2 นิทานก่อนนอน
ปลายปากกาตวัดเซ็นลงบนเอกสารสัญญา ถือเป็นอีกก้าวที่บริษัทเติบโต บริษัทที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา เพราะกว่าจะอยู่จุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย เขาต้องล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งทำงานทั้งเรียนแทบจะไม่มีเวลาพัก แต่เมื่อผลตอบแทนคุ้มค่า สิ่งที่ลงทุนลงแรงไปก็นับว่าไม่สูญเปล่า
“ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ”
“เช่นกันครับ”
มือหนายืนไปจับมืออีกฝ่ายตามธรรมเนียม ก่อนจะหันไปถามลูกน้องคนสนิท ถึงตารางงาน
“ตารางงานวันนี้หมดแล้ว บอสจะไปไหนต่อไหมครับ”
“ไม่ล่ะ กลับบ้าน”
“ครับ”
รถคันหรูขับมาจอดรอ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำกับแว่นกันแดดสีชา พาให้สาวเล็กสาวใหญ่ที่เดินผ่านหันมองไปตาม ๆ กัน ทั้งรูปร่าง หน้าตา และฐานะของเขาในตอนนี้ เรียกได้ว่าเป็นสเปกผู้ชายในฝันของสาว ๆ หลาย ๆ คน แต่ทว่าหัวใจของเขามันถูกปิดตายมาหกปีแล้ว
“วันนี้ฉันขับเอง ส่วนเรื่องเขาช่วงนี้ให้คนตามดูอย่างใกล้ชิด แล้วคอยรายงานฉันตลอด”
“ครับ”
ไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็พุ่งทะยานสู่ท้องถนน บรรยากาศรอบด้านค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ บ่งบอกเวลาในตอนนี้ได้ดี หลังจากที่เขาขับรถเล่น คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นาน ก็มาจอดอยู่คอนโดกลางใจเมือง หาใช่บ้านที่บอกลูกน้องไปไม่
ดวงตาคมทอดมองแสงไฟยามค่ำคืนตรงหน้า โดยที่มือนั้นหมุนควงแก้วไวน์อยู่ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ หวังให้แอลกอฮอล์ช่วยผ่อนคลายหลังจากที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน
“ป่านนี้เธอคงแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วสินะ” มุมปากหนากระตุกยิ้มร้าย แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงหกปีแต่เขาก็ไม่เคยลืมผู้หญิงใจร้ายคนนั้นเลย เขาไม่เคยลืมเธอได้เลยสักครั้ง หากวันไหนว่างเว้นจากการทำงาน ภาพของเธอก็จะลอยเข้ามาในหัวอยู่ตลอด ภาพที่เธอร้องไห้ในตอนที่เขาสัมพันธ์ เธอทำเหมือนกับว่าเขาเป็นคนผิด...
ทั้งที่เขาทำเพื่อเธอ เป็นเธอเองต่างหากที่ไม่ได้เลือกเขาตั้งแต่แรก เหอะ
“ฟาง...ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วย ทำไม...” เมื่อความสับสนที่เกินขึ้นในหัวมันอยากที่จะจัดการ ทำให้เขาต้องเลือกต่อสายหาคู่ขาคนสนิทมาเพื่อผ่อนคลาย
แต่ก็เหมือนเดิมที่เขามักจะเผลอนึกถึงเธอ อย่างไม่รู้ตัว
“กร แรงไปแล้ว เคทไม่ไหว อ๊อก อ๊อก” หญิงสาวเอ่ยบอกเขา เมื่อเขาเอาแต่กระแทกท่อนรักใส่ปากนุ่มของเธอ เหมือนกับว่าเขาไปเก็บกดมาจากไหน
“อื้ม ฟาง” เสียงทุ้มครางต่ำอย่างพึ่งใจ
“...คุณพูดถึงมันอีกแล้ว” แม้ว่าเจ็บแค้นใจที่ชายหนุ่มครางชื่อหญิงอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง แต่ด้วยสถานะที่ไม่สามารถทำอะไร ทำให้ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน
“อาห์ เร็วอีกฟาง กรจะเสร็จแล้ว” ชายหนุ่มว่าขึ้น เขาหาได้สนใจสิ่งที่เธอพูดขึ้นไม่ ในตอนนี้เขาเพียงต้องการปลดปล่อยเท่านั้น
...
กลับมาอีกซีกโลก เหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน คือการเล่านิทานที่เด็กหญิงชอบ แต่วันนี้ต่างไปจากทุกวัน เมื่อเด็กหญิงไม่ได้ร้องขอนิทานแล้ว
“วันนี้ฟังเรื่องอะไรดีคะ”
“อืมม พระพายไม่อยากฟังนิทานแล้ว วันนี้พระพายขอฟังเรื่องคุณพ่อบ้าง ได้ไหมคะ คุณแม่เล่าเรื่องคุณพ่อให้พระพายฟังหน่อยได้ไหมคะ” น้ำเสียงออดอ้อน พูดบอกผู้เป็นแม่ ก่อนจะขยับใบหน้า ให้แก้มนุ่ม ๆ ของตัวเองไปถูไถกับไหล่ของแม่
“ระ เรื่องของคุณพ่อหรอคะ...”
“ใช่ค่ะ เรื่องของคุณพ่อ ป้าแมรี่บอกว่าจะมีพระพายได้ คุณพ่อกับคุณแม่ต้องรักกันก่อน รักกันแล้วก็มีพระพาย” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยบอกแม่
“พระพายอยากรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่รักกันได้ยังไง”
“ไว้วันหลังได้ไหมคะ มันนานแล้ว แม่เองก็จำไม่ค่อยได้” ชาลิสาพูดเลี่ยง เรื่องของเขานอกจากเธอไม่เคยลืมแล้ว เธอยังจำฟังใจ เขาที่เป็นรักแรกและทุกอย่างในด้านความรักของเธอ ทั้งความสุข ความเจ็บปวดจนแทบไม่อยากหายใจ มันล้วนมาจากเขาทั้งหมด
“อืมม....ถ้าอย่างนั้นเล่าให้ฟังได้ไหมคะ ว่าคุณพ่อพระพายเป็นคนยังไง ใจดีเหมือนคุณแม่รึเปล่า” เด็กหญิงทำท่านึกคิด ก่อนจะพูดถามผู้เป็นแม่อีกครั้ง แต่เมื่อยังเห็นแม่เงียบเธอจึงพูดต่อ
“วันนี้พระพายได้เล่นกับไซม่อน ไซม่อนบอกว่าพ่อของไซม่อนเป็นทหาร ทำอะไรตั้งเยอะแยะ เท่มาก ๆ เลยค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ หลังจากที่วันนี้ทั้งวันเธอนั่งฟังไซม่อนหลานชายป้าแมรี่คุยโม้เรื่องคุณพ่อของเขา เธอเองก็อยากโม้บ้าง แต่มันติดตรงที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเลยนี่สิ รู้แค่ว่าคุณพ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ เพราะแม่บอกเธอแค่นั้น
“พอไซม่อนถามพระพายว่าพ่อพระพายทำอะไร พระพายก็ไม่รู้ พระพายอยากเอาไปอวดไซม่อนบ้าง ว่าคุณพ่อพระพายก็เก่งเหมือนกัน”
“โธ่พระพายลูก” ได้ยินแบบนั้นชาลิสาก็ดึงลูกสาวมากอดทันที ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาให้ลูกฟัง
“คุณพ่อของหนูเป็นคนเรียนเก่ง เวลาแม่ทำการบ้าน ทำข้อสอบไม่ได้ คุณพ่อก็จะช่วยสอนช่วยติวให้แม่ตลอด...”
“ฟางเลิกเรียนแล้วใช่ไหม” ทันทีที่ออกมาจากตึกคณะ ก็มีเสียงทุ้มคุ้นหูเข้ามาทักทาย
“อื้ม แต่มีซ้อมหลีดต่อน่ะ พรุ่งนี้ก็มีสอบด้วย” เสียงหวานติดอ่อนล้าว่าขึ้น เมื่อมีเขาอยู่ใกล้ ๆ มันก็ทำให้เธอเปิดเผยความอ่อนแอออกมา
“แล้วจะไหวหรอ กรเป็นห่วง”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ทำยังไงได้ล่ะ ก็เข้ามาแล้วนี่เนอะ” ว่าแล้วก็เอียงคอซบไหล่หนาของเขาหลังจากมานั่งม้านั่ง
“ซ้อมกี่โมงอะ”
“หกโมงครึ่ง”
“ยังพอมีเวลา เดี๋ยวกรติวให้ กรทำสรุปไว้แล้ว” น้ำเสียงอบอุ่นว่าขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวแฟนสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“จะดีหรอกร กรต้องไปทำงานนะ”
“กรเริ่มงานหกโมง วันนี้เข้าสายหน่อยคงไม่เป็นไร”
“กร...” ได้ยินแบบนั้นเธอก็เงยหน้ามองเขาอย่าซึ้งใจ เขาน่ารักและแสนดีกับเธอเหลือเกิน ก่อนริมฝีปากบางจะถูกเขาช่วงชิงไป เมื่อเขาโน้มตัวลงมาจูบเธอ
“นี่ไงรางวัลของกร” เขาว่าอย่างยิ้ม ๆ
“คนเจ้าเล่ห์”
เขาและเธอหยอกล้อตามประสาคู่รักอีกนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะเริ่มติวให้เธอ แม้ว่าจะเรียนคนละคณะเขาก็อุตส่าห์อ่านวิชาของเธอมาช่วยสอนช่วยติวให้เธอ ตัวเขานั้นเรียนวิศวะคอม ส่วนเธอเรียนบริหารธุรกิจ
ติวไปได้สักพัก เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มหิวเขาก็ปลีกตัวไปซื้ออาหารมาให้เธอ พร้อมกับของว่างให้เธอไปทานต่อตอนซ้อมหลีด
“ซื้อมาเยอะขนาดนี้กะจะขุนฟางให้อ้วนเลยหรอ” เธอว่า เมื่อเขาถือถุงขนมมาเต็มไม้เต็มมือ
“เอาไปแบ่งเพื่อนที่ซ้อมหลีดด้วยก็ได้”
“แต่กรต้องทำงาน...ฟางเกรงใจ” เธอพูดขึ้น เพราะเขาทั้งทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย อาหารการกินของเธอเขาก็มักจะเป็นคนจ่ายอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะต้องทำงานส่งตัวเองเรียนไปด้วย เขาก็ไม่ยอมให้เธอลำบากเลยสักครั้ง จนบางครั้งเธอก็อดที่จะสงสารและเห็นใจเขาไม่ได้
เพราะเขาเป็นแบบนี้ไงล่ะ เธอถึงได้ตกหลุมรักเขา ทั้ง ๆ ที่มีหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีมากมายมาจีบ แต่เธอก็เลือกเขา
“แค่แฟนคนเดียวทำไมกรจะเลี้ยงไม่ได้ อีกอย่างนาน ๆ ทีกรก็เลี้ยงเพื่อนแฟน”
“กร...รู้รึเปล่าว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน”
“ไม่รู้สิ คงต้องให้ฟางบอกบ่อย ๆ แล้วล่ะ”
“ได้ ฟางจะพูดให้กรฟังไปตลอดชีวิตจนกรเบื่อเลย”
“แล้วฟางจะตั้งใจสอบให้ได้คะแนนดี ๆ ตั้งใจเรียน จะได้จบมาเป็นเลขาคนเก่งของกร”
“ฟางจะอยู่กับกรจนกรเบื่อเลยล่ะ”
“ไม่ว่าฟางจะทำอะไร แค่มีฟางอยู่ข้าง ๆ กรก็ไม่มีวันเบื่อ”
“ฟางเองก็อย่าพึ่งเบื่อกร อดทนรอกรนะ รอกรเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง รอกรตั้งตัวได้ รอมาเป็นเจ้าสาวของกร”
“อื้ม ฟางจะรอ” ว่าจบก็โน้มตัวไปหอมแก้มเขาหนึ่งที
ด้วยความที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทำให้เธอรู้เรื่องครอบครัวของเขาอยู่บ้าง มันทำให้เธอไม่แปลกใจเลยกับความรู้ความสามารถของเขา แต่ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ม.ปลาย ด้วยซ้ำ แถมลุงที่ไว้ใจเป็นผู้ดูแลมรดกก็ยังมาฮุบเอาทรัพย์สมบัติเขาไปอีก จากลูกคุณหนูที่มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ก็ต้องดิ้นรนสอบชิงทุน ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน เพราะเขาไม่อยากกลับบ้านไปเห็นลุงที่ทรยศหักหลังครอบครัวของตัวเอง และถึงจะกลับไปมันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เด็กไม่มีแม้แต่เงินหรืออำนาจใด ๆ อย่างเขา คงไม่สามารถทำอะไรลุงที่มีพร้อมทั้งสองอย่างได้
“กินข้าวก่อนดีกว่า ใกล้จะถึงเวลาซ้อมแล้วเดี๋ยวไม่มีแรง ซ้อมเสร็จโทรหากรนะ กรจะมารับ”
“รับทราบค่าคุณแฟนนน”
