หวังจินเหยา แพทย์สาวข้ามภพ

51.0K · จบแล้ว
l3oonm@
40
บท
28.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เหยาเหยา มองไปรอบๆ ตัวอย่างสับสนมึนงง รอบตัวมืดมิดเกินกว่าจะเห็นสิ่งใดชัดเจนได้ เธอไม่เข้าใจว่าในตอนนี้เธออยู่ที่ใด ก่อนหน้านี้ เธอเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บทางรถยนต์ ระหว่างที่เดินทางกลับที่พัก เธอเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป เวลาทั้งหมดจึงหมดไปกับการผ่าตัดในโรงพยาบาล เหยาเหยา เพียงต้องการช่วยยื้อผู้บาดเจ็บหนักเท่านั้น แต่ไม่คิดว่ารถบรรทุกที่วิ่งมาด้วยความเร็วจะเกิดเสียหลักพุ่งเข้าชนเธอที่กำลังเดินข้ามถนนไปหาผู้บาดเจ็บ ตอนที่เหยาเหยากำลังมึนงงกับเรื่องทั้งหมดอยู่นั้น เธอก็พบแสงสว่างจากช่องทางเล็กๆ จนขยายใหญ่ขึ้น เธอจ้องมองผู้คนตรงหน้าอย่างตกตะลึงรอบตัวของเธอในตอนนี้มีคนสามสี่คนกำลังมองมาที่เธออย่างตื่นตระหนก เหยาเหยาที่ยังไม่รู้ว่าบุคคลตรงหน้าทำไมถึงได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ประหลาดนัก เหมือนเธออยู่ท่ามกลางถ่ายหนังหรือซีรีส์สักเรื่องหนึ่ง ฝ่ามือของสตรีก็ตีลงมาที่ก้นของเธออย่างไม่เบาไม่แรง เหยาเหยามองกลับไปด้วยแววตาที่โกรธจัด เธออยากจะร้องถามว่าตีเธอด้วยเรื่องอะไร แต่เสียงที่เปล่งออกมากลายเป็นว่า เธอพูดได้เพียง อ้อแอ้ เท่านั้น ‘เกิดอะไรขึ้น’ เหยาเหยาเริ่มหวาดกลัวอยู่ในใจ แต่สตรีผู้นั้นก็ยังตีลงมาที่ก้นของเธออีกครั้ง เหยาเหยาทนไม่ไหวจึงร้องออกมาเสียงดัง เธอมองสำรวจใบหน้าของทุกคนไปด้วย ก็พบว่าทุกคนต่างยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นเธอร้องไห้ “อุแว้ อุแว้” ไม่จริง เสียงที่ร้องออกมาทำไมถึงเป็นเพียงแค่เด็กทารก เหยาเหยาเริ่มเสียสติ เธอจึงร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม “คุณหนูน้อยเจ้าค่ะ ฮูหยิน ร้องเก่งยิ่งนัก” เหยาเหยาถูกส่งตัวให้สตรีใบหน้าซีดขาว แต่ยังคงความงามแม้ใบหน้าไร้สีเลือด เธอลูบแก้มของเหยาเหยาอย่างรักใคร่ เหยาเหยาหยุดโวยวายแล้วจ้องมองเธออย่างสนใจ “ดูสิเจ้าค่ะ เพียงฮูหยินอุ้ม คุณหนูก็เงียบทันที ช่างรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะ” “หึหึ บุตรสาวของข้า” เหยาเหยานางไม่อาจฝืนเปลือกตาเพื่อสำรวจรอบตัวได้อีก เธอหลับไปในอ้อมกอดที่อบอุ่นของสตรีงดงามอย่างเป็นสุข

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแม่ทัพนางเอกเก่งข้ามมิติเกิดใหม่จีนโบราณนิยายย้อนยุคอัจฉริยะเลือดร้อน

กำเนิดเต้าหู้น้อย

ในตอนนี้เหยาเหยานางเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว นางมาเกิดใหม่อีกครั้งในยุคโบราณ มีบิดานามว่า หวังโยวลู่ เป็นราชครูของฮ่องเต้น้อย มีมารดาที่เป็นสาวงามล่มเมืองนามว่า มู่เยี่ยน มีพี่ชายอายุห่างจากนางสามปีนามว่า หวังหนิงเฉิง

ในจวนตระกูลหวังบิดาของนางไม่มีอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง เพราะมีมารดาของนางที่งามเป็นหนึ่งอยู่แล้ว เขาจะต้องการผู้ใดอีก

ครอบครัวของนางนับว่าอบอุ่นยิ่งนัก เหยาเหยาถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่มุกในฝ่ามือ พี่ชายของนางก็คอยนั่งเฝ้านอนเฝ้านางอยู่ไม่ห่าง

ยิ่งนางไม่ร้องงอแงเหมือนเด็กทารกคนอื่น ก็ยิ่งทำให้ทุกคนในจวนต่างเอ็นดูนางอย่างยิ่ง เหยาเหยานางจะใช้ดวงตากลมโตของนางมองไปรอบๆ อย่างสนใจ

“ฮูหยินท่านดูคุณหนูสิเจ้าค่ะ เหมือนนางจะฟังสิ่งที่นมพูดรู้เรื่องเลยเจ้าคะ” แม่นมมองนางอย่างรักใคร่

แต่เรื่องที่เหยาเหยาดื้อรั้นที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องดื่มนม เพราะหากไม่ใช่มารดาของนาง นางไม่มีทางนมเต้านมของผู้ใดเข้าปากเป็นอันขาด แม้โยวลู่จะเสาะหาแม่นมมามากเท่าใด นางก็ไม่สนใจอยู่ดี

เรื่องนี้ทำให้มารดาของนางหัวเราะไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ แทนที่นางจะได้พักนอนเต็มอิ่ม กลับต้องมาคอยให้นมบุตรีทุกสองชั่วยามแทน

‘แล้วจะให้นางกินนมของผู้อื่นได้อย่างไร เพียงนมของมารดานางก็ทำใจอยู่นานกว่าจะดูดกินได้’ เหยาเหยาได้แต่คิดแล้วถอนหายใจ

นางไม่รู้ว่าเรื่องที่มีความทรงจำของภพก่อนติดตัวมาด้วยเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แต่ก็ยังดีที่ไม่เหมือนกับนิยายเรื่องอื่นที่ทะลุมิติมาแล้วมีชีวิตที่ลำบาก

หรือไม่ก็เป็นตัวร้ายอยู่ในร่างของผู้อื่น เหยาเหยา นางเริ่มทำใจได้แล้ว เพียงกินแล้วนอน เพื่อให้รีบโตไวๆ

เพราะเป็นบุตรสาวของราชครู เมื่อเหยาเหยานางได้สามหนาวก็เริ่มเรียนรู้มารยาทต่างๆ จากผู้เป็นมารดา เรื่องนี้นางทำได้ดีเกินคาด เพราะอาจจะด้วยนางมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวสูง นางจึงไม่ได้วิ่งเล่นไปทั่วอย่างเด็กทั่วไป

หากมารดาพาไปด้านนอกหรือจวนของท่านตาท่านยาย นางก็เพียงนั่งมองเด็กคนอื่นเล่นเท่านั้น

“ดูเหยาเออร์เด็กอันใด ช่างรู้ความยิ่งนัก” ท่านยายของนางเอ็นดูนางมากที่สุด

เพราะใบหน้าที่ถอดแบบมาจากมารดา ทั้งดวงตาที่กลมโตสดใสเหมือนมีดวงดาวนับพัน ผิวที่ขาวราวกับเครื่องเคลือบชั้นดี แก้มกลมนุ่มนิ่มเหมือนซาลาเปา ที่หนิงเฉิงชอบจิ้มเล่นแล้วบอกกับผู้อื่นทุกครั้ง

“อยากไปเล่นกับพี่ๆ หรือไม่ลูก” มู่เยี่ยนลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่

เหยาเหยาชอบฟังเสียงมารดาที่พูดคุยกับนาง เสียงของมารดาหวานเสนาะหู จนเหยาเหยายิ้มตาหยีให้นางทุกครั้งที่พูดคุยกัน

“ได้เจ้าค่ะ” เหยาเหยาเดินเตาะแตะลงไปที่กลุ่มเด็กห้าหกคนที่อยู่ด้านล่างศาลา ทุกคนเมื่อเห็นนางยอมมาเล่นด้วย ต่างก็จูงมือพาน้องเล็กที่สุดของจวนไปเล่นอย่างสนุกสนาน

“โอ๊ยยย” เหยาเหยาที่สนใจพี่สาวพี่ชายของนางเล่นกันอยู่ก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินมาที่ด้านหลังของนาง แล้วตอนนี้เขาก็ดึงแก้มของนางอย่างแรง

หนิงเฉิงเมื่อได้ยินเสียงน้องสาวร้องก็รีบวิ่งมาทางน้องสาวอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เหยาเหยาพูดได้นางก็ไม่เคยร้องอีกเลย เขาจึงได้แปลกใจว่าผู้ใดกันที่ทำให้น้องสาวเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

“คุณชายน้อยเซี่ย ท่านรังแกน้องสาวข้าทำไมขอรับ” หนิงเฉิงดึงตัวน้องสาวไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของเขา

แม้จะอายุเพียงหกหนาว แต่เขาก็ไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกน้องน้อยของได้

“ข้ารังแกนางเสียที่ไหน เห็นแก้มของนางเหมือนเต้าหู้ จึงอยากรู้ว่าจะนิ่มเหมือนเต้าหู้หรือไม่ก็เท่านั้น” ฝูเหิงวัยสิบหนาวโต้กลับอย่างไม่ยอม

เขาตามมารดามางานที่จวนตระกูลมู่ จึงได้เดินเล่นแก้เบื่อ เมื่อเห็นเด็กน้อยเล่นอยู่ทางนี้จึงเดินเข้ามาดู ยิ่งเห็นใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดูของเจินเหยาเขาก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มนาง

แต่ไม่คิดว่าการที่เขาบีบแก้มนางเบาๆ จะทำให้เกิดรอยแดงขึ้นมาเพียงนี้ อีกอย่างนางในตอนนี้ก็มองหน้าเขาอย่างกล่าวโทษอีกด้วย

“ท่านพี่ ไปกันเถิดเจ้าค่ะ เขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อย ข้าไม่ถือสา” เหยาเหยาปรายตามองฝูเหิงอย่างตำหนิ ก่อนที่สองพี่น้องจะจูงกันไปเล่นที่อื่นแทน

“เจ้าต่างหากที่เป็นเด็กน้อย” เขาตะโกนตามหลังไปอย่างหัวเสีย

“เกิดอันใดขึ้นอาเหิง” หวังตงหยางเดินมาตามน้องชายให้กลับจวนก็เห็นเขาตะโกนไล่หลังเด็กน้อยทั้งสองอยู่

“บุตรีท่านราชครูว่าข้าเป็นเด็กน้อย ทั้งที่นางเพิ่งจะสามหนาว เหอะ เมื่อครู่ข้าน่าจะบีบแก้มนางให้แรงกว่านี้”