บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ตักเตือน

หลังจากที่ซูถังโหรวกำราบหยางเหิงได้แล้ว ผู้คนภายในจวนอ๋องก็ล้วนยินยอมศิโรราบต่อนาง ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องที่สามีของนางไม่ยอมกลับมาร่วมหอกับนางอีกแล้ว เพียงแต่แม้ว่าจะไม่มีคนพูดถึงเรื่องนี้แต่ก็ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของนางอยู่ดี ซูถังเยี่ยนผู้เป็นพี่ชายของนางจึงไม่คิดจะอยู่เฉย เขาเดินทางมาขอเข้าพบนางจนถึงจวนอ๋องเลยทีเดียว

“ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าคนที่สุดแสนจะเย็นชาอย่างเช่นฉู่อ๋องมีหรือที่จะดูแลเจ้าได้ แค่ให้เกียรติและใส่ใจเจ้าในฐานะพระชายาก็ยังไม่ทำเลย โหรวเอ๋อของพี่หลังจากวันนี้ไปเจ้าจะทำเช่นไร” คำพูดของพี่ชายทำให้ซูถังโหรวทอดถอนใจออกมา

“ข้าก็ยังอยู่ดีมีสุขมิใช่หรือ อย่างน้อยในฐานะพระชายาของฉู่อ๋องก็ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินและเหยียบย่ำข้า” ซูถังโหรวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำเมื่อคิดถึงชาติที่แล้วของตนเองที่เคยต้องทนอยู่อย่างไร้ซึ่งไร้ฐานะและถูกผู้คนดูหมิ่นและดูแคลนในตำหนักใน

ในชาติก่อนนางเคยคิดว่าการที่หลี่เฉิงอันละเลยนางทำเหมือนกับว่านางไร้ซึ่งตัวตนในจวนอ๋องเช่นนี้คือการเหยียดหยามและไม่ให้เกียรตินางอย่างเต็มที่แล้ว แต่สิ่งที่หลี่เฟยหลงทำกับนางกลับเป็นการเหยียบย่ำและทำลายศักดิ์ศรีของนางมากยิ่งกว่า และสิ่งที่น่าชิงชังมากที่สุดก็คือตัวของนางเอง ที่โง่เขลาหลงคิดว่าการที่นางเขียนหนังสือขอหย่าขาดแบบลับๆ กับหลี่เฉิงอันแล้วไปเป็นสตรีของหลี่เฟยหลงโดยไม่มีผู้อื่นรับรู้คือเรื่องที่ตนเองทำถูกต้องแล้ว

“โหรวเอ๋อ องค์ไท่จื่อมาสอบถามข่าวคราวของเจ้าทุกวัน วันนี้เขายังสอบถามข้าว่าหากเขาอยากจะพบกับเจ้า เจ้ายังยินดีที่จะพบกับเขาหรือไม่” คำพูดประโยคนี้ของพี่ชายทำให้ซูถังโหรวแค่นหัวเราะออกมาในทันที ชาติก่อนก็เป็นเช่นนี้หลี่เฟยหลงหลอกใช้พี่ชายของนางให้เป็นคนกลางที่คอยสานความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนาง

“เขาคงอยากจะให้ข้าถูกสามีทอดทิ้งเร็วๆ สินะ จึงได้ตั้งใจให้ท่านพี่มาพูดกับข้าเช่นนี้ กลับไปบอกเขาว่ายามนี้ข้าแต่งงานแล้วอีกทั้งยังมีฐานะเป็นถึงอาสะใภ้ของเขาด้วย หากเขาอยากจะมาคารวะเยี่ยมเยียนข้าอย่างเปิดเผยก็ย่อมได้ แต่เรื่องลักลอบพบกันต้องขออภัยด้วยข้าไม่คิดจะทำลายชีวิตของตนเองเพื่อให้ได้พบเขาหรอก” คำพูดของซูถังโหรวทำให้ซูถังเยี่ยนชะงักงันไปในทันที

“เจ้าก็รู้ว่าองค์ไท่จื่อปักพระทัยรักมั่นในตัวเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าจึงได้พูดจาตัดรอนออกมาเช่นนี้เล่า น้องรักนี่เจ้าตัดใจได้แล้วจริงๆ หรือ” คำถามของพี่ชายทำให้ซูถังโหรวจ้องมองเขาอีกครั้ง ยามนี้พวกเขาสองพี่น้องพูดคุยกันตามลำพังในศาลารับลมของจวน คนที่ไม่เกี่ยวข้องล้วนถูกซูถังโหรวไล่ออกไปแล้วเพื่อความเป็นส่วนตัวของพวกนางสองพี่น้อง

“พี่ใหญ่ องค์ไท่จื่อผู้นี้ท่านอย่าได้คบค้าสมาคมด้วยอีกเลย เรื่องเที่ยวเล่นตามบ่อนและหอคณิกาท่านก็ควรเลิกเสแสร้งแกล้งทำได้แล้ว เวลานี้สิ่งที่ต้องรีบทำมากที่สุดก็คือซื้อใจบรรดาผู้อาวุโสในสกุล ท่านก็เห็นแล้วมิใช่หรือว่าเป็นเพราะพวกเราไร้ซึ่งอำนาจอยู่ในมือจุดจบของข้าจึงได้เป็นเช่นนี้ หากท่านได้เป็นใหญ่มีหรือที่ข้าจะถูกผู้อื่นจับโยนไปโยนมาเช่นนี้” คำพูดของซูถังโหรวทำให้ซูถังเยี่ยนนิ่งงันไป

“พี่ใหญ่ ท่านพ่อของพวกเรามีอำนาจอยู่ในมือก็จริงแต่เขาไม่เคยคิดจะปกป้องข้าเลยสักนิด ท่านไม่รู้สึกสงสัยบ้างเลยหรือว่าทำไมคนที่เคยถูกกำหนดให้หมั้นหมายกับองค์ไท่จื่อมาตั้งแต่เด็กเช่นข้าต้องมาแต่งเข้าจวนอ๋องเช่นนี้ ส่วนคนที่กำลังจะได้แต่งเข้าตำหนักบูรพากลับเป็นมี่เอ๋อ” คำพูดของซูถังโหรวทำให้ซูถังเยี่ยนส่ายหน้า

“ไม่กระมัง! ท่านพ่อไม่มีทางเห็นมี่เอ๋อดีกว่าเจ้า อีกทั้งสาเหตุที่เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องแห่งนี้ไม่ใช่เพราะท่านพ่อคิดจะสนับสนุนฉู่อ๋องหรอกหรือ” คำพูดประโยคนี้ของพี่ชายทำให้ซูถังโหรวจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้มงวดขึ้นมาในทันที

“เหตุใดพี่ใหญ่จึงได้คิดเช่นนี้ อย่าได้ปฏิเสธเชียวนะ! ท่านไม่เคยสนใจเรื่องการแย่งชิงราชบัลลังก์มาก่อน แล้วคนที่พูดเรื่องนี้กับท่านคือผู้ใด” สีหน้าและแววตาของน้องสาวทำให้ซูถังเยี่ยนไม่กล้าพูดปดเข้าจ้องมองน้องสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารอีกครั้งแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

“เป็นองค์ไท่จื่อที่ทรงเอ่ยถึงเรื่องนี้กับข้า พระองค์ทรงเสียพระทัยในเรื่องนี้มากและบอกกับข้าว่าหากวันหน้าองค์ไท่จื่อทรงได้ครอบครองราชบัลลังก์ได้ องค์ไท่จื่อก็จะทรงหาหนทางทวงคืนเจ้ากลับไปเป็นของพระองค์” คำพูดของพี่ชายทำให้ซูถังโหรวจ้องมองพี่ชายด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึงในทันที

“เขาพูดเช่นนี้กับท่านหรือ”

“เขาบอกกับข้าว่ามี่เอ๋อจะเป็นได้แค่ชายารองของเขาเพียงเท่านั้น ส่วนตำแหน่งพระชายาเอกมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง” คำพูดประโยคนี้ของพี่ชายทำให้ซูถังโหรวหลั่งน้ำตาออกมาในทันที

“คำพูดเช่นนี้ท่านก็เชื่อหรือ ข้าที่เป็นภรรยาของผู้อื่นแล้วจะสามารถเป็นพระชายาเอกของเขาได้อย่างไร” แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนี้แต่ในชาติที่แล้วนางก็เคยเชื่อคำพูดของหลี่เฟยหลงจริงๆ

แค่เพียงหลี่เฟยหลงพูดคำหวานและให้คำสัญญาที่เป็นเพียงแค่ลมปากเพียงเท่านั้น นางก็ยอมเสี่ยงตายเขียนหนังสือของหย่าขาดส่งไปให้หลี่เฉิงอันเสียแล้ว นางไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าถ้าหากหลี่เฉิงอันถือโทษโกรธนางและลงมือกับนางโทษฐานที่นางกล้าทำเรื่องที่ขัดต่อราชโองการขึ้นมาหลี่เฟยหลงจะกล้ายื่นมือมาช่วยเหลือนางหรือไม่

ในยามนั้นนางหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใดเลย มองไม่เห็นแม้กระทั่งสองอาหลานกำลังมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่ด้วยเรื่องราชบัลลังก์ สิ่งเดียวที่นางคิดในยามนั้นก็คือคำว่ารักที่หลี่เฟยหลงใช้หลอกลวงนาง ทำให้นางได้ลงมือทำเรื่องที่ทำร้ายตนเองลงไปโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด กว่าจะรู้ตัวก็เป็นตอนที่นางไม่มีหนทางให้หวนคืนกลับมาได้แล้ว มีเพียงความตายเพียงเท่านั้นที่จะทำให้นางหลุดพ้นจากคนชั่วช้าอย่างหลี่เฟยหลง

"ท่านพี่ท่านอย่าได้หลงเชื่อคำพูดขององค์ไท่จื่อ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถทำเรื่องที่ขัดต่อราชโองการได้ และคนเช่นเขาไม่มีทางที่จะรักข้าจากใจจริง คำพูดเหล่านั้นล้วนหลอกลวงพวกเราแทบจะทั้งสิ้น" ซูถังโหรวเอ่ยกับพี่ชายของตนตามตรง ตอนนี้สิ่งที่นางคิดได้ก็คือพยายามแยกพี่ชายของตนให้ถอยห่างจากคนอย่างหลี่เฟยหลง คนผู้นั้นสามารถทำทุกวิถีทางเพื่อต้องการเอาชนะ นางไม่ต้องการให้ตนเองและพี่ชายกลายเป็นเครื่องมือของเขาอีกแล้วในชาตินี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel