บทที่ 6 เมืองหลวง
เมืองหลวงแคว้นต้าเฉียนทั้งเจริญและมั่งคั่ง ซุนเจียอีนั่งมองทุกสิ่งผ่านม่านหน้าต่างของรถม้า ในกาลก่อนยามที่นางเข้าเมืองหลวงแห่งนี้ครั้งแรกทั้งเต็มไปด้วยความหวังและความฝัน แต่ยามนี้เมื่อทุกอย่างเคยผ่านพ้นไปรอบหนึ่งแล้วความหวังและความเพ้อฝันเหล่านั้นกลับกลายเป็นแค่เพียงเรื่องที่น่าหัวเราะอีกเรื่องหนึ่งที่นางเคยเผชิญมาเพียงเท่านั้น
ยามที่รถม้าหยุดที่หน้าจวนสกุลเยว่ ซุนเจียอีก้าวเท้าลงจากรถม้าติดตามเยว่ซื่ออันด้วยสีหน้าเรียบเฉย เยว่ซื่ออันพานางเข้าไปด้านในจวนด้วยท่าทีที่ดูอบอุ่นกว่าเมื่อก่อน แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศบางอย่างภายในจวนจะทำให้ความเย็นชาของเขาคืนกลับมาอีกแล้ว แต่ซุนเจียอีกลับไม่ได้ให้ความสนใจต่อท่าทีของเขาเท่าใดนัก ยามนี้สิ่งที่กำลังดึงดูดความสนใจของนางก็คือคนผู้หนึ่งที่กำลังเฝ้ารอการมาของนางต่างหาก
“อันเอ๋อในที่สุดเจ้ากลับมาถึงได้เสียที” สตรีหน้าตางดงามและอ่อนเยาว์กว่าภาพจำที่นางจดจำได้จนขึ้นใจเอ่ยทักทายเยว่ซื่ออันขึ้นมาก่อน เยว่ซื่ออันรีบก้าวเข้าไปทำความเคารพสตรีผู้นั้นในทันที ซุนเจียอีจึงรีบเดินติดตามเข้าไปย่อกายคารวะตรงหน้าสตรีผู้นั้นในทันทีเช่นกัน แล้วจึงได้ยืนนิ่งอยู่ทางเบื้องหลังของเยว่ซื่ออัน พลางจ้องมองการทักทายของสองแม่ลูกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ลูกไม่อยู่ตั้งหลายเดือนท่านแม่สบายดีหรือไม่”
“เจ้าไม่อยู่แม่จะสบายใจได้อย่างไร พอได้ยินว่าอาการป่วยของเจ้าหายขาดแล้วและกำลังเดินทางกลับจวนแม่ก็เฝ้ารอทุกวันให้เจ้ารีบกลับมาหาแม่” สตรีผู้นั้นเอ่ยพลางมองเลยมาทางซุนเจียอีแล้วจึงได้เอ่ยทักทายขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่คงจะเป็นเจียอีสินะ เป็นอย่างไรบ้างได้ยินว่าเจ้าล้มป่วยระหว่างทาง ยามนี้คงหายดีแล้วกระมัง” เมื่อสตรีผู้นั้นเอ่ยกับนาง ซุนเจียอีจึงได้ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับสตรีผู้นั้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“หลานหายดีแล้วเจ้าค่ะ ต้องขอโทษท่านป้าที่ข้าทำให้การเดินทางกลับของญาติผู้พี่ต้องล่าช้านะเจ้าคะ” ซุนเจียอีเอ่ยพลางย่อกายขออภัย หานเสวี่ยหนิงพลันส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้าไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องเจ็บป่วยล้วนเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดอยากจะให้เกิดขึ้น ไหนเจ้ามาให้ป้าดูเจ้าใกล้ๆ หน่อยสิ กุ้ยมามาบอกกับข้าว่าเจ้ามีความละม้ายคล้ายคลึงกับเสวี่ยชิงญาติผู้น้องของข้าอยู่หลายส่วน ข้าก็ยังคิดว่าหากเจ้ามีหน้าตาคล้ายเสวี่ยชิงจริงก็คงจะเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้างดงามเป็นอย่างมากแน่นอน” หานเสวี่ยหนิงเอ่ยพลางกวักมือเรียก ซุนเจียอีจึงก้าวขึ้นไปด้านหน้าของเยว่ซื่ออันแล้วส่งมอบรอยยิ้มให้แก่หานเสวี่ยหนิงด้วยความเอียงอาย
“ดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาจะต้องงดงามกว่าเสวี่ยชิงแม่ของเจ้าเป็นแน่” คำพูดของหานเสวี่ยหนิงทำให้รอยยิ้มของซุนเจียอีพลันยิ่งกว้างขวางกว่าเดิม ในชาติก่อนนางก็เคยถูกผู้คนยกย่องว่าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงามล่มเมือง คำชมของท่านป้าต่างสกุลผู้นี้ของนางไม่ได้ชมเชยจนเกินจริงแต่อย่างใด
“ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายและคุณหนูคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมามากแล้ว ให้พวกเขาได้กลับไปแช่น้ำร้อนและนอนพักผ่อนสักครู่เถิดเจ้าค่ะ ถึงยามอาหารเย็นค่อยเชิญพวกเขามากินอาหารร่วมกันกับท่านอีก ถึงยามนั้นค่อยซักถามและพูดคุยอีกดีหรือไม่เจ้าคะ” กุ้ยมามาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหานเสวี่ยหนิงจึงได้พยักหน้า
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับเรือนของตนเองกันก่อนเถิด เจียอีประเดี๋ยวเจ้าติดตามกุ้ยมามาไปที่เรือนพักของเจ้าก็แล้วกัน ข้าเตรียมเรือนส่วนตัวเอาไว้ให้เจ้าแล้ว อยู่ที่นี่เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดรังแก ป้าของเจ้าผู้นี้จะคอยดูแลเจ้าเอง มู่จิ่นต่อไปนี้เจ้าคอยดูแลและติดตามเจียอีก็แล้วกัน คอยดูแลให้ดีอย่าให้หลานสาวของข้าต้องขาดแคลนสิ่งใด” คำพูดของหานเสวี่ยหนิงทำให้ซุนเจียอีรีบย่อกายขอบคุณในทันที
“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ” ซุนเจียอีเอ่ยขอบคุณพลางย่อกายคารวะ แล้วจึงได้ติดตามสาวใช้รุ่นใหญ่ที่มีนามว่ามู่จิ่นออกไป
เมื่อเยว่ซื่ออันและซุนเจียอีออกจากห้องโถงของเรือนไปแล้วกุ้ยมามาก็รินน้ำชาแล้วยื่นให้หานเสวี่ยหนิงพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ นางงดงามอย่างที่บ่าวบอกเลยใช่ไหมเจ้าคะ” คำพูดของกุ้ยมามาทำให้หานเสวี่ยหนิงพยักหน้า
“งดงามมากจริงๆ น่าเสียดายที่เสวี่ยชิงไม่ได้มีโอกาสได้เฝ้าดูการเติบโตของบุตรสาวของนาง เพียงแต่เหตุใดเด็กสาวคนนี้จึงได้ดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง การวางตัวของนางดูสมบูรณ์แบบจนเกินไปมากเกินกว่าที่เด็กสาวคนหนึ่งจะทำได้ เจ้าดูกิริยาของนางสิราวกับถูกอบรมมาอย่างดีจากนางข้าหลวงในวัง ท่วงท่ากิริยาของนางทำให้ข้าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จริงๆ”
“บ่าวเองก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่ยามที่บ่าวได้พบกับนางที่บ้านสกุลซุนคุณหนูซุนมิได้เป็นเช่นนี้ นางดูเหมือนว่าจะเปิดเผยจริงใจมากกว่านี้กิริยาก็ไม่ได้ดูสูงส่งและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามนี้ ระยะเวลาแค่เพียงสองเดือนบ่าวคิดไม่ถึงว่าท่าทีของคุณหนูซุนจะเปลี่ยนแปลงไปมากจนถึงขั้นนี้ได้” เมื่อกุ้ยมามาเอ่ยเช่นนี้หานเสวี่ยหนิงก็พลันทอดถอนใจออกมา
“ถึงอย่างไรจวนสกุลเยว่ของพวกเราก็ไม่ใช่สถานที่ที่นางคุ้นเคย อีกทั้งข้ายังได้ยินว่าระหว่างทางนางต้องพบเจอเรื่องราวตั้งมากมาย การที่นางต้องเดินทางร่วมกับอันเอ๋อที่ทั้งเข้มงวดและเคร่งเครียดถึงปานนั้นย่อมไม่น่าประหลาดใจที่นางจะแสดงท่าทางผิดแปลกจากเด็กสาวทั่วไปถึงเพียงนี้ เอาเถิดเจ้าคอยแวะเวียนไปดูแลนางให้บ่อยขึ้นก็แล้วกัน หลานสาวของข้าผู้นี้ช่างมีชีวิตที่น่าสงสารยิ่งนัก”
“เจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะคอยดูแลคุณหนูซุนเป็นอย่างดีฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” กุ้ยมามารับคำด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มและตั้งใจว่าเมื่อปรนนิบัติเจ้านายของตนเองเรียบร้อยแล้วจะแวะเวียนไปที่เรือนสุ่ยเซียงที่พำนักของซุนเจียอีเสียหน่อย
ส่วนทางด้านซุนเจียอีนั้นนางไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าท่าทีที่เปลี่ยนไปของนางจะทำให้ความรู้สึกของนายหญิงของจวนและกุ้ยมามาที่มีต่อนางในการได้พบกันครั้งแรกจะพลันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางนี้ เพราะยามนี้นางกำลังเตรียมการรับมือกับบ่าวของเรือนสุ่ยเซียงที่ตั้งใจจะกดข่มคุณหนูต่างสกุลที่มาของพึ่งใบบุญของจวนสกุลเยว่อย่างเหิมเกริม ในกาลก่อนนางยังเด็กและไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของผู้คนภายในจวน แต่ยามนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่มีทางที่นางจะปล่อยให้ผู้อื่นคิดเอาเปรียบและกดขี่นางและป้าเฝิงได้อีก
