บท
ตั้งค่า

3 สวนทาง

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางดึกทำให้ร่างบางที่นอนกอดลูกสาวตัวเล็กอยู่ รู้สึกตัวขึ้นด้วยความงัวเงีย ก่อนจะรีบกดรับสายเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของลูกสาว

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานกรอกไปตามสาย โดยที่ยังไม่ได้มองหน้าจอโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อยว่าเป็นสายของใคร

“ฟางหรอลูก นี่แม่เองนะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ ชาลิสาก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นสายจากอีกซีกโลกจริง ๆ

“ค่ะแม่”

“อยู่นั่นเป็นไงบ้างลูก สบายดีรึเปล่า”

“ฟางยังสบายดีเหมือนเดิมค่ะ แม่ล่ะคะสบายดีรึเปล่า” ได้ยินผู้เป็นแม่ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เต็มไปด้วยความเป็นห่วง อยู่ ๆ น้ำตาก็คลอเบ้าเสียดื้อ ๆ

“สบายดีลูก แต่ว่าพ่อ...อาการไม่สู้ดีเท่าไหร่”

“พะ พ่อ เข้าโรงบาลอีกแล้วหรอคะ”

“ใช่ลูก ครั้งนี้ต้องนอนนานหลายเดือนเลย”

“แล้วแบบนี้ใครจะดูพ่อล่ะคะ เพราะแม่เองก็ต้องสอนหนังสือ”

“แม่ว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่แม่จะเกษียณตัวเอง ที่แม่โทรมาก็อยากจะบอกฟางให้รู้ ฟางไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก ทางนี้แม่จัดการได้”

“แต่ว่าแม่คะ...” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบเสียงแม่ก็ดังแทรกเข้ามาในสาย

“เชื่อแม่นะ ดูแลหลานของแม่ให้ดี ถ้าแม่ไม่ไหวจริง ๆ แม่จะบอกฟางก็แล้วกัน”

“แล้วหลานของแม่ล่ะเป็นยังไงบ้าง ป่านนี้แล้วคงนอนหลับไปแล้วสินะ”

“แม่โทรไปก็ลืมดูเวลาเลย”

“พระพายหลับไปแล้วค่ะแม่ ถ้ารู้ว่าคุณยายโทรมาหาแล้วแม่ไม่บอก ตื่นเช้ามาคงจะงอนฟางอีก” ชาลิสาว่าอย่างยิ้ม ๆ พร้อมกับมองลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับอุตุอยู่ข้าง ๆ อย่างที่รู้กันว่าลูกสาวเธอนั้นช่างพูดช่างคุย ยิ่งได้คุยกับคุณยายที่อยู่ไกลอีกซีกโลก แกก็ยิ่งตื่นเต้น ได้คุยกับคุณยายทีไรก็ถามนู่นนี่ เกี่ยวกับที่ที่คุณยายอยู่ตลอด

“หลานยายนี่นะ ขี้งอนเหมือนใครกัน...งั้นแม่วางแล้วนะ แม่ขอไปดูพ่อก่อน”

“ค่ะ ฟางรักแม่นะคะ”

“แม่ก็รักฟางลูก”

หลังจากวางสายจากผู้เป็นแม่ไป ชาลิสาก็ไม่สามารถนอนหลับได้ต่อ ในสมองของเธอเอาแต่คอยคิดถึงสิ่งที่แม่พูด...มันคงถึงเวลาแล้วสินะที่เธอจะต้องกลับไป

“เมื่อวานคุณยายโทรมาหา แต่ว่าพระพายหลับไปแล้ว” ชาลิสาเอ่ยบอกลูกสาวใน ขณะนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่

“จริงหรอคะ” มือเล็ก ๆ ที่กำลังหยิบขนมปังเข้าปากหยุดชะงักทันที ก่อนจะหันไปมองหน้าแม่ด้วยความสนใจ

“จริงค่ะ คุณยายบอกว่าไว้พระพายตื่นแล้ว คุณยายจะโทรมาหาใหม่”

“ตอนนี้พระพายตื่นแล้ว เราโทรไปหาคุณยายเลยได้ไหมคะ พระพายอยากคุยกับคุณยาย”

“ยังไม่ได้ค่ะ ตอนนี้คุณยายกำลังนอนหลับอยู่” เด็กหญิงที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เศร้าลงทันที ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมาเมื่อแม่พูดบ้าง

“ถึงเราจะโทรคุยกับคุณยายไม่ได้ แต่เราก็ไปหาคุณยายนะ พระพายอยากไปหาคุณยายกับแม่รึเปล่า”

“ไปหาคุณยายหรอคะ”

“ใช่ค่ะไปหาคุณยาย”

“คุณแม่หมายถึงว่าจะพาพระพายไปที่ประเทศไทยใช่ อย่างนั้นใช่ไหมคะ” เสียงเล็ก ๆ นั้นเริ่มแสดงความตื่นเต้นดีใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

“ใช่ค่ะ เราจะย้ายกลับไปอยู่ที่ไทยกัน แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ แม่ต้องเตรียมเอกสารก่อน”

“พระพายรอได้ไหมคะ แล้วพระพายอยากกลับไปอยู่ที่ไทยหรือเปล่า”

“พระพายรอได้ค่ะ” ถ้าจะได้กลับไทยไปหาคุณยายแสนใจดี แล้วมีโอกาสได้เจอพ่อ เธอรอได้เสมอ แต่ว่า...

“ถ้ากลับไปอยู่ที่นั่นแสดงว่าเราจะไม่ได้มาที่นี่อีกแล้วใช่ไหมคะ แสดงว่าพระพายจะไม่ได้เจอป้าแมรี่ไม่ได้เล่นกับไซม่อนอีกแล้ว...”

“ได้เจอสิคะ ทำไมจะไม่ได้เจอ...ไว้พระพายโตขึ้น เรามาเยี่ยมป้าแมรี่ที่นี่ก็ได้ อีกอย่างพระพายก็สามารถโทรคุยเล่นกับป้าแมรี่กับไซม่อนได้ แต่ว่าต้องรอเวลาให้ไซม่อนกับป้าแมรี่ตื่น แล้วก็เป็นเวลาที่พระพายยังไม่หลับ เหมือนที่พระพายรอคุยกับคุณยาย” คุณแม่คนสวยอธิบาย ทำให้ใบหน้าเล็กที่ง้ำงอ ค่อย ๆ สดใสขึ้นมาบ้าง

“จริงนะคะ” เสียงใสถามย้ำ

“จริงค่ะ”

และแล้ววันที่ต้องเดินทางก็มาถึง หลังจากชาลิสาใช้เวลาเตรียมเอกสาร แล้วเรื่องการลาออกอยู่หลายเดือน เพราะเธอต้องรอส่งงานให้เลขาคนใหม่

“มาค่ะ มาบอกลาป้าแมรี่กัน” มือบางจับจูงมือของลูกสาวตัวน้อยมาเคาะห้องของเจ้าของหอพักที่เปรียบเสมือนพี่สาวของเธอคนหนึ่ง

“พระพายไปนะคะป้าแมรี่ ไว้พระพายจะให้คุณแม่ซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากนะคะ”

“พระพายไปนะไซม่อน”

“อื้ม เดินทางปลอดภัยนะ ถ้าพายเจอพ่อ อย่าลืมขอลายเซ็นพ่อมาให้เราด้วยนะ” เด็กชายไซม่อนว่าขึ้น หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของพ่อพระพาย ที่พระพายเล่าให้ฟังแล้วเขาก็ปลื้มพ่อพระพายเอามาก ๆ เล่นกีฬาก็เก่ง แถมยังเขียนโปรแกรมที่มันสร้างเกมได้ด้วย แน่นอนว่าอะไรที่เกี่ยวกับเกมเขาชอบทั้งหมด

“เดินทางปลอดภัยนะ ไว้ว่าง ๆ ป้าจะไปหา หรือถ้าพายว่าง ๆ จะโทรมาเล่นกับป้าก็ได้”

“ค่ะ คุณป้า” ว่าจบก็โผเข้ากอดคุณป้าทันที

“ฟางไปนะคะ” เป็นชาลิสาบ้างที่มาเอ่ยลา ก่อนที่เธอจะยื่นกล่องคุกกี้ให้

“แทนคำขอบคุณตลอดปลายปีที่ผ่านมา ที่พี่แมรี่ช่วยดูแลฟางกับพระพายค่ะ”

“เรื่องนั้นพี่เต็มใจ ไม่ลำบากอะไรเลย ถ้าว่างจากงานก็พายัยพามาเที่ยวได้นะ ที่นี่พร้อมต้อนรับเสมอ”

...

บนท้องถนน

“ลงมาเดี๋ยวฉันขับเอง” ภรัณยูพูดขึ้น เพราะพิษไข้ทำให้เขาตื่นสาย จนไม่รู้ว่าจะไปทันขึ้นเครื่องหรือเปล่า รถก็มาติดอีก ไม่รู้วันนี้วันซวยอะไร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้เป็นไข้นานแล้ว แล้วก็ไม่เคยตื่นสายจนเกือบจะเสียงานแบบนี้ด้วย

“แต่บอสป่วยอยู่นะครับ”

“ลงมา”

“ครับ” สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนมือให้เจ้านายขับแต่โดยดี หลังจากได้ยินเสียงเข้มกดต่ำ แกมขู่บังคับ

ทันทีที่ได้จับรถ ภรัณยูก็เริ่มหาช่องทางเพื่อที่จะเข้าทางด่วนทันที แม้จะปวดหัวตุบ ๆ กับพิษไข้ แต่เขาก็มั่นใจว่าเขายังมีสติครบร้อยเปอร์เซ็นต์ สามารถขับรถได้

เมื่อมาถึงทางด่วนความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยนิด จนลูกน้องคนสนิทที่นั่งมาด้วย แทบจะยกพระที่ห้อยคออยู่ขึ้นมาถือไว้

“ฉันไม่พานายตายหรอน่า” ทันทีที่มาถึงภรัณยูก็พูดล้อลูกน้องทันที

“ผมกลัวนี่ครับ เมียก็ยังไม่มี ผมยังไม่อยากตาย”

“หึ” ได้ยินแบบนั้นก็กระตุกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร และด้วยความเร่งรีบนั่นเอง ทำให้ทั้งเขาไม่ทันมองคนที่เดินสวนไปมา ก่อนจะรีบเหลียวหลังกลับไปมอง เมื่อเห็นหน้าไว ๆ ของคนที่คุ้นเคย คนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดเวลา แต่ทว่าหันหลังกลับไปก็พบกับความว่างเปล่า

“หึ ตาฝาดอีกแล้วสินะ” หลังจากหันไปมองแล้ว ภรัณยูก็พูดหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ เมื่อไม่มีแม้แต่วี่แววของเธอ คนที่ทิ้งเขาไป ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องคิดถึงเธออยู่เสมอ มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดที่เขาต้องคิดถึงผู้หญิงเห็นแก่เงินคนนั้น ก่อนจะพูดบอกตัวเองว่าคงเป็นเพราะพิษไข้ที่ทำให้เขาเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น

ด้านหญิงสาวที่จูงมือลูกน้อยอยู่ในสนามบินเอง ก็หันหลังกลับไปมองเหมือนกัน เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนที่เธออยู่ในห้วงความคิดตลอดหลายปี แต่พอหันกลับไปมองแล้วไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลังที่คุ้นเคย ด้วยจำนวนคนที่เธอผ่านไปมาผ่านมาที่พลุกพล่าน ทำให้เธอคิดว่าเธอคงตาฝาดไปเอง

ก่อนจะรีบเดินให้ทันลูกสาวเหมือนเดิม เมื่อลูกสาวนั้นปวดเข้าห้องน้ำมาก ๆ จึงเดินเร็ว ๆ นำไปก่อน ถึงจะเคยมาเป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวก็ไม่กลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย เดินนำแม่ไปลิ่ว ๆ ตามป้ายบอกทาง

“คุณแม่ขา เร็ว ๆ ค่ะ พระพายปวดเข้าห้องน้ำไม่ไหวแล้ว”

“พระพายเข้าไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวแม่รีบตามเข้าไป”

หลังจากเดินตามลูกสาวตัวแสบมาจนทัน ชาลิสาทำเพียงยืนรอหน้าห้องน้ำเท่านั้น เพราะเธอไม่ได้ปวด

“เสร็จแล้วค่ะ” เดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างเล็ก ๆ ก็เดินมาหาผู้เป็นแม่ที่ยืนรออยู่ ก่อนจะส่งยิ้มแฉ่งให้ เมื่อเห็นแม่ดูหอบ ๆ ที่เดินตามตัวเอง

“ขอโทษนะคะ พระพายปวดมากไปหน่อย แฮะ ๆ”

“ไม่เป็นไรค่ะ พระพายโอเคแล้ว แม่ก็สบายใจ”

“เมื่อกี้ตอนเดินมา พระพายเห็นคุณแม่หันไปมองใครก็ไม่รู้ คนรู้จักคุณแม่หรอคะ”

“มะ เหมือนคนรู้จักแม่น่ะ แต่ไม่ใช่” ชาลิสาตอบ พร้อมกับส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ลูกสาว เธอจะกล้าบอกลูกได้อย่างไร ว่าคนที่ทำให้เธอต้องเหลียวหลังกลับไปมองนั้นคือพ่อของแก หากเจ้าตัวรู้คงวิ่งวุ่นตามหาไปทั่วสนามบิน

ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกสาวนั้นอยากเจอพ่อมากแค่ไหน แม่เธอหรือคุณยายของแกคอยเล่าให้เธอฟังอยู่เสมอ ว่าพระพายมักถามเรื่องของพ่อกับคุณยายด้วยเช่นกัน ติดตรงที่แม่เธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของพระพายคือใคร ท่านจึงไม่สามารถให้คำตอบกับพระพายได้

ทั้งก่อนมาพระพายก็คอยถามนั่นถามนี่เกี่ยวกับพ่อจากเธออยู่เสมอ บางครั้งก็ขอดูรูปพ่อบาง แต่เธอนั้นไม่ได้เอาให้ลูกดู กลัวว่าหากสักวันต้องเจอเขา มันคงเกิดเรื่องยุ่งยากตามมา เพราะไม่รู้ว่าเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปเกือบหกปี เขาจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างไรบ้าง

ไว้รอให้ลูกโตขึ้น เธอค่อยอธิบายทุกอย่างให้ลูกฟัง พร้อมกับให้ลูกได้เห็นรูปเขา ถึงวันนั้นเธอหวังว่ามันจะไม่สายไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel