ตอนที่ 4 เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
เพียงฟ้ารู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยตลอดการพูดคุย เธอพยายามไม่มองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มแต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเธอว่าเขาเกิดอุบัติเหตุตอนไหนกัน ร้ายแรงจนถึงขั้นความทรงจำเสื่อมเลยงั้นเหรอ ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แต่เธอก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ในใจเพราะไม่กล้าเอ่ยถามออกไป ความเจ็บปวดในตอนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจของเธอเสมอ เขานอกใจเธอ นั่นคือสิ่งที่เธอรู้
ภูชิตรู้สึกไม่เข้าใจสายตาของหญิงสาวที่จ้องมาที่เขา เธอทำราวกับรู้จักเขาเป็นอย่างดี แต่ทุกครั้งที่เขาหันหน้าไปมองหญิงสาวก็มักจะหลบตาเสมอ จากที่ไม่อะไรในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งคุยงานเสร็จ
“เดี๋ยวต้นเดือนหน้าจะเริ่มโพรเจกต์ ผมอยากให้คุณพลอยมาอยู่ที่นี่สักระยะเพื่อเก็บข้อมูล” พงศ์เทพหันไปหาหญิงสาวข้างกาย
ในตอนแรกเพียงฟ้าไม่ขัดข้องอะไร แต่พอมารู้ว่าคนที่เธอต้องทำงานให้คือแฟนเก่าเธอจึงเริ่มรู้สึกไม่อยากทำขึ้นมา แต่ก็แย้งอะไรไม่ได้เพราะรับปากบอสเอาไว้แล้ว
“พลอยคงมาดูงานสักอาทิตย์สองอาทิตย์น่ะค่ะ ส่วนเรื่องที่พัก พลอยเห็นว่าที่นี่มีรีสอร์ตเยอะ คงไม่รบกวนคุณภูชิตค่ะ”
“รบกวนอะไรกันครับ ผมว่าคุณพลอยไปพักที่ไร่ผมดีกว่า มีห้องเยอะแยะ พักข้างนอกเดินทางลำบากแย่”
“แต่พลอยว่า...”
“ผมเห็นด้วยกับคุณภูชิตนะพลอย อยู่ข้างนอกมันอันตราย ถึงจะมีทีมงานอีกคนมาด้วยก็เถอะ ผมว่าพลอยพักกับคุณภูชิตดีกว่า”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะยอมรับข้อเสนอของชายตรงหน้าในที่สุด
“ถ้างั้นวันนี้ก็พูดคุยกันจบแล้วนะครับ ขอบคุณคุณภูชิตมากนะครับที่ใช้บริการจากบริษัทเล็ก ๆ ของเรา”
“ยินดีครับ ผมเห็นผลงานก่อน ๆ ของบริษัทคุณแล้วรู้สึกชอบในการทำงานมาก หวังว่าการร่วมงานในครั้งนี้จะราบรื่นนะครับ”
“แน่นอนครับ”
พงศ์เทพกับภูชิตลุกขึ้นพร้อมกับจับมือกัน เพียงฟ้าจึงต้องลุกขึ้นตาม พอภูชิตยื่นมือมาข้างหน้าเธอ หัวใจดวงน้อย ๆ ของหญิงสาวก็เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ เธอมองมันเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นไปสัมผัสกับชายหนุ่ม
ทันทีที่มือทั้งสองสัมผัสกันใบหน้าหล่อเหลาของภูชิตก็ชะงักไปเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนคุ้นชินอย่างบอกไม่ถูก เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของหญิงสาวเพื่อมองหาความจริงในแววตาคู่สวย
พอเห็นอย่างนั้นเพียงฟ้าจึงรีบดึงมือกลับ เธอพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรและยิ้มแย้มให้กับอีกฝ่าย แต่คนมองกลับไม่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นคือของจริง
พงศ์เทพที่ไม่เห็นความผิดปกติก็เอ่ยปากขอตัวกลับ เพียงฟ้าเก็บเอกสารก่อนจะเดินตามเจ้านายออกไปทันที โดยมีสายตาสงสัยของภูชิตที่จับจ้องแผ่นหลังของเธอไปจนสุดสายตา
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ขนาดผู้หญิงที่แม่ของเขาบอกว่าเป็นคู่หมั้นเขาก็ยังไม่รู้สึกแบบนี้เลย แต่กับผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่เจอหน้ากันเพียงครั้งแรก เขากลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนรู้จักเธอมาก่อน แต่พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดมากขึ้น
ในขณะที่คนตัวสูงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นลูกน้องคนสนิทโทรมาชายหนุ่มก็รีบรับสายทันที เพราะวันนี้เขาให้ไกรไปดูแลคนงานและผลผลิตที่จะเตรียมส่งลูกค้า
“ว่าไงนายไกร มีปัญหาติดขัดอะไรหรือเปล่า”
(เปล่าครับ ผมแค่โทรบอกว่าคนงานขนไวน์องุ่นขึ้นรถหมดแล้วครับ เผื่อนายจะมาตรวจสอบอีกรอบ)
“โอเค เดี๋ยวฉันเข้าไป” ภูชิตตอบกลับลูกน้องก่อนจะเดินออกจากคาเฟ
ไร่ภูชิตไม่ได้มีเพียงแค่องุ่นและไวน์องุ่นแค่นั้น แต่ยังมีผลผลิตเกี่ยวกับองุ่นอีกมากมาย รวมถึงคาเฟขนาดใหญ่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมที่นี่อย่างหนาแน่นทุกวัน ไหนจะมีสวนทุเรียนผลไม้อื่น ๆ ตามฤดูกาลอีก ถัดไปก็มีรีสอร์ตและฟาร์มโคนมที่ภูชิตทำอีกด้วย ไร่แห่งนี้จึงมีคนงานหลายร้อยชีวิตทำงานอยู่ นับว่าเป็นศูนย์รวมทุกอย่างเลยก็ว่าได้
ชายหนุ่มเช็กความเรียบร้อยของออร์เดอร์ก่อนจะให้คนไปส่งสินค้าให้ลูกค้า ในขณะที่กำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่นั้นจู่ ๆ เขาก็นึกถึงใบหน้าของเพียงฟ้าขึ้นมา เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาในห้องทำงานเขาก็ไม่รอช้าที่จะถามไกรในทันที
“ไกร นายรู้จักผู้หญิงที่ชื่อพลอยขวัญไหม”
คำถามของเจ้านายทำให้ไกรขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีก่อนที่เขาจะพยายามนึก แต่เท่าที่จำได้ชื่อนี้เขาไม่เคยรู้จักเลย
“ผมไม่เคยรู้จักคนชื่อพลอยขวัญมาก่อน เธอคือใครเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก เธอเป็นคนของบริษัทที่เดือนหน้าจะมาอยู่ดูงานที่นี่ประมาณสองอาทิตย์ แต่ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเธอยังไงก็ไม่รู้ นึกว่าเคยรู้จักกันมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก”
“ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ว่าเพื่อนหรือคนรู้จักของนายที่ชื่อพลอยขวัญไม่มีนะครับ”
“งั้นเหรอ ฉันคงคิดมากไป เอาเถอะ นี่ก็เย็นแล้ว ถึงเวลาเลิกงานแล้ว” ภูชิตบอกก่อนจะเก็บเอกสารพร้อมหอบทุกอย่างกลับไปทำต่อที่บ้านเช่นเคย
ตลอดการเดินทางกลับเพียงฟ้าไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ตอนนี้เธอเอาแต่คิดถึงเรื่องของผู้ชายคนนั้น มาคิดอีกทีการที่เขาจำเธอไม่ได้ก็นับว่าดีแล้ว เรื่องราวระหว่างเธอกับเขาจบลงตั้งแต่ที่เขานอกใจเธอแล้ว ต่อจากนี้นอกจากเรื่องงานเธอก็ไม่มีอะไรต้องไปข้องเกี่ยวกับเขาอีก แต่การที่ต้องไปอยู่ใกล้เขาแม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้เธอแอบวิตกอยู่ดี
“คิดอะไรอยู่เหรอครับคุณพลอย”
“ไม่มีอะไรค่ะบอส พลอยก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สำคัญอะไร” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“คุณพลอยมีปัญหาเรื่องการทำงานใช่ไหมครับ ถ้ามีอะไรคุณบอกผมได้เลยนะ”
ถึงแม้เจ้านายหนุ่มจะพูดอย่างนั้นแต่เธอก็ไม่อยากสร้างความหนักใจให้เขา เนื่องจากนี่เป็นโพรเจกต์แรกที่เธอต้องรับผิดชอบ เธอจึงไม่อยากมีปัญหา อีกอย่างร่วมงานกันไม่นานทุกอย่างก็คงจบแล้ว แค่เธอยอมฝืนใจหน่อยก็คงไม่เป็นไร
“ขอบคุณนะคะ แต่พลอยไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ พลอยจะตั้งใจทำงานออกมาให้ดีที่สุด ให้สมกับที่บอสให้โอกาสพลอยนะคะ”
“ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจ เรื่องลูกคุณพลอยไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ อันที่จริงเอาลูกมาทำงานด้วยทางนั้นก็คงไม่ว่าอะไรหรอก”
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พลอยไป ๆ มา ๆ ได้ อีกอย่างไปดูงานแค่ไม่กี่อาทิตย์เอง พลอยฝากคนดูแลน้องฝนได้ค่ะ” เธอตอบปฏิเสธเพราะไม่ต้องการพาลูกสาวตัวน้อยมาให้เขาคนนั้นเห็นหน้า เธอไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าลูกสาวเธอเป็นสายเลือดของชายหนุ่ม
ณ บ้านเช่าหลังน้อย
“อะไรนะเพียง เธอไปเจอคุณภูชิตมาเหรอ” ชลิตามีสีหน้าตกใจหลังจากได้ยินเพียงฟ้าเล่าให้ฟัง
“ใช่ แต่ตอนแรกฉันกลัวมากเลยตา แต่พอรู้ว่าเขาจำฉันไม่ได้ ฉันก็สบายใจ”
“แน่ใจเหรอเพียงว่าเขาจำเธอไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเล่นละครหลอกเธอหรอกนะ”
“เขาบอกว่าเคยเกิดอุบัติเหตุเลยความจำเสื่อม ท่าทางของเขาไม่ได้โกหกนะ เขาจำฉันไม่ได้จริง ๆ แววตาที่เขามองมาที่ฉันว่างเปล่ามาก แถมยังมีรอยแผลเป็นที่หน้าอีก แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ การทำงานจะได้ไม่ยุ่งยาก ฉันคงต้องฝากเธอดูแลน้องฝนต่อหน่อยนะ”
“ถ้าเรื่องหลานไม่ต้องห่วงเลย พ่อแม่ฉันชอบเด็กจะตายไป ยิ่งเป็นหนูฝนด้วยแล้วยิ่งแข่งกันเอาอกเอาใจหลานใหญ่ แม่ฉันยังพูดกรอกหูทุกวันเมื่อไหร่จะมีหลานให้ท่าน ดีหน่อยที่ยังมีหนูฝน ไม่งั้นฉันคงปวดกบาลแย่”
