บท
ตั้งค่า

2 เธอ…คนที่ทิ้งเขาไป

คฤหาสน์ทรัพย์ไพศาล

ครอบครัวทรัพย์ไพศาล เป็นครอบครัวของผู้มีอันจะกิน โดยมีคิริน เป็นประมุขของบ้าน ตามมาด้วยภัทริน ภรรยาผู้เป็นที่รักซึ่งไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ ทั้งสองจึงต้องรับเลี้ยงเด็กจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเป็นลูก ซึ่งรับมาด้วยกันถึงสามคน เป็นชายทั้งสาม นำด้วยคิมหันต์ ต่อมาคือคลื่นสมุทร สุดท้ายคือคีตะ ทั้งสามถูกเลี้ยงดูอย่างดีมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ถูกปฏิบัติอย่างเสมอภาคและเหมือนว่าเป็นลูกแท้ๆของคิรินและภัทริน

ไม่บ่อยนักที่ลูกชายทั้งสามคนจะถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านอย่างพร้อมหน้าแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะผู้เป็นพ่ออ้างว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าถูกเรียกตัวมาเพราะเรื่องอะไร ถึงได้เอาแต่นั่งเงียบ มองหน้าผู้เป็นพ่อแม่ไม่วางตาเหมือนกันทั้งสามคน

“ที่ฉันเรียกพวกแกมาวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องสำคัญ” คิรินว่าพลางหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมา

“อย่าบอกนะว่าพ่อจะเปิดพินัยกรรม…พ่อยังไม่ตายสักหน่อย” แล้วคีตะที่มีนิสัยชอบกวนประสาทและหาเรื่องทะเลาะกับพ่อ ก็แทรกขึ้นมาทันควัน

“พออ้าปากพูดแกก็ทำเหมือนจะแช่งให้ฉันตายเลยนะไอ้ลูกบ้า!”

“พ่อมีอะไรก็พูดมาเถอะครับ บ่ายนี้ผมมีประชุม” ส่วนคิมหันต์ พี่ชายคนโต ก็เห็นเรื่องงานสำคัญกว่าทุกเรื่องเสมอ

“มึงไม่ต้องแทรกขึ้นมาแล้วนะไอ้คีย์ ให้พ่อพูดให้จบก่อน ไม่งั้นคงต้องเสียเวลาอยู่ตรงนี้ทั้งวัน” คลื่นสมุทรเหนื่อยจะฟังพ่อกับน้องชายทะเลาะกัน จึงได้ออกปาก ทั้งๆที่ปกติเขาไม่ค่อยชอบที่จะพูดเท่าไหร่

“เออๆ” คีตะรับคำพี่ชาย ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อและแม่ “ตกลงพ่อมีอะไร?”

“อย่างที่พวกแกรู้…การเป็นลูกชายของฉัน ทุกคนต้องมีหน้าที่ คิมก็ดูแลบริษัท คลื่นทำค่ายเพลง มีแต่แก…ไอ้คีย์ ที่ไม่เอาห่าอะไรเลย!”

“เรื่องนี้อีกแล้ว!” คีตะส่ายหน้าไปมา “ผมแค่ทำในสิ่งที่พ่อไม่ชอบ ไม่ได้แปลว่าผมไม่เอาห่าอะไรเลยสักหน่อย!”

ปึง!

คิรินไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับลูกชาย จึงหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากซองเอกสาร วางกระแทกลงบนโต๊ะ มันคือรูปถ่ายของหญิงสาวคนหนึ่ง เจ้าของรอยยิ้มสดใสและใบหน้าสวยน่ารัก เพียงแค่มองสามทหารเสือก็รู้ดีว่าเธอคือใคร

“คาริสา วัชรกิตติกร เป็นลูกสาวของคุณมณีกานต์ เจ้าของโรงเรียนวัชรกิตติกร พวกแก…หนึ่งในสามจะต้องแต่งงานกับหนูคนนี้”

“?!!” คีตะเงยหน้าจากรูปถ่ายขึ้นมามองหน้าพ่อ ก่อนจะหันไปหาพี่ชายทั้งสอง

“ผมไม่แต่ง ผมรับภาระใหญ่ที่สุดมาแล้ว ให้ไอ้คลื่นกับไอ้คีย์มันเลือกก็แล้วกัน” คิมหันต์รีบออกตัว

“ผมว่าไอ้คีย์มันอยากแต่งกับคนนี้นะ พ่อเลือกมันเลย” คลื่นสมุทรรีบตามพี่ชายคนโตไป

“ฉันรู้ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่ฉันรับปากคุณมณีกานต์เขาไว้แล้ว ถ้าผิดคำพูดก็เสียผู้ใหญ่ อีกอย่าง…หนูริสาก็หน้าตาสวยน่ารัก ใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง พวกแกไม่ถูกใจกันบ้างเลยเหรอ? จะเกี่ยงกันทำไม? ไม่ได้จะให้แต่งวันนี้พรุ่งนี้ ฉันจะจัดนัดให้ไปดูตัวกันก่อน…ศึกษาดูใจกันสักระยะ แล้วค่อยแต่งก็ได้”

“ส่งไอ้คีย์ไปเถอะครับพ่อ มันยังไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรเลยนี่ งานที่ธนาคารก็ไม่ต้องทำ ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ พ่อน่าจะให้มันรับผิดชอบอะไรบ้าง”

“ผมเห็นด้วยกับคิม พ่อส่งไอ้คีย์ไปเลย” คลื่นสมุทรรีบเสริมคำพี่ชาย

“เห้ย! พวกมึงไม่คิดจะช่วยกูหน่อยหรือไง?!” คีตะถลึงตาใส่พี่ชายทั้งสอง

“หรือมึงจะให้กูแต่ง? ยอมได้เหรอ? ใจกว้างขนาดนั้นเลยหรือไง?” คิมหันต์ถามกลับ

“หรือกู? สวยๆแบบนี้กูชอบนะ…แต่งแล้วค่อยหย่าเอาทีหลังก็ได้” คลื่นสมุทรก็ทำเช่นเดียวกัน

“พอๆ ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจตอนนี้…พวกแกไปคุยกันเองแล้วค่อยมาบอกฉันทีหลัง แต่ตอนนี้มาฟังข้อมูลของหนูริสากันก่อน…จากที่แม่เขาบอกมา หนูริสาเนี่ย ใสซื่อ น่ารัก ไม่เคยมีแฟนหรือผ่านผู้ชายมาก่อน ตอนนี้ทำงานเป็นนักเขียน การงานถือว่ามั่นคงทีเดียว เรื่องนิสัยส่วนตัว…ฉันว่าพวกแกไปเรียนรู้กันเองดีกว่า”

“หึ!” ในตอนนั้นคีตะก็แสยะยิ้มออกมา

“อะไรไอ้คีย์?”

“พ่อเชื่อข้อมูลพวกนั้นเหรอ? ที่บอกว่าใสซื่อ ไม่เคยผ่านมือผู้ชาย?! แล้วไอ้การงานมั่นคงอะไรนั่นอีก แม่งโกหกชัดๆ”

“แกว่าไงนะ?”

“ช่างแม่งเหอะ! ถ้าแต่งแล้วจะได้อะไร?” คีตะบอกปัดพลางลุกขึ้นยืน

“อะไรนะ?”

“ผมถามว่าถ้าผมยอมแต่งงานกับยายนี่! แล้วผมจะได้อะไร?!”

“กูว่าแล้ว” คลื่นสมุทรเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแล้วหันไปหาคิมหันต์อย่างรู้กัน

“แล้วแกอยากได้อะไร?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม

“อิสระ…ถ้าผมยอมแต่งงาน พ่อจะต้องปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ห้ามเข้ามาจัดการชีวิตผม แล้วก็ห้ามมาบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ผมจะต้องได้เป็นดีเจต่อไป…ถ้าพ่อยอมได้ ผมจะเป็นคนที่แต่งงานเอง!”

“ก็เอาสิ เอาแบบนั้นก็ได้ แต่แกรู้ไว้ซะ! ว่าแต่งแล้วห้ามหย่า! และภายในหนึ่งปีแกต้องมีหลานให้ฉัน!”

“หึ! เรื่องแค่นั้นผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” จบคำนั้นคีตะก็เดินออกไปจากห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ

“งานนี้สนุกแน่…” คิมหันต์ว่า

“กูก็ว่างั้นแหละ”

“สนุกอะไร? พวกแกสองคนพูดเรื่องอะไรกัน บอกฉันมานะ” คิรินมองหน้าลูกชายทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ

“พ่อจำได้ไหมตอนที่ไอ้คีย์มันออกไปจากบ้านเพราะทะเลาะกับพ่อเรื่องเป็นดีเจ มันไปอยู่กับผู้หญิง…แล้วยายนั่นก็ทิ้งมันไป มันช้ำมาสองปีเต็มๆ เพิ่งจะดีขึ้นมาได้ก็ไม่กี่วันนี้เอง” คิมหันต์เล่าให้พ่อฟัง

“แล้วไง?”

“ผู้หญิงที่ทิ้งมันก็คือคนที่พ่อหาให้มันแต่งงานด้วยไง…เพราะงั้นไอ้ข้อมูลที่ว่าไม่เคยมีแฟน ไม่เคยผ่านมือผู้ชาย มันไม่จริง”

“แกกำลังจะบอกฉันว่าหนูริสากับไอ้คีย์เคยเป็นแฟนกันมาก่อนงั้นเหรอ?”

“ครับ”

อพาร์ทเมนท์เสริมสุข

คาริสามาที่อพาร์ทเมนท์เก่าๆแห่งหนึ่ง เธอไม่ได้มาได้เหยียบที่นี่นานถึงสองปีเต็มๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้เธอถึงกลับมา ไม่รู้เป็นเพราะความหลังครั้งเก่า เพราะเธอยังไม่ลืมเรื่องราวในอดีตหรือเพราะวันนี้เธอได้รู้ความจริงอะไรบางอย่างกันแน่ หญิงสาวลงจากรถ Mercedes Benz คันหรู เดินผ่านห้องนิติเก่าขึ้นบันไดมาที่ชั้นห้า ตรงไปยังห้องริมสุด หยุดยืนมองประตูหน้าห้องอยู่พักใหญ่

เธอเคยอยู่ที่นี่เมื่อสองปีก่อน ใช้เวลาอยู่ในห้องรูหนูเป็นเวลาสองปีเต็มๆ เอาชีวิตวัยยี่สิบสองถึงยี่สิบสี่ปีมาทิ้งไว้ที่นี่ ที่ที่เต็มไปด้วยเสียงด่าทอ เสียงตบตี พอมองย้อนกลับไปแล้ว…มันคือความผิดพลาดที่แสนจะไร้เดียงสา ตอนนั้นเธอยังเด็ก ใสซื่อ โลกสวยและลุ่มหลง คิดว่าความรักจะสามารถเอาชนะทุกอย่างได้ คิดว่าถ้าอดทนแล้วอะไรมันจะดีขึ้น แต่สุดท้าย…ความรักก็พาเธอไปไม่ถึงฝัน

“อ้าวน้อง…” ในตอนนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา เรียกร้องให้คาริสาตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมอง

“คะ?” หญิงสาววัยสี่สิบที่อยู่ข้างห้อง ทำงานเป็นสาวคาราโอเกะที่ทะเลาะตบตีกับสามีไม่เว้นแต่ละวัน

“ไม่เจอกันนานเลยนะ ไปไงมาไงล่ะ?”

“…” แล้วเธอจะตอบคำถามนั้นว่ายังไงกัน จะบอกว่าย้อนกลับมารำลึกความหลังงั้นเหรอ?

“นึกว่าเลิกกันไปแล้วซะอีก กับพ่อหนุ่มดีเจคนนั้นอะ เมื่อวานพี่เจอเขาหน้าห้อง เห็นทีไรก็เมาทุกที”

“เขามาที่นี่เหรอคะ?”

“อ้าว! ก็ต้องมาสิ…พี่เห็นไม่บ่อยหรอกนะ แต่ห้องนี้เขาก็ยังเช่าอยู่ไม่ใช่เหรอ? พี่ไปทำงานก่อนนะ” จบคำนั้นสาวคาราโอเกะก็หันหลังเดินออกไป คำพูดของเธอทำให้คาริสาอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงยังอยู่ที่นี่อีก แล้วถ้าแบบนั้น…ถ้าเขายังอยู่จริงๆ แสดงว่ากุญแจห้องที่เธอมีมันก็อาจจะยังใช้ได้น่ะสิ

คาริสาไม่รอช้า เธอรีบลงบันไดกลับมาที่รถ หยิบไดอารีส่วนตัวที่เธอเขียนอยู่เป็นประจำออกมาจากกระเป๋า เปิดไปที่หน้าสุดท้าย ตรงปกที่เป็นกระดาษแผ่นหนา เธอเอากุญแจห้องแปะไว้กับสกอตช์เทป เธอแกะมันออกแล้วกลับมาที่ชั้นห้า ไขเข้าห้องอย่างไม่รีรอ และก็พบว่ามันยังไขได้ เขาคนนั้นไม่ได้เปลี่ยนกุญแจ

เพียงแค่เท้าเล็กก้าวเข้ามาในห้อง หัวใจของเธอก็เต้นแรง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆยังคงไว้ตามเดิม โต๊ะทำงานของเธอ ชั้นวางหนังสือ หรือแม้แต่มุมต้นไม้ เธอกวาดสายตาที่เคลือบไว้ด้วยน้ำตามองไปรอบห้อง มุมที่เขาคนนั้นใช้ทำงานก็ยังเหมือนเดิม…เตียงนอน ผ้าปูที่นอน โซนครัวที่เล็กจนแทบทำอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย มันเหมือนกับตอนที่เธอและเขายังอยู่ด้วยกันที่ห้องนี้…รักกัน มีความสุขด้วยกัน หัวเราะร่วมกัน จนกระทั่งวันที่เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรค่าที่จะได้ยืนเคียงข้างเขา ทุกความรู้สึกเก็บเล็กผสมน้อยจนวันที่มันแตกหัก วันที่เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกและหันหลังให้เขา…แต่ทุกเรื่องราว…ก่อนที่มันจะเดินทางมาถึงจุดจบ มันมีจุดเริ่มเสมอ และคาริสายังจำวันนั้นได้ดี วันที่เธอเริ่มต้นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยเธอเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel