บทที่ 4 ช่วยคน
“ไม่ทราบว่าขบวนของพวกท่านมีท่านหมอติดตามมาด้วยหรือไม่ ฮูหยินของพวกข้าไม่สบายต้องการท่านหมอเป็นอย่างมาก” สตรีสูงวัยผู้หนึ่งเดินเข้ามาสอบถามกับหัวหน้าผู้ติดตามด้วยสีหน้าร้อนรน ซุนเจียอีจึงได้วางกล่องข้าวของตนเองลงแล้วเอ่ยถามออกมาเสียงเบา
“ข้าพอจะมีวิชาแพทย์ติดตัวอยู่บ้างมิทราบว่าพวกท่านจะยินดีให้ข้าเข้าไปตรวจอาการของฮูหยินของพวกท่านหรือไม่” ซุนเจียอีเอ่ยพลางล้างมือและรับน้ำชามาจิบเพื่อล้างปากแล้วจึงได้หันไปมองสตรีสูงวัยผู้นั้นด้วยแววตาสงบนิ่ง นางจำได้ดีว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้น แต่เป็นเพราะในตอนนั้นนางยังเด็กและไม่มั่นใจในฝีมือการรักษาของตนเองจึงไม่ได้ขันอาสายามที่ขบวนรถม้าของนางเดินทางจากไปก็ได้ยินว่าฮูหยินของขบวนรถม้านี้สิ้นใจไปเสียแล้ว
“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ ถึงยามนี้แล้วขอแค่เป็นผู้รู้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีฮูหยินของข้ามีไข้ขึ้นสูงจนยามนี้เป็นลมหมดสติไปแล้วตัวข้าเองก็ไร้หนทางจะช่วยเหลือแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อสตรีสูงวัยเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีจึงได้หันไปบอกให้ป้าเฝิงนำล่วมยาของนางติดตามไปด้วย แต่ป้าเฝิงกลับส่ายหน้าแล้วเอ่ยเตือนนางเสียงเบา
“คุณหนูเจ้าคะ”
“เจ้าวางใจเถิด ข้าก็แค่ไปดูอาการของนางเพียงเท่านั้นหากสามารถช่วยได้ข้าก็ช่วยหากช่วยไม่ได้พวกเขาคงจะไม่เอาเรื่องข้าและหาว่าข้าทำให้ฮูหยินของพวกเขาตายหรอก” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้สตรีสูงวัยผู้นั้นก็รีบตกปากรับคำในทันที
“ไม่โทษเจ้าค่ะ พวกข้าไม่โทษคุณหนูแน่นอน แต่รบกวนท่านรีบไปดูฮูหยินของข้าเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อสตรีสูงวัยผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีก็รีบเดินไปยังขบวนรถม้าอีกขบวนในทันทีโดยมีสตรีสูงวัยผู้นั้นเดินติดตามไปด้วยพร้อมด้วยป้าเฝิงที่รีบไปเอาล่วมยาของซุนเจียอีก่อน
เมื่อไปถึงสตรีสูงวัยผู้นั้นก็พาซุนเจียอีไปยังรถม้าคันหนึ่งที่ในยามนี้มีสาวใช้ยืนร้องไห้ตรงนั้นอยู่หลายคน ซุนเจียอีจึงได้รีบปีนขึ้นไปบนรถม้าในทันที บนรถม้ามีสตรีผู้หนึ่งนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่นางจึงทำการตรวจจับชีพจรและเบิกตาเพื่อดูรูม่านตาอย่าชำนาญ ประจวบเหมาะกับที่ป้าเฝิงนำล่วมยาของนางมาถึงแล้วซุนเจียอีจึงได้ใช้เข็มเงินฝังลงไปเพื่อให้ฮูหยินผู้นั้นฟื้นคืนสติขึ้นมา หลังจากนั้นจึงได้ฝังเข็มเพื่อช่วยระบายความร้อนของอุณหภูมิในร่างกาย
“ไข้ขึ้นสูงมากจนสิ้นสติไปขอแค่เพียงพยายามลดไข้ให้ได้ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว ข้าฝังเข็มเพื่อช่วยระบายความร้อนภายในให้ซึ่งสามารถช่วยได้ส่วนหนึ่งแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือยาลดไข้ สมุนไพรที่ข้านำติดตัวมาด้วยมีอยู่จำกัด อาจจะไม่เห็นผลในทันทีทันใดแต่ก็ถือว่าน่าจะยังพอช่วยเหลือได้” ซุนเจียอีเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ตอนที่นางจากมาท่านลุงใหญ่ของนางมอบสมุนไพรให้นางเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแม้ว่าสมุนไพรส่วนใหญ่จะเป็นนางที่เป็นคนเก็บมาก็ตามทีแต่เพราะมีท่านป้าสะใภ้คอยจับตามองอยู่ท่านลุงใหญ่จึงไม่อาาจะสร้างความลำบากให้แก่ตนเองด้วยการมอบสมุนไพรล้ำค่าให้นางได้
“เรื่องสมุนไพรคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินของข้าเปิดกิจการค้าขายสมุนไพรจึงพอมีสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คุณหนูต้องการตัวยาตัวไหนก็เขียนใบสั่งยามาได้เลย” เมื่อได้ยินเช่นนั้นซุนเจียอีก็รีบเขียนใบสั่งยาในทันที ส่วนป้าเฝิงก็รีบใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามข้อพับของฮูหยินผู้นั้นเพื่อลดไข้ จวบจนดื่มยาลดไข้ไปแล้วครู่หนึ่งลมอาการไข้ของฮูหยินผู้นั้นจึงได้ลดลง
“เจ้าคือคุณหนูสกุลใด วันหน้าเมื่อข้ากลับไปถึงเมืองหลวงย่อมจะต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน” เมื่อฮูหยินผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีก็แค่เพียงส่ายหน้า
“สามารถช่วยเหลือท่านได้ข้าก็รู้สึกดีแล้วเรื่องตอบแทนไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ” ซุนเจียอีเอ่ยพลางยิ้มออกมา พลางคิดย้อนไปถึงความเสียใจในวัยเยาว์ของนางตอนที่ขบวนรถม้าออกไปแล้วและนางได้รู้ว่ามีคนเสียชีวิตจากการล้มป่วย นางเคยนึกเสียดายอยู่บ้างที่นางไม่ได้ลองเข้าไปช่วยคนที่เสียชีวิตไปคนนั้น ยามนี้ในเมื่อนางได้ย้อนกลับมาอีกครั้งมีหรือที่นางจะไม่ลงมือช่วย อีกทั้งวิชาแพทย์ของนางก็พัฒนาขึ้นมาอีกมาก นางจึงไม่คิดจะลังเลที่จะออกหน้ามาดูอาการเช่นนี้
“เจ้าช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ข้าย่อมจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน อีกทั้งเจ้าอายุน้อยถึงเพียงนี้แต่การตรวจและการรักษากลับมีความคล่องแคล่วและชำนาญเป็นอย่างมากข้าย่อมอยากจะทำความรู้จักกับเจ้าเอาไว้อยู่แล้ว แม่นางน้อยที่มีความสามารถเช่นนี้หากไม่ทำความรู้จักเอาไว้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” คำพูดประโยคนี้ทำให้ซุนเจียอียิ้มกว้างออกมา
“ขอบคุณที่ชมข้านะเจ้าคะ ข้าชื่อซุนเจียอีเป็นหลานสาวต่างสกุลของฮูหยินจวนเสนาบดีเยว่ ยามนี้ข้ากำลังจะเข้าไปขอพำนักอยู่ที่นั่นหวังว่าวันหน้าพวกเราจะได้พบกันนะเจ้าคะ” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้นั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“คุณหนูซุนวันหน้าข้าจะต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน” ฮูหยินผู้นั้นเอ่ยพลางดึงหยกพกสีเขียวบริสุทธิ์มายื่นให้แก่นาง
“ข้าคือฮูหยินของเจ้ากรมคลังฉินมีนามว่าเฉียวเยี่ยน หยกพกนี้หากเจ้านำไปแสดงตัวที่ร้านขายยาหรูอี้ก็จะสามารถซื้อยาได้ในราคาพิเศษ หรือถ้าหากอยากได้ความช่วยเหลือจากข้าขอแค่เจ้านำหยกนี้ไปแสดงตัวที่ร้านพวกเขาก็จะแจ้งให้ข้าทราบในทันที” ซุนเจียอีทำท่าว่าจะไม่รับแต่เฉียวเยี่ยนกลับดึงมือของนางออกมาแล้วยัดหยกพกเข้ามาในมือของนาง
“เจ้ารับเอาไว้เถิด ชีวิตของข้าถูกเจ้าช่วยเอาไว้วันหน้าหากเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนหรือว่าลำบากใจก็อย่าได้ลืมที่จะคิดถึงข้า” เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ซุนเจียอีจึงได้รับหยกพกอันนั้นเอาไว้
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะเจ้าคะ ข้าก็ได้แต่หวังว่าวันหน้าฮูหยินคงจะไม่ต้องออกหน้ามาช่วยเหลือข้าเพราะว่าข้าไม่อยากจะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจหรือว่าความลำบากใจใดๆ ทั้งสิ้น” ซุนเจียอีเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่จริงจังนักแต่กลับทำให้เฉียวเยี่ยนยิ้มออกมา
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดและงดงาม หากข้ามีลูกได้ก็ได้แต่หวังว่าข้าจะมีลูกที่ทั้งเฉลียวฉลาดและงดงามเช่นเจ้า” เมื่อเฉียวเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีก็พลันขมวดคิ้ว
“เหตุใดจึงได้คิดว่าจะมีลูกไม่ได้เล่าเจ้าคะ ข้าตรวจร่างกายของท่านอย่างดีแล้วนอกจากอาหารป่วยไข้เนื่องจากการต้องลมหนาวแล้วท่านก็ไม่ได้มีจุดใดที่บกพร่องอีก ขอเพียงบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรงเลือกกินแต่อาหารดีๆ ท่านก็จะสามารถมีลูกได้แล้ว” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้เฉียวเยี่ยนก็พลันหัวเราะออกมา
“เด็กน้อยเอ๋ยเด็กน้อย เรื่องเช่นนี้ใช่ว่าข้าพร้อมแล้วก็จะสามารถมีได้ เอาเถอะข้ารบกวนเวลาของเจ้ามากแล้ว ยามนี้คนในขบวนรถของเจ้าคงจะเป็นห่วงเจ้าแล้วกระมัง” เมื่อเฉียวเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีจึงได้ขอตัวกลับ
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน ส่วนท่านขอแค่เพียงกินยาตรงตามเวลาและพักผ่อนให้เพียงพอก็จะสามารถหายดีได้ในเร็ววันแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยเช่นนี้เฉียวเยี่ยนจึงได้เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง พร้อมกับสั่งให้มามาคนสนิทของนางมอบสมุนไพรหายากเพื่อเป็นของกำนัลซุนเจียอีอีกมากมาย
“คุณหนู ท่านสามารถลดไข้ได้อย่างฉับพลันอีกทั้งยังทำให้คนที่มีไข้ขึ้นสูงถึงขนาดนั้นได้สติแล้วยังสามารถพูดคุยได้เหมือนคนปกติ ความสามารถของท่านดูเหมือนว่าจะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยนะเจ้าคะ” ป้าเฝิงเอ่ยขึ้นมาเมื่อพวกนางเดินพ้นจากการเดินมาส่งของมามาสูงวัยผู้นั้นแล้ว
“ข้าย่อมจะต้องพัฒนาขึ้นมาบ้างสิ ต่อไปพวกเราต้องพึ่งพาแต่ตนเองแล้ว หากความสามารถยังย่ำอยู่กับที่แล้วพวกเราจะเอาตัวรอดในเมืองใหญ่อย่างเช่นเมืองหลวงได้อย่างไร” ซุนเจียอีเอ่ยพลางมองไปยังบริเวณที่รถม้าสกุลเยว่จอดรออยู่ อีกทั้งยามนี้เยว่ซื่ออันกำลังยืนทำหน้านิ่วจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจอีกแล้ว
“พวกเรารีบออกเดินทางกันเถิดหากมัวชักช้าไปถึงตัวเมืองข้างหน้าไม่ทันก่อนมืด เห็นทีว่าพวกเราคงได้นอนกลางป่าเป็นแน่” คำพูดของเยว่ซื่ออันทำให้ทั้งซุนเจียอีและป้าเฝิงต่างก็รีบเร่งฝีเท้าไปที่ขบวนรถม้าในทันที
