บท
ตั้งค่า

บทที่4 ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นเดิม

“ฮูหยินเจ้าคะ มีจดหมายจากจวนรองเสนาบดีเว่ยเจ้าค่ะ” เสี่ยวซู่ที่เข้ามาด้านในอีกครั้งส่งเสียงขึ้นพร้อมกับยื่นจดหมายส่งให้ผู้เป็นนาย เยว่เฟิงหนิงขมวดคิ้ว แต่ก็รับมา ชั่วครู่ก็คลายปมที่หว่างคิ้วเมื่อหวนคิดถึงชีวิตครั้งก่อนได้

ชีวิตก่อนนางก็ได้รับจดหมายนี้เช่นกัน...และมันก็เป็นดั่งจุดเริ่มต้นที่นำพานางไปสู่ความตาย

เยว่เฟิงหนิงไม่คิดเปิดอ่านด้วยรู้เนื้อหาในจดหมายดีอยู่แล้ว นางทำเพียงให้เสี่ยวซู่สั่งคนเตรียมน้ำให้อาบและวางจดหมายทิ้งเอาไว้และไปแช่น้ำ หวังให้ความเย็นของน้ำทำให้จิตใจของนางสงบลงได้

ชีวิตก่อนเว่ยฮูหยินส่งจดหมายมาให้หว่านล้อมว่าคิดถึงนางอยากจะพบเจอและอยากให้คืนดีกันกับเว่ยซูหนี่ที่โกรธนางที่แย่งชิงคู่หมั้น ให้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จวนเสนาบดีกรมอาญาในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

และในงานเลี้ยงนั้นนั่นเองที่นางได้พบเจอกับกู้จื่อเฉียนอีกครั้งหลังจากที่นางเคยชมชอบเขาก่อนจะเกิดเรื่องจนต้องแต่งเข้าสกุลเฉิน และเขาก็แสดงท่าทีว่าสนใจนาง จนทำให้นางทำเรื่องไม่ควรดั่งเช่นการลักลอบติดต่อกับชายอื่นลับหลังสามี จนนำไปสู่การทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อกู้จื่อเฉียน จนส่งเขาขึ้นบัลลังก์มังกรได้สำเร็จ

พอหวนคิดถึงเหตุการณ์ในชีวิตก่อน นางก็ได้ขบคิดถึงกู้จื่อเฉียนขึ้นมา บุรุษผู้นั้นแม้ไม่ได้เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลอย่างที่นางคิดในตอนแรก แต่ก็มักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยานเกินไป

ลำพังแค่มีมารดาเป็นองค์หญิงผู้เป็นขนิษฐาของฮ่องเต้ก็คิดการใหญ่อยากปีนขึ้นที่สูง

คิดแล้วก็ให้รู้สึกขบขันตนเอง เดิมทีตำแหน่งฮ่องเต้ไม่มีทางตกถึงมือของกู้จื่อเฉียน แม้ว่าสายพระโลหิตฮ่องเต้จะล้มหายตายจาก ก็ยังมีบุตรชายขององค์หญิงอีกหลายคน แล้วเพราะเหตุใดเล่าที่ทำให้เขาไปถึงตำแหน่งนั้นได้

“หึ”

ล้วนเป็นเพราะนาง

ทุกอย่างล้วนเป็นนางที่เปิดทางให้เขา หากนางไม่วางหลักฐานกบฏไว้ป้ายสีสามี จนเฉินอวิ๋นหยางผู้เปรียบดั่งเทพสงครามแห่งต้นเฉียนถูกนำตัวไปคุมขังและจบชีวิตในคุก มีหรือทุกอย่างจะง่ายดาย หากนางไม่ช่วยเหลือ เหล่าองค์ชายมีหรือจะล้มตาย ล้วนเป็นนางทั้งสิ้น

แม้ว่าสุดท้ายแล้วเฉินอวิ๋นหยางจะวางหมากเอาไว้เบื้องหลังทำให้เหล่าองค์ชายยังคงมีชีวิตรอด แต่เพื่อแผนการนั้นผู้ที่ไม่ใช่เชื้อพระวงค์ก็ล้มตายไปมาก

แล้วเส้นทางเช่นนั้นนางจะปีนป่ายไปกับเขาอีกหรือ?

อยู่ ๆ ประโยคคำถามนั้นก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด และจมไปกับความคิดนั้นอยู่เนิ่นนาน

หากว่า...

หากว่านางคือเว่ยซูหนิงตัวปลอมที่ไร้ความทรงจำเดิมที่ย้อนเวลากลับมา นางอาจจะพยายามไม่ให้ชีวิตของตนต้องพบจุดจบเช่นเดิม เลือกที่จะหลีกหนีจากกู้จื่อเฉียนและสกุลเว่ยและพึ่งพาเฉินอวิ๋นหยางก็เป็นได้ เพราะเว่ยซูหนิงไร้ที่พึ่งใดนอกจากจวนแม่ทัพแห่งนี้

แต่นางที่ย้อนกลับมาคือผู้ที่มีความทรงจำเดิมเล่าจะเลือกเส้นทางเช่นไร

แน่นอนว่านางมีทางเลือกมากกว่าเว่ยซูหนิงตัวปลอม เพราะนางมีต้าเยว่อยู่เบื้องหลัง มีกองกำลังและยอดฝีมือที่หยิบจับได้

หากเลือกอยู่เคียงข้างกู้จื่อเฉียน แผนการของเขาย่อมสำเร็จโดยไม่ถูกซ้อนแผนอย่างแน่นอน

ทว่า...นางปรารถนาจะทำหรือ?

ไม่...นางไม่ปรารถนาจะทำเช่นนั้นแล้ว

‘กู้จื่อเฉียน แม้เจ้าไม่ได้เป็นผู้กำจัดข้า แต่ข้าก็ไม่ปรารถนาจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นอีก ข้าเยว่เฟิงหนิงมือเปื้อนเลือดมามากพอแล้วจะไม่เปื้อนเลือดเพื่อปรารถนาเกินตัวเช่นนั้นของเจ้าอีกแล้ว’

ด้วยตระหนักได้ว่าตนคือเป่ยเยว่อ๋องแห่งต้าเยว่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุหรือผล ด้วยความจำเป็นหรือความต้องการ นางก็เลือกกู้จื่อเฉียนไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากนางคิดเคียงข้างคนผู้นั้น บัลลังก์ที่จะถูกปล้น ย่อมมิใช่ของอันหมิงฮ่องเต้ แต่อาจจะเป็นบัลลังก์ที่นางเคยเกือบได้ครอบครองทั้งที่ใจมิอยากได้ เป็นเช่นนั้น ต่างอันใดกับการเปิดเส้นทางให้แคว้นเยว่ล่มสลายเล่า

คนผู้นั้นทะเยอทะยานเกินไป ซ้ำเว่ยซูหนิงยังอยู่ข้างกายเขา จะแน่ใจได้อย่างไรว่าหากนางเลือกเขาแล้วเขาจะไม่ทำให้สตรีผู้นั้นขึ้นที่สูงเหยียดหยามนาง นางไม่มีวันเปิดโอกาสให้อย่างแน่นอน

คิดได้เช่นนั้น ความหนักอึ้งก็คล้ายจะคลายลงไปเล็กน้อย บางสิ่งบางอย่างในหัวใจก็เช่นกัน

ตั้งแต่ตระหนักได้ว่าตนหวนคืนมา นางยังไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของตนให้ดี แต่ยามนี้ทุกอย่างเป็นที่แน่ชัดแล้ว...นางไม่มีใจให้กู้จื่อเฉียนอีกแล้ว

ไม่สิ...ความจริง ในใจนั้นมิได้ว่างเปล่าจนกู้จื่อเฉียนแทรกเข้าไปได้ ใบหน้าของคนผู้หนึ่งผุดขึ้นในความคิด นัยน์ตาหงส์แปรเปลี่ยนเป็นความคะนึงหา ยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจ กู้จื่อเฉียนผู้นั้นเทียบอันใดคนผู้นั้นได้เล่า

เมื่อเทียบน้ำหนักในใจนางระหว่างคนผู้นั้นกับกู้จื่อเฉียน เจ้าคนทะเยอทะยานนั่นไม่นับเป็นอันใดเลย

คิดได้เช่นนี้ ก็ยิ่งปลอดโปร่ง ในเมื่อไม่มีใจ ชีวิตใหม่นี้ที่บรรพบุรุษ หรือใครสักคนผู้นั้นมอบให้มา นางจะใช้มันปกป้องบุตรชายและบุตรสาว น้องชายและน้องสาว รวมไปถึงราษฎรต้าเยว่ของนาง สิ่งใดที่เป็นภัยต่อครอบครัวใหญ่ของนาง นางจะกำจัดทั้งหมด และคนเช่นนั้น นางก็เล่นงานได้โดยไม่ต้องรู้สึกอันใดแล้ว

ดังนั้นในตอนนี้สิ่งที่นางต้องรู้ ก็คือสิ่งที่นางในชีวิตก่อนไม่รู้ หรือรู้ไม่แน่ชัดเสียก่อน

“เสี่ยวซู่”

“ฮูหยินเรียกบ่าวหรือเจ้าคะ” เสี่ยวซู่ที่ก้าวเข้ามาส่งเสียงด้วยสีหน้างุนงง ด้วยว่าที่ผ่านมาฮูหยินแทบจะไม่เรียกหาตนเลย หรือเป็นเพราะเจียวเจียวสาวใช้คนสนิทของฮูหยินจับไข้ ฮูหยินจึงได้เรียกหานางแทน

“ข้าเบื่อหน่ายการอยู่แต่ในเรือนแล้ว” เยว่เฟิงหนิงไม่ตอบคำถามก่อนหน้า นางเพียงบอกเล่าที่มาที่ไป ก่อนจะบอกเจตนาของตนให้สาวใช้ฟัง “เจ้าช่วยบอกเล่าสถานการณ์ภายนอกให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าหากข้าออกจากเรือนจะต้องพบเจอเรื่องอันใดบ้าง”

“เอ่อ ให้บ่าวเป็นผู้พูดหรือเจ้าคะ”

“ในเมื่อข้าพูดเรื่องนี้กับเจ้า ก็ย่อมต้องให้เจ้าเป็นผู้ตอบ” ฮูหยินที่ลุกขึ้นมาทำเรื่องแปลกไปจากที่ผ่านมาตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่ได้อาละวาดใส่แต่อย่างใด แน่นอนว่าทุกการกระทำล้วนแปลกประหลาดสำหรับเสี่ยวซู่ สาวใช้ในเรือนเฟิงอวิ๋นต่างก็รู้ดีว่านายของตนเป็นเช่นไร ฮูหยินของพวกนางแม้จะเก็บตัวอยู่ภายในเรือนไม่ออกไปไหน แต่มิใช่อยู่อย่างเงียบสงบ และมิได้อยู่อย่างเรียบง่ายเย็นชา

ฮูหยินมักจะอารมณ์ไม่ดี ตะคอกไล่สาวใช้อยู่หลายครั้ง ปัดอาหารลงพื้นอยู่หลายหนด้วยว่ารสชาติไม่ถูกปาก ใบหน้าก็มักจะบึ้งตึงอยู่ตลอด ผู้ใดต่างก็เข้าหน้าไม่ติด ยิ่งวันใดคุณหนูและคุณชายมาขอคารวะ ก็จะอารมณ์ไม่ดียิ่งกว่าทุกวัน ไม่เพียงไล่ให้กลับไป แต่ยังพาลมาใส่สาวใช้

สาวใช้ที่กล้าพูดคุยกับฮูหยินก็มีเพียงแค่เจียวเจียวเท่านั้น ส่วนสาวใช้คนอื่น ต่างก็ไม่มีใครที่ฮูหยินสนใจเป็นพิเศษ และน้อยนักที่จะเรียกหา

ฮูหยินที่เป็นเช่นนั้น กลับเรียกสาวใช้นอกสายตาเช่นนางมาสอบถาม...นี่ย่อมสร้างความแปลกใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel