครัวเดินทางนับสองเดือนกว่าจะมาถึงที่เมืองหานเป่ยทางตอนเหนือ ยังดีที่เรือนของบิดามีผู้ดูแลตลอดจึงไม่ได้ทรุดโทรมมากนัก

บ่าวที่ติดตามมาก็ไม่ได้มากเช่นตอนที่อยู่ที่เมืองหลวง แต่อย่างน้อย เมื่ออยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องจะถูกใส่ร้าย

โยวลู่มาอยู่ หานเป่ยได้เพียงไม่กี่วัน ก็เริ่มมีสำนักศึกษามาทาบทามให้เขาไปสอนตำราแล้ว ถึงเรื่องเงินทองจะไม่ได้ขัดสน แต่เมื่อคนที่เคยทำงานมาตลอดกับอยู่แต่จวนเพียงอย่างเดียวโยวลู่ก็เริ่มเป็นคนเงียบขรึมมากขึ้น

“ท่านพ่อข้าว่าก็ดีนะเจ้าคะ ท่านไปสอนตำราในสำนักศึกษา อย่างน้อยความรู้ที่ท่านมีก็ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้”

“จริงของน้องขอรับ ท่านพ่อ” หนิงเฉิงเห็นด้วยกับน้องสาว

แม้จะมาอยู่ที่นี่เขาจะไม่มีสหายเช่นในเมืองหลวง แต่อย่างน้อยก็ยังมีน้องสาวที่พูดคุยกันได้

เมื่อเห็นว่าลูกเมียมีความคิดเช่นเดียวกัน โยวลู่ก็ยินยอมที่จะรับปากไปสอนในสำนักศึกษาเนี่ยนเจิน

ความงามของอดีตบุตรสาวราชครูถูกลือในเมืองหานเป่ย จนบุรุษทั้งหลายต่างมาลอบมองนางที่จวน เพื่อจะได้ยลโฉมสาวงามสักครั้ง ว่าเป็นเช่นข่าวลือหรือไม่

เหยาเหยานางไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนจึงไม่มีผู้ใดเคยพบหน้านาง เวลาของนางทั้งหมดล้วนหมดไปกับการศึกษาตำราแพทย์ที่นำมาจากเมืองหลวง

หากจะออกจากจวนเมื่อใด นางก็มักจะปกปิดใบหน้าเสมอ จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นนางเมื่ออยู่ข้างนอกจวน

ความสงบสุขของตระกูลหวังในเมืองหานเป่ยอยู่ได้เพียงสองปีเท่านั้น เมื่อสงครามชายแดนเหนือระหว่างแคว้นฉีกับแคว้นเว่ยปะทุขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

เมืองหานป่ยอยู่ห่างจากชายแดนแคว้นฉีเพียงสองร้อยลี้เท่านั้น เมื่อทหารแคว้นเว่ยที่แฝงตัวเข้ามากับกองคาราวานพ่อค้าลอบเข้าปล้นสะดม ทุกคนในเมืองก็ตั้งตัวไม่ทันเสียแล้ว

เสียงกรีดร้องดังไปทั่วเมือง ปลุกให้คนในจวนหวังและจวนอื่นตื่นขึ้น

“คุณหนูแคว้นเว่ยลอบเข้ามาโจมตี นายท่านให้คุณหนูรีบไปที่เรือนหลังเจ้าค่ะ” สาวใช้เข้ามาร้องเรียกเหยาเหยาที่เพิ่งตื่นนอนอย่างตื่นตระหนก

ในตอนแรกนางยังมึนงงไม่หาย แต่เมื่อรู้ว่าสงครามมาถึงแล้วนางก็เด้งตัวขึ้น ลุกไปหยิบห่อผ้าที่อยู่ใต้เตียงเพื่อนำของมีค่าติดตัวไป

เสียงดาบที่กระทบกัน เสียงกรีดร้องดังอยู่หน้าจวน ทั้งเปลวไฟที่ลุกโหมจนสว่างราวตอนกลางวัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในจวนหวังหันมองอย่างตื่นตระหนก

“ไปที่ห้องลับใต้ดิน” โยวลู่ตะโกนร้องสั่งทุกคน เพราะไม่อาจหนีออกจากจวนได้แล้ว ในตอนนี้ต้องเอาตัวรอดไปให้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel