บทที่ 2 ควบคุมคน
พ่อบ้านใหญ่หยางเหิงคือคนที่ไทเฮาทรงประทานมาให้หลี่เฉิงอันโดยเฉพาะ ในชาติก่อนกว่าที่ซูถังโหรวจะกำราบเขาได้ต้องใช้ระยะเวลานานหลายเดือนทีเดียว แต่ชาตินี้นางไม่คิดจะเสียเวลานั่งซื้อใจผู้ใดอีกแล้ว ในเมื่อชาติก่อนนางเคยกุมความลับของเขาเอาไว้ชาตินี้นางก็จะใช้ความลับที่เคยล่วงรู้ให้เป็นประโยชน์
“นี่นับเป็นครั้งแรกที่ท่านยอมเข้ามาพบข้ากระมัง” ซูถังโหรวเอ่ยพลางจ้องมองเขาด้วยความเย็นชา เฝยชุ่ยที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้างได้แต่ก้มหน้าเพื่อเก็บงำสีหน้าของตน
สำหรับเฝยชุ่ยแล้วตอนนี้พระชายาที่นางเคยรับใช้ได้เปลี่ยนจากเด็กสาวที่เอาแต่ทำสีหน้าอมทุกข์ตลอดเวลากลายมาเป็นสตรีที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์ร้ายๆ ออกมาได้ทุกเมื่อแล้ว ส่วนพ่อบ้านใหญ่ก็คือคนที่มีอำนาจสูงสุดในจวนแห่งนี้ หากคนทั้งสองปะทะกันสาวใช้ตัวเล็กๆ เช่นนางย่อมหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบ คนหนึ่งคือเจ้านายตัวจริงที่ยังไม่มีอำนาจส่วนอีกคนคือข้ารับใช้ที่มีอำนาจในมืออย่างเต็มที่ หากนางอยากอยู่รอดทางที่ดีควรหนีให้ห่างเหตุการณ์ปะทะในครั้งนี้ น่าเสียดายที่ไม่มีหนทางใดให้นางสามารถหนีไปจากที่นี่ได้เลย
“ทูลพระชายา หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสมรสกระหม่อมก็ต้องคอยดูแลการจัดเก็บข้าวของและตรวจนับข้าวของให้เป็นระเบียบ ต้องขออภัยที่ไม่สามารถปลีกเวลามาคารวะพระชายาได้เลย” คำพูดของหยางเหิงทำให้ซูถังโหรวยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเจ้าตรวจนับข้าวของจนไม่มีเวลาที่จะมาคารวะข้า เช่นนั้นข้าคงจะต้องเข้าวังไปกราบทูลไทเฮาแล้วว่าพระนางควรจะต้องส่งใครสักคนมาช่วยท่านตรวจนับข้าวของในคลัง อืม ข้าควรจะขอตัวฮุ่ยหมัวมัวมาดีหรือไม่ ข้ากับนางถือว่ามีความสนิทสนมกันอยู่มิใช่น้อย นางคงยินดีที่จะได้มาช่วยข้าดูแลจวนแห่งนี้” เมื่อซูถังโหรวเอ่ยถึงฮุ่ยหมัวมัวสีหน้าของหยางเหิงก็พลันซีดเซียวในทันที
สตรีผู้นี้เคยเกือบจะได้แต่งานกับเขาแต่เพราะในอดีตมีเรื่องบาดหมางกันนางจึงได้ขอติดตามไทเฮาซึ่งในยามนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นฮองเฮาเข้าวังไปเป็นนางในแล้วยกเลิกการแต่งงานกับเขา ตั้งแต่นั้นมานางก็ตั้งตนเป็นศัตรูต่อเขาทั้งต่อหน้าและลับหลัง หากนางมาช่วยตรวจนับทรัพย์สินที่นี่ย่อมจะต้องหาเรื่องจับผิดเขาได้เป็นแน่
“กราบทูลพระชายา เรื่องตรวจนับทรัพย์สินกระหม่อมทำใกล้เสร็จแล้วไม่ต้องลำบากให้พระชายาไปกราบทูลองค์ไทเฮาหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อหยางเหิงเอ่ยเช่นนี้ซูถังโหรวก็พยักหน้า
“นั่นสินะ อืม ช่วงนี้ท่านยังคงแวะเวียนไปที่หอสุ่ยเซียงอยู่อีกหรือไม่ แม่นางเหมยฮัวคงจะงดงามมากสินะท่านจึงได้ใช้จ่ายไปกับนางมากมายเสียยิ่งกว่าที่พี่ชายของข้าทุ่มเทเสียอีก” คำพูดประโยคนี้ของซูถังโหรวทำให้หยางเหิงมีสีหน้าซีดเซียวเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่ สีหน้าและแววตาของซูถังโหรวกำลังบอกให้เขารู้ว่านางล่วงรู้เรื่องที่เขายักยอกทรัพย์สินในจวนอ๋องไปให้หญิงคณิกาผู้มีนามว่าเหมยฮัวแล้ว
“น่าเสียดายที่ท่านอ๋องคงจะไม่สนใจเรื่องยิบย่อยภายในจวนเท่าใดนัก แต่หากองค์ไทเฮาทรงทราบเรื่องนี้แม้แต่ชีวิตท่านก็คงจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แน่” ซูถังโหรวพูดพลางจ้องมองหยางเหิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความข่มขู่ ท่าทีของนางกำลังบอกกับเขาว่าหากว่าเขาไม่ยอมลงให้นาง นางจะต้องทำลายชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
“กราบทูลพระชายาทรัพย์สินที่กระหม่อมนำไปมอบให้แก่เหมยฮัวล้วนเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของกระหม่อม กระหม่อมไม่เคยแตะต้องทรัพย์สินของจวนอ๋องแม้แต่น้อย” หยางเหิงเอ่ยพลางคุกเข่าลงตรงหน้านาง
“เรื่องนี้หากลงมือตรวจสอบอย่างจริงจังก็พบแล้วว่าเจ้ายักยอกหรือไม่” คำพูดของซูถังโหรวทำให้หยางเหิงอับจนถ้อยคำของตนเอง
“แต่เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ายอมทำงานรับใช้ข้าแต่โดยดี ข้าย่อมจะยอมหลับหูหลับตาลืมเลือนความผิดที่เจ้าเคยกระทำลงไป แต่หลังจากนี้หากเจ้ากล้าละเลยข้าอีกและยังกล้ายักยอกทรัพย์สินภายใต้การดูแลของข้าอีกเจ้ากับข้าเป็นได้เห็นดีกันแน่ เจ้าอย่าคิดว่าข้าคนนี้ไม่มีอำนาจจะจัดการเจ้า แม้ว่าท่านอ๋องจะไม่สนใจไยดีข้าแต่อย่าได้ลืมว่าข้าคือคนที่เข้าออกตำหนักคังหนิงมาตั้งแต่เด็ก ความโปรดปรานที่องค์ไทเฮาทรงมีต่อข้าย่อมจะไม่ธรรมดา หากข้าเอ่ยแค่คำเดียวเจ้าและคนของเจ้าทั้งหมดได้ระเห็จออกไปจากจวนอ๋องแน่ อีกทั้งจะได้จากไปทั้งที่ยังมีชีวิตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับข้าเพียงเท่านั้น” คำพูดประโยคนี้ของซูถังโหรวทำให้หยางเหิงรีบโขกศีรษะขอความเมตตาจากนางในทันที
“ขอพระชายาทรงอภัยให้กระหม่อมด้วย หลังจากนี้กระหม่อมจะไม่กล้าล่วงเกินพระชายาอีกแล้ว เรื่องยักยอกกระหม่อมก็จะไม่กล้าทำเช่นเดียวกัน ขอพระชายาได้โปรดเมตตาให้อภัยกระหม่อมด้วยเถิด” ซูถังโหรวจ้องมองหยางเหิงโขกศีรษะด้วยสายตาเย็นชา จวบจนสังเกตเห็นแล้วว่าเขาหวาดกลัวนางแล้วจริงๆ นางจึงโบกมือให้เขาลุกขึ้น
“ในเมื่อรับรู้ถึงความผิดของตนเองแล้วก็จงกลับไปทบทวนให้ดีว่าเจ้าควรจะทำเช่นไร ข้าคนนี้ไม่ใช่คนไร้น้ำใจย่อมจะมอบโอกาสให้เจ้าได้แก้ตัวอยู่แล้ว” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้หยางเหิงก็รีบโขกศีรษะอีกครั้งด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยการสำนึกผิด
“ขอบพระทัยพระชายา ขอบพระทัยพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเขามีท่าทีสำนึกผิดแล้วนางก็ไม่อยากจะเสวนากับเขาให้นานนัก คนเช่นนี้ของเพียงกำจุดอ่อนของเขาเอาไว้นางก็สามารถควบคุมเขาได้แล้ว
“อะไรที่ควรจะทำเจ้าก็จงไปจัดการเสียให้เรียบร้อย อ้อ สำหรับบ่าวไพร่ที่ปากมากกล้าพูดจาล่วงเกินข้าก็โบยตีให้หลาบจำแล้วขายออกไปเสีย หากข้าได้ยินผู้ใดกล้าพูดจาล่วงเกินข้าอีก คนที่ข้าจะลงโทษก็คือเจ้า” คำพูดของซูถังโหรวเต็มไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด หยางเหิงรีบรับคำในทันที
“กระหม่อมจะจัดการให้เรียบร้อยขอพระชายาได้โปรดวางพระทัย” เมื่อหยางเหิงออกไปแล้วภายในจวนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
สาวใช้หลายนางถูกส่งตัวเข้ามาคอยปรนนิบัติที่เรือนหลักของซูถังโหรว ทำให้ซูถังโหรวได้เห็นความสามารถและความรวดเร็วในการจัดการของหยางเหิงอีกครั้ง คนผู้นี้ถ้ากำราบได้แล้วก็จะกลายเป็นข้ารับใช้ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง
เพียงแต่ต้องคอยติดตามดูแลความประพฤติอย่างใกล้ชิด หากเคยยักยอกครั้งหนึ่งแล้วย่อมจะต้องมีครั้งที่สองและครั้งที่สามตามมาอย่างแน่นอน เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของนางเพราะถึงอย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสามีผู้นั้นของนางต่างหาก ในใจก็ได้แต่คิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้เขาหันมาสนใจไยดีนางได้...
