บทย่อ
เมื่อความรักที่เคยหวาน เดินทางมาถึงจุดจบ เธอเป็นฝ่ายบอกเลิก ยอมกลายเป็นคนเลวในสายตาเขา ยอมให้เขาโกรธเกลียด ด่าทอสารพัด แต่แล้วเธอกลับได้พบว่าผู้ชายที่จะต้องแต่งงานด้วย ที่แท้คือคุณแฟนเก่าที่เธอทิ้งมา!
1 เขาคนนั้น
บ้านวัชรกิตติกร
คาริสา วัชรกิตติกร นักเขียนสาววัยยี่สิบหกปี เจ้าของใบหน้าสวยปนน่ารักราวกับตุ๊กตา ด้วยเพราะมีดวงตาที่กลมโต ปากกระจับเล็กๆ กับจมูกโด่งหน่อยๆ ทำให้เธอดูสะดุดตากว่าใครหลายคน เธอกำลังนั่งมองเอกสารสัญญาที่เคยได้ลงนามเซ็นชื่อไว้เมื่อสองปีก่อน โดยมีมณีกานต์ วัชรกิตติกร ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้า มองมายังลูกสาวเพียงคนเดียวไม่วางตาแอบยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ราวกับว่ากำลังสะใจอะไรบางอย่างอยู่ไม่น้อย
“นี่อะไรคะแม่? แม่เรียกริสามาอ่านสัญญาพวกนี้ทำไม?” แค่เห็นสัญญา คาริสาก็อดที่จะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้
“ฉันให้แกอ่านสัญญาพวกนี้…ก็เพราะตอนนี้มันถึงเวลาที่แกต้องทำตามสัญญาที่เคยเซ็นไว้แล้วไงริสา”
“…” หญิงสาวพูดไม่ออก เมื่อได้ยินผู้เป็นแม่พูดว่าถึงเวลาที่เธอต้องทำตามสัญญา
“สัญญามันมีอยู่ข้อเดียวและมันบอกไว้ว่า…ถ้าฉันเลิกตัดแต่ตัดลูกแล้วยอมรับแกกลับเข้ามาอยู่ในบ้านอีกครั้ง ยอมยกสมบัติทั้งหมดให้แกตามเดิมเหมือนที่เคยเป็น ยอมให้แกได้เป็นนักเขียนนิยายออนไลน์อะไรนั่นแทนการทำงานที่โรงเรียนของเรา แกจะต้องแต่งงานกับคนที่ฉันหาให้” มณีกานต์เอ่ยด้วยรอยยิ้มสะใจ เพราะรู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวกำลังหลังชนฝาและไม่มีทางหนีไปไหนได้อีกแล้ว
“ไหนแม่บอกว่า…อีกสองปีไง”
“ก็นี่ไง…นับตั้งแต่วันที่แกเซ็นสัญญา มันผ่านมาสองปีแล้ว”
“แต่ริสา…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นริสา แกมีหน้าที่ทำตามสัญญา แกต้องแต่งงาน และถ้าแกจะมองหาทางเลือก…ฉันก็มีทางเลือกให้แกสามทางคือหนึ่ง แกจะแต่งกับลูกชายคนโต หรือสอง…แกจะแต่งกับลูกชายคนรอง และสามซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายคือแกจะแต่งกับลูกชายคนสุดท้อง”
“นี่เหรอคะทางเลือกของแม่? ที่แม่พูดมา…มันแปลว่าริสาไม่มีทางเลือกเลยต่างหาก!”
“ก็ใช่ไง แกไม่มีทางเลือก ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหนึ่งในสามของลูกชายบ้านทรัพย์ไพศาล แกรู้ใช่ไหมว่าคุณคิรินเขามีบุญคุณกับเราแค่ไหน วันนั้นถ้าไม่ได้เขา…โรงเรียนของเราก็คงเจ๊งไปแล้ว และแกก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะมันจะถูกขายทอดตลาด” มณีกานต์กำลังพูดถึง โรงเรียนวัชรกิตติกร โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่เป็นกิจการของครอบครัว ที่ซึ่งสามีของเธอหรือพ่อของคาริสาก่อตั้งขึ้นมา และเขาจากไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นโรงเรียนก็เข้าสู่สภาวะวิกฤติทางการเงิน มณีกานต์จึงได้ยื่นมือขอให้ธนาคารทรัพย์ไพศาลช่วยเรื่องเงินกู้จำนวนหลายร้อยล้าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเจรจาเรื่องการดองเป็นทองแผ่นเดียวกันของทั้งสองบ้าน
“ริสารู้แล้ว! แม่พูดเรื่องนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!”
“งั้นแกก็แค่เลือกมาว่าถูกใจคนไหน…เริ่มที่คนแรก…คิมหันต์หรือคิม ลูกชายคนโต อายุสามสิบ ฉันว่าเขาเป็นการเป็นงานและจริงจังมากที่สุด เห็นว่าเป็นคนนิ่งๆ สุขุมแล้วก็เย็นชา แต่ฉันว่าดีนะ…ดุๆแบบนี้จะได้จัดการเด็กดื้อไม่รู้จักโตแบบแกได้ไง หน้าตาเขาก็หล่อนะ อย่างกับพระเอกหนังมาเฟียฮ่องกงแน่ะ ที่จริงลูกชายบ้านนี้ก็หล่อกันทั้งสามคนนั่นแหละ เขาจบปริญญาหลายใบจากเมืองนอก ขึ้นชื่อเรื่องความฉลาดและเด็ดเดี่ยว ตอนนี้เขารับตำแหน่งประธานธนาคารทรัพย์ไพศาลแทนคุณคิริน ฉันเชียร์คนนี้นะ แต่จะไม่บังคับแกหรอก ให้แกเลือกเองดีกว่า” มณีกานต์บอกข้อมูล พร้อมกับยื่นรูปถ่ายของคิมหันต์ให้คาริสาได้ดู
“…” ซึ่งคาริสาก็แค่ดู ก่อนจะวางรูปถ่ายลง คิมหันต์หน้าตาดูดี ออกไปทางหล่อก็จริง แต่อายุมากกว่าเธอตั้งสี่ปีแถมยังดูดุด้วย ถ้าแต่งงานกันไป เธอคงไม่ต้องกลายเป็นเด็กในโอวาทหรือไง “ขอคนที่สองค่ะ”
“คนที่สองก็นี่เลย…คลื่นสมุทรหรือคลื่น ลูกชายคนรอง อายุยี่สิบเก้าปี คนนี้นิ่งเหมือนพี่ชาย แต่ไม่ได้เย็นชาเท่า เขาเป็นคนค่อนข้างเงียบ ประมาณว่าชอบคิดมากกว่าพูด จะพูดเฉพาะเรื่องที่สำคัญหรือพูดเพราะเริ่มรำคาญใครสักคนขึ้นมา เขาไม่ต่อต้านแต่ก็ไม่ทำตาม เขาจะทำในสิ่งที่เห็นชอบและตอนนี้เขาก็กำลังทำสิ่งที่ชอบ นั่นก็คือการเป็นผู้บริหารค่ายเพลงน่ะ แกน่าจะรู้จัก Sun Record ไง เขาดังมากเลยนะ เก่งด้วย ศิลปินในค่ายเพลงของเขาก็ดังทั้งนั้น…ที่สำคัญเขาหล่อไม่แพ้พี่ชายเลย คนนี้ฉันก็เชียร์”
“มีคนที่แม่ไม่เชียร์ไหม?” คาริสาเลิกคิ้วถามผู้เป็นแม่ ขณะที่วางรูปถ่ายของคลื่นสมุทรลง คนนี้เธอเคยเห็นอยู่หลายครั้งผ่านข่าวในอินเทอร์เน็ต หน้าตาหล่อเหลาปานนายแบบเกาหลี แววตาก็ดูอบอุ่น แต่เธอเคยอ่านสัมภาษณ์ของศิลปินในค่าย Sun Record ว่าเขาคนนี้ดุเสียยิ่งกว่าพญาเสือในป่าลึก
“มีสิ…คนนี้ไง” ว่าแล้วมณีกานต์ก็วางรูปถ่ายใบสุดท้ายลงตรงหน้าลูกสาว
“นี่มัน…” และเมื่อคาริสาได้เห็นรูป เธอก็นิ่งไปในทันที เหลือบตาขึ้นมองผู้เป็นแม่พร้อมดวงตาที่แดงก่ำ
“คีตะหรือคีย์ ลูกชายคนเล็กวัยยี่สิบแปด นิสัยกวนประสาท ชอบแกล้งเป็นที่หนึ่ง เขาแตกต่างจากพี่ชายทั้งสองคน รักความอิสระเป็นที่หนึ่ง ไม่ชอบการถูกบังคับ รักในเสียงดนตรี รักมากเสียจนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อไปวิ่งตามความฝันของตัวเอง นั่นคือการเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์หรือดีเจอะไรสักอย่าง และเขาทำมันได้…เขากลายเป็นดีเจที่มีชื่อเสียงด้วยแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายใต้ชื่อ K.E.Y”
“ฮึก! แม่! แม่รู้มาก่อนหรือเปล่า?!” หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนเจ็บปวด ชวนให้น้ำตาพลันไหลออกมา นี่มันยิ่งกว่าตกใจ ยิ่งว่าโมโหหรือตื่นกลัว คาริสากำลังช็อกกับสถานการณ์ที่ยากจะอธิบาย
“ไม่…ฉันไม่รู้ เพิ่งรู้ก็ตอนที่เห็นรูปนี่แหละ”
“มันจริงเหรอคะ?! เขาเป็นลูกชายของคุณลุงคิริน เจ้าของธนาคารทรัพย์ไพศาลจริงๆเหรอ?!”
“จริง ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง”
“ละ…แล้วเขารู้ไหม? ฮึก! เขารู้ไหมว่าเขาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของคนที่จะได้แต่งงานกับริสา?!” คาริสาเอ่ยถามพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น
“ไม่รู้สิ แกต้องไปถามเขาเอาเอง”
“นี่มันเรื่องอะไรกันอะแม่?! อยู่ๆเขามาเป็นลูกชายของคุณลุงคิรินได้ยังไง? จะมาเป็นทายาทธนาคารที่มีสมบัติเป็นหมื่นๆล้านได้ยังไง?!”
“เขาไม่ได้เพิ่งมาเป็น! ริสา…คีย์น่ะ เขาเป็นทายาททรัพย์ไพศาลมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่แค่แกไม่รู้”
“ฮึก! มันไม่ใช่แค่หนูไม่รู้! แต่เขาปิดบัง! คนหลอกลวงนั่นจงใจปิดบังทุกอย่างแล้วแกล้งทำเป็นไม่มีเงิน!” จบคำนั้นคาริสาก็คว้ากุญแจรถแล้วรีบเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ ทำราวกับว่ามีที่ที่ต้องไปให้ได้
“ริสา! แล้วแกจะไปไหน?! กลับมานี่ก่อน! แกยังไม่ได้เลือกเลยนะว่าจะแต่งกับใคร! คิม คลื่นหรือคีย์?!”

