บท
ตั้งค่า

6 สมัครงาน

คุณแม่ยังสาวเงยหน้ามองตึกสูงตระหง่านตรงหน้า ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ หลังจากได้รับเมล์ตอบกลับว่าไม่ผ่านสัมภาษณ์ในตอนเช้า ไปส่งลูกเข้าเรียนแล้ว เธอก็มายังบริษัทที่นัดสัมภาษณ์เธอวันนี้ทันที

อันที่จริงหากเธอผ่านสัมภาษณ์เธอก็คงจะไม่ได้มาที่นี่ ที่ที่ครั้งหนึ่งมีใครคนนึงพูดมันกับเธอว่าเขาอยากใช้ที่นี่เปิดบริษัท...แต่ก็นะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร จะได้เปิดบริษัทอย่างที่เขาหวังหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้รับรู้เรื่องราวของเขาเลยตั้งแต่เลิกรากันไปเมื่อตอนนั้น เขาหายไปจากโลกของเธอโดยปริยาย

“เชิญทางนี้ค่ะ” หลังจากเดินเข้ามาภายในตัวบริษัท ชาลิสาก็เห็นกลุ่มคนที่มาสัมภาษณ์ตำแหน่งเลขาเช่นเดียวกับเธอ มีทั้งชายและหญิง แต่ละคนก็ดูมีโปรไฟล์ดีกันทั้งนั้น ก็อย่างว่านี่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เห็นแบบนั้นก็เริ่มเตรียมใจยอมรับว่าครั้งนี้ตัวเองอาจจะไม่ผ่านสัมภาษณ์ และถ้าครั้งนี้ไม่ผ่านเธอคิดว่าเธอคงต้องเปลี่ยนงานแล้ว ไม่อย่างนั้นสถานะทางการเงินของบ้านต้องย่ำแย่อย่างแน่นอน

แต่ถึงจะเตรียมใจไว้ เธอก็ขอทำให้ดีที่สุด

คนแล้วคนเล่าที่เข้าไปสัมภาษณ์เดินผ่านหน้าออกไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงคิวของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย เพราะเธออยู่ในสถานการณ์แบบนี้จนชินเสียแล้ว ทว่าก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เมื่อประธานบริษัทกลับมาและจะเป็นคนสัมภาษณ์ต่อ ซึ่งมันก็เหลือคนที่ยังไม่สัมภาษณ์เพียงสามคนเท่านั้น และเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลายคนก็เริ่มซุบซิบคุยกัน เกี่ยวกับเรื่องบอสหนุ่มสุดโหด การทำงานเนี้ยบเสียยิ่งกว่าเนี้ยบ ทำงานผิดพลาดแค่ครั้งเดียวก็ถูกไล่ออก ไม่มีการอนุโลมใด ๆ แต่เพราะค่าตอบแทนที่สูงทำให้หลายคนก็เลือกจะมาทำงานที่นี่

คนที่สัมภาษณ์ไปแล้วก็ลอบมองกันอย่างยิ้ม ๆ ที่ไม่ต้องสัมภาษณ์กับท่านประธานเอง เพราะถ้าได้สัมกับท่านประธานไม่รู้ว่าจะเผลอพูดอะไรผิดบ้าง และถ้าพูดอะไร หรือทำอะไรผิดพลาดไป โอกาสได้งานก็คงจะเป็นศูนย์

เพราะงั้นคนที่สัมภาษณ์ไปแล้วก็ส่งยิ้มให้กับผู้โชคดีทั้งสามคน

“คนต่อไปคุณชาลิสาค่ะ” ได้ยินชื่อเรียกเข้าห้อง ชาลิสาก็หยัดตัวลุกขึ้นทันที ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอไม่มีอาการประมาท หรือสั่นกลัวที่จะต้องสัมภาษณ์งานกับท่านประทานโดยตรงเลยแม้แต่น้อย ทำเอาHRแอบชมเธอใจ แม้เธอจะคนสุดท้ายที่ได้เข้าสัมภาษณ์แต่เธอกลับเป็นคนแรกที่เข้าตา

"ชาลิสา สถานะโสด มีบุตร 1 คน" เสียงทุ้มพูดขึ้น โดยในมือถือแฟ้มประวัติของหญิงสาวอยู่ ก่อนจะขยับแฟ้มออกจากใบหน้าเล็กหน่อย เพื่อชำเลืองมองคนที่ยืนก้มหัวให้เขาอยู่ อย่างนอบน้อม

"ค่ะ"

"ช่วยบอกเหตุผลผมที ทำไมผมต้องรับแม่หม้ายลูกติดอย่างคุณมาทำงาน ถึงประสบการณ์ทำงานของคุณจะมาก แต่การที่คุณออกจากงานบ่อย ๆ ทั้งลูกไล่ออก ทั้งลาออกเอง มันทำให้ผมไม่ไว้ใจ" น้ำเสียงราบเรียบว่าขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ลดแฟ้มลง พร้อมกับชาลิสาเองที่เธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง เสียงที่คุ้นหูเธอเหลือเกิน

และพอได้มองหน้าเจ้าของเสียงชัด ๆ ดวงตากลมสวยก็เบิกกว้างทันทีด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าอารมณ์ให้เป็นปกติ แม้รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้ามากก็ตาม

"เรื่องนั้นมันเป็นเหตุผลส่วนตัวค่ะ แต่มันไม่กระทบกับงานแน่นอน" เธอบอกปัด หากบอกไปตามตรง ก็คงจะเหมือนเคย ที่ไม่มีใครเชื่อว่าเธอถูกลวนลามจากเจ้านาย ไม่ก็ถูกภรรยาของเจ้านายตามรังควาน ที่เธอเป็นผู้หญิงแล้วทำงานใกล้ชิดสนิทสนมกับสามีของพวกหล่อน

แม้จะอยากพูดอธิบายบอกเขา แต่อีกใจก็บอกว่า อย่าดีกว่า เพราะเธอกับเขาสถานะมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เธอไม่ใช่แฟนเขาที่จะมาฟ้องนั่นฟ้องนี้กับเขาได้ ในตอนที่ถูกใครทำร้ายหรือรังแกมา

"หึ เหตุผลส่วนตัวงั้นหรอ...แล้วผมจะมั่นใจได้ไง ถ้าผมรับคุณเข้าทำงานแล้วคุณจะไม่ลาออก หรือทำให้งานผมเสียหาย ด้วยเหตุผลส่วนตัวของคุณอีก"

"ในสัญญาจ้างงานก็ระบุไว้แล้วนี่คะ หากฉันลาออกจากงานก่อนกำหนด ฉันต้องจ่ายค่าชดเชย" เมื่อมองไปเห็นความว่างเปล่าในสายตาเขา ในใจก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาทันที ก่อนจะพยายามแข็งใจ ถ้าเขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอ เธอก็จะทำเหมือนไม่รู้จักเขา ให้เราไม่เคยรู้จักกันมันคงจะดีที่สุด

"เพราะงั้นมันคงเป็นหลักประกันได้แล้วว่าฉันจะไม่ทำให้งานเสียหาย"

"แต่การเป็นเลขาของผม คุณต้องติดตามผมไปทุกที คุณอาจไม่มีเวลาให้ครอบครัว"

"และคุณก็ต้องพร้อมที่จะทำงานเสมอ ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันหยุด" นี่มันก็เป็นอีกผลที่เขามักจะให้รับสาวโสดหรือหนุ่มโสดมาทำงานด้วย เพื่อกันปัญหาครอบครัวที่จะตามมา แต่สุดท้ายก็ต้องไล่ออกเหมือนเดิม เพราะพวกเขาเหล่านั้นทำงานผิดพลาด

"ค่ะ" แม้ว่าจะต้องขมวดคิ้วกับสิ่งที่เขาพูด ในการทำงานในวันหยุด เพราะมันไม่ได้มีในเอกสารสัญญา แต่เพราะตอนนี้เธอต้องการเงิน ยิ่งได้งานและเริ่มงานเร็วเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเก็บเงินไว้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อ ค่าเรียนของลูกได้เร็วเท่านั้น แล้วอีกอย่างเธอก็ยังรักในอาชีพเลขาอยู่ เธอยังไม่อยากเปลี่ยนงาน

และบริษัทของเขาก็เป็นความหวังเดียวของเธอแล้ว อย่างที่รู้กันว่าในตอนนี้ ไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์เธอเลย และบริษัทล่าสุดที่เธอไปสัมภาษณ์ก็ไม่ได้รับเธอเข้าทำงาน

“ในประวัติบอกว่าเคยทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศมาหนิ ทำไมถึงเลือกกลับมาที่นี่ล่ะ” คำถามที่เหมือนจะเป็นการสัมภาษณ์ แต่ก็เหมือนมีความในว่าเธอไปได้ดีที่ต่างประเทศแล้ว เธอจะกลับมาที่นี่อีกทำไม

“ฉันแค่อยากกลับมาอยู่บ้านเกิดน่ะค่ะ”

“หึ อย่างนั้นหรอ” เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เหมือนกับไม่เชื่อในคำตอบ ก่อนเขาจะพูดตัดบทแล้วเป็นฝ่ายไล่เธอออกไป

“จบการสัมภาษณ์ เชิญคุณชาลิสารอรับเมลตอบกลับที่บ้านนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ ฉันหวังจะได้ร่วมงานกับท่านประธานนะคะ” พูดจบก็ก้มหัวให้น้อย ๆ ก่อนจะเดินออกมา ทิ้งให้ประธานหนุ่มมองตามด้วยสายตาอ่านไม่ออก

“ในเมื่อเธอเลือกที่จะกลับมา ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน หึ”

ด้านชาลิสาหลังจากสัมภาษณ์งานเสร็จ เธอก็กลับคอนโดในทันที และทันทีที่เข้าห้องมา ร่างบางก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง มันคงจบแล้วกับอาชีพเลขาของเธอ อาชีพที่เธอรัก และมุ่งมั่นตั้งใจทำเสมอ อย่างที่เคยให้สัญญากับใครบางคนไว้ ใครบางคนที่ใจร้าย แต่เธอก็ยังเอาแต่คิดถึงเขาเสมอ ไม่เคยจะลืมเขาได้เลย ไม่รู้ว่าทำไม...

“วันนี้เราจะไปไหนกันหรอ” หลังจากรับหมวกกันน็อกจากเขามาเตรียมจะสวมใส่ก็ไม่ลืมเอ่ยถาม

“ไม่รู้สิ กรไปไหนก็ได้ ฟางล่ะ มีที่ที่อยากไปรึเปล่า” เสียงทุ้มพูดตอบ ก่อนจะช่วยแฟนสาวใส่หมวกกันน็อค แน่นอนว่าเขาและเธอสบตากัน ใบหน้าของหนุ่มสาวในวัยแรกแย้มค่อย ๆ โน้มเข้าหากันเรื่อย ๆ ตามแรงดึงดูดระหว่างกัน ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะทาบทับลงบนริมฝีปากบางของเธอเพื่อมอบจูบแสนหวานให้

“กรว่าเรากลับห้องเลยดีกว่า” หลังจากผละจูบออกแล้ว เขาก็พูดขึ้น

“คนบ้า” ว่าแล้วก็ฟาดฝ่ามือไปที่อกเขาด้วยความเขิน อย่างไม่จริงจังนักหนึ่งที

“ก็แฟนกรสวยน่ารักขนาดนี้ กรจะอดใจยังไงไหว”

“ปากหวานจริงๆ เลยนะ”

“หวานไม่หวานเมื่อกี้ได้คำตอบรึเปล่า ถ้าไม่ได้เดี๋ยวกรให้ลองใหม่” เขาว่าพร้อมกับมองเธอด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“พอเลย ออกรถได้แล้ว” ว่าแล้วก็ดันตัวเขาให้ออกห่าง ก่อนจะบอกให้เขารีบออกรถ แม้จะยังไม่มีปลายทาง แต่เนื่องจากวันนี้เขาและเธอเลิกคลาสกันไวด้วยกันทั้งคู่ ยังไม่ถึงเวลาทำงานพิเศษของเขาและเธอ ที่บอกว่าเธอเองก็ทำงานพิเศษด้วยนั้นได้ยินไม่ผิด แม้ว่าพ่อจะส่งเงินให้เธอใช้ไม่ขาดมือ แต่เพราะเห็นเขาทำงาน เธอก็อยากทำด้วยกับเขา อยากใช้เวลาอยู่กับเขา อยากช่วยเขาเก็บเงิน ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน แม้ว่าเขาจะไม่เคยรับเงินจากเธอเลยสักครั้ง

“ค่อย ๆ กินสิ เลอะหมดแล้ว” เสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก ดังขึ้น ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้อย่างอ่อนโยน

“เดี๋ยวเลอะ กรก็ช่วยเช็ดไง” ว่าแล้วก็หัวเราะน้อย ๆ ยืนอยู่เฉย ๆ ให้เขาเช็ดปากให้ ในตอนนี้เขาและเธอมาเดินเล่นซื้อของกิน จูงมือกันเหมือนคู่รักทั่วไป

“หึ” เขาที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะเดินเล่นกันต่อ

“ตรงนี้วิวดีเนอะ กรว่าไหม” เดินมาได้สักพักเธอก็พูดขึ้น เมื่อเดินมาหยุดอยู่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ข้างหน้าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยทางเดิน ที่เอาไว้ให้คนมาเดินเล่นทำกิจกรรม หรือวิ่งออกกำลังกาย ในส่วนของสวนก็ร่มรื่นน่าปูเสื่อนอนจัดปิกนิกเป็นอย่างมาก และเธอก็เห็นคู่รัก และครอบครัวหลายครอบครัวเลย ที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่ในสวน

“อื้ม อากาศดี” เขาว่าตาม ก่อนจะหันมองรอบ ๆ แล้วหันมาพูดบางอย่างกับเธอ

“มันจะดีหรอ”

“ดีสิ”

“แต่ฟางกลัว”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น กรจะปกป้องฟางเอง”

“งั้นก็ได้” หลังจากตอบตกลงแล้วก็เดินตามการจับจูงก่อนเขา และพอได้ขึ้นมาบนดาดฟ้าของตึกสูงใกล้ ๆ เธอก็ต้องร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น เพราะวิวตรงนี้มันสวยจริง ๆ อย่างที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะชวนเธอแอบขึ้นมาด้วยกัน

“วิวดีกว่าข้างล่างเยอะเลย”

“แล้วกรรู้ได้ไงอะ ว่าที่นี่วิวสวย”

“เดาเอาน่ะ”

“ฟางไม่เชื่อ บอกมานะ” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับสายตาจ้องมองเขาอย่างจับผิด

“กรเคยขับรถผ่านนะ ตอนนั้นมากับพ่อแม่ พ่อบอกว่าที่นี่วิวดี แต่ยังไม่ทันที่ท่านจะพากรขึ้นมา...” เสียงทุ้มขาดห้วงไป ทำให้เธอต้องสวมกอดเขาเอาไว้ เรื่องที่พ่อแม่เขาเสียชีวิตเธอรับรู้มาโดยตลอดตั้งแต่ที่คบกันใหม่ ๆ เธอเคยถามเขาเกี่ยวกับครอบครัว เพราะเธอไม่เคยเห็นเขาพูดถึงครอบครัวเลยตั้งแต่คบกันมา พออยู่ด้วยกัน เริ่มไว้ใจกันเขาก็เล่าให้ฟัง และทุกครั้งที่เขาเล่าเธอก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขาเสมอ และเธอก็มักจะให้กอดของเธอมอบความอบอุ่นให้เขา และเป็นการบอกเขาว่าความเจ็บปวดของเขาเธอจะช่วยแบ่งเบามัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel