บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ย้อนกลับมาอีกครั้ง

พระชายาของจวนฉู่อ๋องไร้ซึ่งความโปรดปรานจากสวามี ตำแหน่งที่นางได้ครอบครองก็เป็นแค่เพียงตำแหน่งในนามเพียงเท่านั้น คนทั้งจวนอ๋องต่างร่ำลือกันว่าแต่งงานกันมาเนิ่นนานถึงขนาดนี้แต่ท่านอ๋องและพระชายาก็ยังไม่เคยได้ร่วมหอกันเลย

ตอนที่ซูถังโหรวลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่ในจวนอ๋อง เป็นเพียงสตรีอายุสิบเจ็ดที่พึ่งจะแต่งงานเข้าจวนมาและยังรับมือกับบ่าวไพร่ผู้โอหังภายในจวนไม่ได้ ฉู่อ๋องผู้เป็นสามีวันทั้งวันก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่ค่ายทหารทิ้งให้นางต้องรับมือกับบ่าวไพร่ที่ไม่เห็นหัวนายหญิงคนใหม่ที่มีเพียงตำแหน่งลอยๆ ภายในจวนเพียงเท่านั้น

“ไปเรียกพ่อบ้านใหญ่มาพบข้า” ซูถังโหรวเอ่ยกับเฝยชุ่ยสาวใช้เพียงคนเดียวที่ถูกทิ้งให้คอยดูแลนางอยู่ในเรือนหลัก ซูถังโหรวจ้องมองเฝยชุ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันทำให้สาวใช้นางนั้นจำต้องปลีกตัวจากไปในทันที

ซูถังโหรวนั่งทบทวนชีวิตของตนเองในช่วงนี้ นางยังคงเป็นแค่เพียงเด็กสาวที่อ่อนต่อโลกและยังคงหมกมุ่นกับความรักในวัยเยาว์อย่างโง่เขลา เดิมทีนางถูกกำหนดให้เป็นว่าที่พระชายาของตำหนักบูรพา แต่เพราะฉู่อ๋องหลี่เฉิงอันซึ่งเป็นพระอนุชาที่ถือกำเนิดจากครรภ์ขององค์ไทเฮาถึงกำหนดที่จะต้องแต่งพระชายาเข้าจวนแล้ว นางจึงได้ถูกหมั้นหมายและถูกจับแต่งเข้าจวนอ๋องแห่งนี้เสียก่อน

ซูถังโหรวคือบุตรีที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกของเสนาบดีซู แต่เพราะมารดาสิ้นใจไปตั้งแต่เล็กนางจึงได้เติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของภรรยาคนที่สองของเสนาบดีซู ซูฮูหยินคนปัจจุบันคืออดีตอนุภรรยาที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นนายหญิงของจวน การอบรมที่เหมาะสมย่อมไม่มีให้นางอยู่แล้ว โชคดีที่นางได้รับความโปรดปรานจากหยางไทเฮามาตั้งแต่เด็กได้มีโอกาสได้เข้าวังไปเข้าเฝ้าอยู่บ่อยครั้งกิริยามารยาทของนางจึงเสมือนถูกผ่านการขัดเกลาและถูกฝึกอบรมมาจากตำหนักคังหนิงของหยางไทเฮามาอย่างไม่มีสิ่งใดให้ตำหนิได้

สิ่งเดียวที่นางทำผิดพลาดในชีวิตก็คือทอดทิ้งตำแหน่งชายาเอกของจวนอ๋องไปอยู่อย่างไร้ฐานะในตำหนักบูรพาแล้วก็ต้องเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นทันทีที่หลี่เฟยหลงได้ขึ้นครองราชย์ ในตอนนั้นนางโง่เขลาเชื่อมั่นว่าความรักที่หลี่เฟยหลงมีต่อนางคือความจริงใจ แต่ในตอนท้ายที่สุดเขาก็เผยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาว่าเขาแค่อยากได้นางเพื่อแสดงให้หลี่เฉิงอันผู้เป็นอาของเขาได้เห็นว่าแม้แต่เรื่องสตรีก็ล้วนเป็นเขาที่มีความเหนือกว่า

ซูถังโหรวไม่เคยรู้สักนิดว่าความทุกข์ยากจากการถูกละเลยของผู้คนในจวนอ๋องจะเทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ยากของการเป็นสตรีที่สิ้นไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองในตำหนักใน พอหลี่เฟยหลงสามารถเอาชนะหลี่เฉิงอันผู้เป็นอาได้แล้วและได้ครอบครองราชบัลลังก์อย่างถูกต้อง นางที่เขาเคยบอกว่าเปรียบเสมือนดวงใจทั้งดวงของเขาก็กลายเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดบาปของเขาที่ไม่อาจจะเปิดเผยให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้

การที่เขาแย่งชิงภรรยาของอาของตนเองอีกทั้งยังทำให้นางตั้งครรภ์ลูกของเขาถือเป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่เขาจะต้องคอยปิดบังผู้อื่นเอาไว้ นางจึงได้ใช้ชีวิตราวกับคนที่ตายไปแล้วทั้งที่ยังคงมีชีวิตอยู่

หลังจากนั้นทั้งนางและลูกที่คลอดออกมาก็ต้องใช้ชีวิตราวกับอยู่ในห้วงแห่งขุมนรก ความผิดบาปทั้งหมดล้วนตกมาอยู่ที่นางและลูก หลังจากนั้นหลี่เฟยหลงก็ไม่เคยมาพบหน้านางอีกเลยจวบจนวันที่ลูกชายของนางต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม

“ฝ่าบาทได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ลูกของหม่อมฉันด้วยเพคะ” ซูถังโหรวที่อุตส่าห์หลบหนีการจองจำจนสามารถไปดักพบเขาได้เอ่ยวิงวอนขอความเมตตา แม้ว่ายามนี้บุตรชายของนางจะตายจากไปแล้วแต่นางคิดว่าอย่างน้อยเขาในฐานะบิดาก็ควรจะต้องมอบความเป็นธรรมให้แก่ลูกชายของเขา ดวงวิญญาณของลูกชายของนางจะได้สามารถไปสู่สุคติได้อย่างสบายใจ

“เจ้าออกมาที่นี่ได้อย่างไร เด็กๆ มาจับนางกลับไป ใครปล่อยให้นางมาที่นี่” คำพูดประโยคนี้ของเขาเปรียบเสมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของนางในทันที

“ฝ่าบาท ซูกุ้ยเฟยสั่งให้คนมาโบยตีลูกชายของหม่อมฉันจนตายฝ่าบาทต้องให้ความเป็นธรรมแก่หม่อมฉันและลูกชายของหม่อมฉันก่อน” ซูถังโหรวเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าว ซูกุ้ยเฟยที่นางเอ่ยถึงคือน้องสาวต่างมารดาของนางเองซูถังมี่

แม้ว่ายามนี้ซูถังมี่จะมีตำแหน่งเป็นถึงกุ้ยเฟยแล้วแต่เพราะยังไม่สามารถให้กำเนิดองค์ชายเสียทีจึงได้มองเห็นบุตรชายของซูถังโหรวผู้เป็นพี่สาวเป็นหนามตำใจมาโดยตลอด นางหาเรื่องกลั่นแกล้งสองแม่ลูกทุกครั้งที่สบโอกาส จนผลสุดท้ายบุตรชายของซูถังโหรวก็ทนรับการกลั่นแกล้งไม่ไหวตายจากไปอย่างน่าเวทนา แต่สิ่งที่นางได้รับก็คือสีหน้าและถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความห่างเหิน

“เจ้ากับลูกของเจ้ามีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าเราเมตตามากแล้ว ตอนนี้ยังมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมอีกหรือ ใครก็ได้โบยตีนางให้หนักแล้วจับนางไปขังที่ตำหนักของนางเช่นเดิม” สิ้นคำสั่งนี้ก็มีขันทีหลายคนมาจับตัวนางเอาไว้ แล้วกดนางให้นอนคว่ำลงไปบนพื้นแล้วโบยตีนางอย่างหนักหน่วงในทันที ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้นางหลั่งน้ำตาออกมาเพียงแต่ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังเจ็บปวดได้ไม่เท่าความเจ็บปวดที่บาดลึกในจิตใจของนางเลย

“หลี่เฟยหลงท่านมันไม่ใช่คน” คำพูดของนางทำให้เขาจ้องมองนางอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“โบยตีนางให้ตายไปเลยก็แล้วกัน นางจะได้รู้ว่าการกล้าต่อปากต่อคำกับข้าผลลัพธ์มันจะเป็นเช่นไร”

“หลี่เฟยหลง หากชาติหน้ามีจริงข้าคนนี้จะทำให้ท่านได้ลิ้มรสชาติของความผิดหวัง ความพ่ายแพ้และความสิ้นหวังด้วยตนเอง” คำพูดของซูถังโหรวทำให้หลี่เฟยหลงหัวเราะเยาะออกมาในทันที

“เช่นนั้นก็จงหาทางกลับมาเกิดใหม่ให้ได้ก็แล้วกัน” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่หลี่เฟยหลงพูดกับนางก่อนที่นางจะต้องจบชีวิตลงด้วยทนพิษบาดแผลจากการถูกโบยตีไม่ไหว

“พระชายาเพคะ พ่อบ้านใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเตือนของเฝยชุ่ยทำให้ซูถังโหรวพลันได้สติขึ้นมาในทันที

“ให้เขาเข้ามา” นางเอ่ยพลางจ้องมองพ่อบ้านใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา อย่างน้อยก่อนที่นางจะจัดการกับหลี่เฟยหลง นางจะต้องจัดการคนของจวนอ๋องให้ได้ก่อน ที่สำคัญก็คือหลี่เฉิงอันผู้เป็นสวามีของนาง หากเขายังคงละเลยนางอยู่เช่นนี้แล้วนางจะเอาอำนาจมาจากไหนไปจัดการกับหลี่เฟยหลงที่ในยามนี้กำลังดำรงตำแหน่งองค์ไท่จื่อแห่งแคว้นฉีได้กันเล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel