บท
ตั้งค่า

หมอหญิงตัวน้อย

เมื่อนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยที่มองมาทางเขาอย่างตำหนิราวกับผู้ใหญ่กล่าวโทษเด็กฝูเหิงก็เกิดโทสะขึ้นมาทันที

“หึหึ เจ้าก็เด็กน้อยอย่างที่นางว่า มีอย่างรึไปหาเรื่องเด็กสามหนาว” ตงหยางลากน้องชายกลับจวนไปอย่างขบขัน

คิดไม่ถึงว่าข่าวลือเรื่องที่บุตรีท่านราชครูฉลาดเกินวัยจะเป็นเรื่องจริงเมื่อได้เห็นกับตาตนเอง

เมื่อเหยาเหยานางได้ห้าหนาว ก็เดินเข้าไปบอกบิดาเรื่องที่นางสนใจวิชาการแพทย์ อยากให้บิดาช่วยหาอาจารย์มาสอนนาง

“เจ้าอยากเรียนหมอรึเหยาเหยา” โยวลู่เอ่ยถามบุตรสาวอยากแปลกใจ

บุตรสาวเขาวัยเพียงห้าหนาวเท่านั้น แต่นางกลับสนใจตำรา เขียนอักษรตั้งแต่วัยเพียงสามหนาว แล้วเรื่องนี้นางก็ทำได้ดีเสียด้วย

ต่างจากหนิงเฉิง แม้บุตรชายจะฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่ก็ไม่อาจเก่งได้เท่าน้องสาว ที่เพียงหัดเขียนอักษรไม่นานนางก็จดจำได้ทุกตัว

“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกอ่านตำราการแพทย์ในห้องตำราของท่านพ่อ ลูกสนใจยิ่งนัก ได้หรือไม่เจ้าคะ” โยวลู่จะทนใบหน้าที่ออดอ้อนของบุตรสาวได้อย่างไร

เหยาเหยานางก็เป็นเด็กช่างรู้ความสำหรับเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นจะไม่ได้เห็นท่าทางของนางเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่เมื่ออยู่ในจวนของตนเอง นางจะออดอ้อนคนในจวน จนอ่อนระทวยกันไปหมด

“เช่นนั้น พ่อจะไปถามหมอจางให้”

หมอจางเป็นหมอหลวงที่นับว่ามากฝีมือในตอนนี้ หากนางได้คารวะเขาเป็นอาจารย์ เรื่องที่นางรู้การแพทย์ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัย

“เจ้าเต้าหู้น้อย ข้าเอาขนมมาฝาก” เสียงเด็กหนุ่มดังมาแต่ไกล เหยาเหยานางไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าผู้ใดมา

เซี่ยฝูเหิงติดตามพี่ชายของเขาเซี่ยตงหยางมาที่จวนตระกูลหวังเพื่อร่ำเรียนตำรากับบิดาของนางเสมอ ที่เขาได้คำนับบิดาของนางเป็นลูกศิษย์เพราะตงหยางเป็นสหายร่วมเรียนกับฮ่องเต้น้อย

ตงหยางนอกจากจะเข้าเรียนร่วมกับฮ่องเต้น้อยแล้ว เขายังต้องฝึกวรยุทธ์ทุกวัน จนบางครั้งก็ตามเรื่องตำราไม่ทัน จึงต้องมารบกวนโยวลู่ที่จวนอยู่บ่อยครั้ง

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เหยาเหยาขอบคุณฝูเหิงเมื่อเขายื่นขนมมาให้นาง

“อย่ารังแกอาเหยาเล่า” ตงหยางเอ่ยเตือนน้องชาย ก่อนที่เขาจะเดินตามท่านอาจารย์ไปที่ห้องตำรา

“มาข้าเปิดให้” ฝูเหิงดึงกล่องขนมมาไว้ที่มือ ก่อนจะเปิดขนมออกมาส่งให้เหยาเหยา

“อร่อยหรือไม่” เขาถามอย่างคาดหวัง

เพราะครั้งที่แล้วที่ซื้อมาเห็นนางกินอย่างพอใจ จึงคิดว่านางน่าจะชอบ ครั้งนี้เขาจึงซื้อมาให้นางมากกว่าเดิม

“อร่อยเจ้าค่ะ”

“อร่อยแล้วเหตุใดถึงกินน้อยนัก” ฝูเหิงทำหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นเหยาเหยานางหยิบกินแค่เพียงชิ้นเดียว

“ของหวานกินมากไม่ดีเจ้าค่ะ” นางเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย เพราะฝูเหิงนำขนมมายื่นส่งให้ถึงปากของนางอีกชิ้น

นางไม่อ้าปากกิน เขาก็บีบแก้มนางให้นางอ้าปากกินเข้าไป เหยาเหยาถลึงตามองเขาอย่างโมโห ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีกลับเรือนของตนไป

“เจ้าเต้าหู้น้อย ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว” เขาเดินตามมาถึงเรือนของเหยาเหยา แต่ไม่กล้าที่จะเดินตามเข้าไปจึงได้แต่ยืนมองตาละห้อยอยู่ที่หน้าเรือน

ผ่านไปหลายวันบิดาของนางก็ทำตามอย่างที่พูด หมอจางยอมมาสอนการแพทย์ให้เหยาเหยาทุกวันที่จวนในยามเว่ย (13.00-14.59น.) วันละหนึ่งชั่วยาม

หมอจางสอนให้นางรู้จักสมุนไพร ทั้งยังนำตำรามาให้นางศึกษาอย่างไม่หวงแหน เขาอดจะภูมิใจกับลูกศิษย์ตัวน้อยไม่ได้

แม้รับรู้เรื่องของนางจากคำลือแล้วว่านางฉลาดเกินผู้ใด แต่เมื่อได้มาเป็นอาจารย์ของนางเขาก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้

หลังจากนั้นความรู้ทั้งหมดที่เขามี เขาก็พร่ำสอนเหยาเหยาอย่างสุดความสามารถ แม้แต่บุตรหลานของเขายังเก่งได้ไม่เท่านาง เรื่องนี้เขาอิจฉาราชครูหวังยิ่งนัก

เรื่องที่เหยาเหยาน้อยร่ำเรียนวิชาการแพทย์ก็ถูกพูดลือออกไป ยิ่งนางได้เป็นลูกศิษย์ของหมอจางที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงก็ทำให้ชื่อเสียงของนางเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

ฮ่องเต้น้อย เคยพูดเปรยเรื่องจะรับนางเข้าวังกับราชครูหวัง เรื่องนี้ทำให้คนในจวนหวังหนักใจจนพูดไม่ออก แม้ผู้ใดจะคิดว่าเขาช่างวาสนาดีที่มีบุตรสาวเก่งกาจและงดงามเกินกว่าผู้ใดในเมืองหลวง แต่สิ่งนี้กลับทำให้โยวลู่และมู่เยี่ยนหนักใจยิ่งนัก

ขุนนางผู้อื่นอาจจะยินดีที่บุตรีจะได้ถวายตัวเข้าวัง ต่างจากพวกเขาที่ไม่อยากให้บุตรีต้องถูกขังอยู่ในกรงทอง

ฮ่องเต้น้อยก็ไม่ได้บังคับฝืนใจ เพียงแต่เขาพูดลองเชิงเท่านั้น ผู้ใดไม่อยากจะได้สตรีข้างกายที่งดงามเป็นหนึ่งทั้งยังฉลาดเกินกว่าผู้ใด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel