บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ให้ความสนใจ

แม้ว่าจะเร่งเดินทางแล้วแต่ก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้ก่อนค่ำ ขบวนรถม้าจึงจำต้องหาที่พักแรมข้างทาง แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่เยว่ซื่ออันกลับไม่ได้ต่อว่านางเลยสักคำ แถมยังปฏิบัติต่อนางราวกับนางเป็นอากาศธาตุเช่นเดิมทำให้ซุนเจียอีพลันโล่งใจที่เยว่ซื่ออันทำตัวตามปกติดังเช่นที่เคยทำก่อนหน้านี้ การกลายเป็นจุดสนใจของเขามันทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจ จริงอยู่ที่ในกาลก่อนนางเคยพยายามจะเข้าหาเขาเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่าคนเช่นเขาพยายามเข้าหาไปก็ไร้ประโยชน์

“บ่าวปูเบาะรองนอนบนรถม้าให้คุณหนูแล้วนะเจ้าคะ คุณหนูเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วก็นอนพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อป้าเฝิงเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีก็พลันขมวดคิ้ว

“แล้วเขาเล่า” คำถามของซุนเจียอีทำให้ป้าเฝิงยิ้มออกมา

“คุณชายใหญ่บอกว่ายามดึกน้ำค้างแรง คุณหนูพึ่งจะหายป่วยไม่ควรนอนตากน้ำค้าง ส่วนคุณชายประเดี๋ยวกางกระโจมกันลมกันน้ำค้างเสียหน่อยก็นอนได้แล้วเจ้าค่ะ” คำพูดของป้าเฝิงทำให้ซุนเจียอีอดรู้สึกผิดอยู่ในใจไม่ได้ แต่หากจะให้นางไปนอนในกระโจมที่ไม่ค่อยจะมิดชิดเท่าใดนักท่ามกลางผู้คุ้มกันเหล่านั้นนางก็ไม่สะดวกใจ

“บนรถม้าพอจะเบียดกันนอนได้ป้าก็มานอนกับข้าเถิด” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้ป้าเฝิงก็ส่ายหน้า

“จะได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ แม้ว่าจะนอนเบียดกันได้แต่ก็ไม่ควรจะนอนเบียดกันนะเจ้าคะ คุณหนูนอนคนเดียวน่าจะสบายกว่าส่วนบ่าวนั้นคุ้นชินกับการนอนข้างนอกแล้วคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงบ่าวหรอกเจ้าค่ะ”

“จะได้อย่างไรเล่า ข้างนอกอากาศหนาวเย็นอีกทั้งข้าก็ไม่คุ้นชินกับการนอกข้างนอก มีป้านอนด้วยข้าจะได้นอนหลับได้อย่างสนิทใจ” ในเมื่อซุนเจียอีเอ่ยถึงขั้นนี้ป้าเฝิงก็ไม่คิดจะปฏิเสธอีก ในใจก็อดรู้สึกยินดีไม่ได้ที่คุณหนูของนางรู้จักเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นบ้างแล้ว

คืนนั้นพวกนางจึงนอนบนรถม้าส่วนเยว่ซื่ออันกางกระโจมนอนกับบรรดาเหล่าผู้คุ้มกันของเขา เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกินอาหารเช้าที่ปรุงอย่างเรียบง่ายแล้วทุกคนจึงได้เก็บข้าวของเพื่อเดินทางต่อ

“ฮัดชิ้ว!” เสียงจามของเยว่ซื่ออันทำให้ซุนเจียอีวางตำราแพทย์ของตนลง นางจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งจนเขาจามออกมาอีกครั้งนางจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมาแล้วเอ่ยกับเขาเสียงเบา

“ท่านน่าจะไม่สบายเข้าแล้ว มาให้ข้าตรวจชีพจรสักหน่อยเถิด” ซุนเจียอีเอ่ยพลางจ้องมองเยว่ซื่ออันด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ข้าไม่เป็นอันใดหรอก แค่จามเพียงไม่กี่ทีเพียงเท่านั้น” เยว่ซื่ออันเอ่ยปฏิเสธพลางก้มหน้าลงไปอ่านตำราต่อ

“ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะต้องการสร้างบุญคุณต่อท่านหรอก สาเหตุที่ท่านต้องนอนตากลมด้านนอกล้วนเป็นเพราะข้า ข้าย่อมจะต้องชดเชยให้ท่านอยู่แล้ว” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้เยว่ซื่ออันจึงได้วางตำราของตนลงดึงชายแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยแล้วยื่นข้อมือของเขาให้นาง ซุนเจียอีจับชีพจรให้เขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งใจ

“โชคดีที่ไม่ได้เป็นอันใดมาก ข้ามียาลูกกลอนสำหรับแก้อาการเป็นหวัดคัดจมูกอยู่พอดี ท่านกินเข้าไปสักเม็ดเถิด” ซุนเจียอีเอ่ยพลางดึงถุงผ้าที่ใส่บรรดาโถยาขวดเล็กออกมาเทยาลูกกลอนแล้วมอบให้เยว่ซื่ออันหนึ่งเม็ดซึ่งเขาก็รับไปแล้วกลืนลงคอในทันที ซุนเจียอีรีบรินน้ำใส่ถ้วยแล้วยื่นให้เขาในใจอดรู้สึกยินดีไม่ได้ที่เขาไม่ได้มีเขาไม่ได้มีท่าทีต่อต้านและระแวงฝีมือในการตรวจรักษาของนาง

“ท่านพักสายสักครู่เถิด อย่าอ่านตำราอีกเลย” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้เขาก็พยักหน้าแล้วหลับตาลง ซุนเจียอีจ้องมองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้เก็บสายตาของตนกลับคืนไป หากนางจำไม่ผิดอีกไม่นานก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว และนางก็จะกลายเป็นเพียงญาติที่ไปขอพึ่งใบบุญของสกุลเยว่ แม้ว่าหานเสวี่ยหนิงผู้เป็นฮูหยินจวนสกุลเยว่จะมอบความรักความเอ็นดูให้แก่นางอย่างเต็มที่แต่พอลับสายตาของหานเสวี่ยหนิงไป ทุกคนภายในจวนสกุลเยว่ก็ต่างไม่คิดจะเก็บงำท่าทีดูหมิ่นดูแคลนที่มีต่อนางเลยสักนิด ตอนนั้นนางเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งย่อมอดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในฐานะของตนเอง และรู้สึกเกลียดชังการกระทำของคนเหล่านั้นไม่ได้ แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่าคนเหล่านั้นไม่มีค่าคู่ควรให้นางใส่ใจเลยสักนิด

“เจ้าเองก็ควรจะพักผ่อนด้วยเช่นกัน รถม้าคันนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตเท่าใดนัก นอนเบียดกันสองคนคงจะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าใด” อยู่ๆ เยว่ซื่ออันก็เอ่ยขึ้นทำให้ซุนเจียอีอดจ้องมองเขาไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าเขายังคงหลับตาอยู่นางจึงได้ยิ้มออกมาวางตำราแพทย์ของตนลงแล้วก็เอนกายพิงพนักพิงเพื่อพักสายตาเช่นเดียวกัน

“คุณหนู! คุณหนูรีบตื่นเถิดเจ้าค่ะ รถม้าถึงจุดพักแล้ว” เสียงเรียกของป้าเฝิงทำให้ซุนเจียอีลืมตาขึ้นมา นางจ้องมองป้าเฝิงด้วยสายตางัวเงียเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของป้าเฝิงนางจึงได้ขยับตัวเพื่อลุกขึ้นแล้วจึงได้รู้ตัวว่าเมื่อครู่นี้นางเอนกายลงมาหนอนหนุนตักของเยว่ซื่ออันอยู่ นางจึงรีบเอ่ยวาจาขออภัยในทันที

“ข้าขอโทษนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้”

“ช่างเถิด! เจ้าลงไปก่อนเถิดอีกสักครู่ข้าจะตามไป” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ ซุนเจียอีตั้งใจจะเอ่ยต่อแต่เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเขานางก็พลันหุบปากลง แล้วจึงได้ติดตามป้าเฝิงลงจากรถม้าไปในทันที

“เหตุใดคุณหนูจึงได้ล้มตัวลงไปนอนหนุนตักคุณชายใหญ่เช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ดูไม่งามเลยเจ้าค่ะ” ป้าเฝิงเอ่ยตำหนิออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ซุนเจียอีกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเลยสักนิดด้วยรู้ดีว่าแม่นมของนางผู้นี้กำลังเป็นห่วงนางอย่างแท้จริง

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ตั้งใจว่าจะพิงพนักพิงเพื่อพักสายตาสักครู่คิดไม่ถึงว่าข้าจะเอนกายลงไปนอนเช่นนั้นได้” ซุนเจียอีเอ่ยพลางทำสีหน้าจนใจป้าเฝิงจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมา

“คุณหนูแม้ว่าท่านจะยังไม่ถึงวัยปักปิ่นแต่ก็ควรจะระมัดระวังตนให้ดีกว่านี้ หากผู้อื่นมาเห็นเข้าก็จะไม่ดีต่อชื่อเสียงของคุณหนูนะเจ้าคะ” เมื่อป้าเฝิงเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีก็รีบรับผิดในทันที

“ข้ารู้แล้วๆ คราวหน้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้ หิวข้าวแล้วพวกเรารีบไปดูกันเถิดว่ามีสิ่งให้ข้ากินได้บ้าง” ซุนเจียอีเอ่ยพลางเกาะแขนป้าเฝิงด้วยท่าทีออดอ้อนทำให้คนที่พึ่งจะหายจากอาการเหน็บชาและกำลังพยายามลงจากรถม้าด้วยความลำบากอดจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่ได้

ก่อนหน้านี้ซุนเจียอีถือว่าตนเป็นเจ้านายและป้าเฝิงเป็นเพียงบ่าว ท่าทีที่นางปฏิบัติต่อป้าเฝิงจึงไม่ได้มีความสนิทชิดเชื้อถึงเพียงนี้ ท่าทีของซุนเจียอีดูเปลี่ยนไปตั้งแต่นางฟื้นจากอาการล้มป่วย โดยเฉพาะสายตาที่นางใช้จ้องมองป้าเฝิงยามที่นางไม่รู้ตัวล้วนเป็นสายตาของคนที่เคยสูญเสียคนสำคัญของชีวิต แล้วอยู่ๆ นางก็ได้คนที่นางเคยสูญเสียไปแล้วกลับคืนมา มันช่างเป็นสายตาที่ทำให้คนที่แอบมองอยู่ด้านข้างอดรู้สึกเจ็บแปลบหัวใจตามนางไม่ได้

เยว่ซื่ออันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าความคิดของเขาที่มีต่อซุนเจียอีได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเด็กสาวที่มีนิสัยไม่ดีทั้งเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัวยามนี้กลับกลายเป็นเด็กสาวที่มีน้ำใจต่อผู้อื่นและดูเหมือนว่านิสัยของนางจะเริ่มเผยความดีให้เขาเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel