บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เปลี่ยนไป

พักรักษาตัวอีกสองวันซุนเจียอีก็หายเป็นปกติดีแล้ว ช่วงเวลาที่นางรักษาตัวคนที่นางช่วยเอาไว้มาขอเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้ง แต่เพราะนางไม่อยากจะมีความผูกพันใดๆ กับคนผู้นั้นแล้ว นางจึงได้ปฏิเสธที่จะให้เขาเข้าพบ

“คุณชายของข้าอยากจะขอบคุณคุณหนูจากใจจริงแต่ในเมื่อคุณหนูไม่สะดวกให้เข้าพบเช่นนั้นคุณหนูก็ได้โปรดรับของขวัญเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของคุณด้วยเถิด ไม่เช่นนั้นในใจของคุณชายของพวกข้าคงจะไม่อาจจะสงบลงได้” ชายหนุ่มหน้าตาสะอาดเกลี้ยงเกลาเอ่ยกับซุนเจียอีในวันที่นางกำลังจะเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อไปขึ้นรถม้าเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ในเมื่อนางหายดีแล้วจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรั้งรออยู่ต่อ

“ฝากบอกคุณชายของท่านด้วยว่าข้าขอบคุณสำหรับของขวัญเหล่านี้ ในเมื่อเขาไม่สบายใจถ้าหากว่าข้าไม่รับสิ่งตอบแทนเช่นนั้นข้าก็จะขอทำหน้าหนารับของขวัญเหล่านี้ก็แล้วกัน วันหน้าก็จะได้ถือว่าระหว่างข้าและเขาไม่ได้มีเรื่องใดที่ติดค้างกันอีก” คำพูดของซุนเจียอีทำให้ทั้งป้าเฝิงและเยว่ซื่ออันที่เดินติดตามมาทางด้านหลังอดประหลาดใจไม่ได้ ส่วนชายหนุ่มที่มามอบของขวัญนั้นยิ้มออกมาด้วยความยินดีในทันที คำว่าไม่มีสิ่งใดติดค้างของแม่นางน้อยตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก

“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณหนูอีกครั้ง” เขาเอ่ยพลางหันไปสั่งให้ขนของขวัญเข้ามาซึ่งป้าเฝิงรีบเดินไปบอกให้พวกเขานำไปวางใบบนรถม้าที่ซุนเจียอีนั่งในทันที เมื่อมอบของขวัญเสร็จคนก็อำลากลับซุนเจียอีจึงได้เดินไปที่รถม้าของตน แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

“มากมายถึงเพียงนี้เชียว แล้วพวกเราจะนั่งอย่างไร” ซุนเจียอีเอ่ยพลางทำหน้ามุ่ย ตอนที่เอ่ยปากตอบรับของขวัญนางไม่คิดว่าของขวัญจะมีจำนวนมากมายถึงเพียงนี้

“แม่นมของเจ้าน่าจะพอนั่งเบียดไปกับข้าวของเหล่านี้ได้ ส่วนเจ้ามานั่งในรถม้าคันเดียวกับข้าก็แล้วกัน” เมื่อเยว่ซื่ออันเอ่ยเช่นนี้ซุนเจียอีจึงไม่มีทางเลือก นอกจากเดินติดตามเยว่ซื่ออันไปนั่งบนรถม้าคันเดียวกับเขา

“ข้ายังหลงคิดว่าเจ้าตั้งใจจะผูกสัมพันธ์กับคนที่เจ้าช่วยเหลือเอาไว้เสียอีก” เยว่ซื่ออันเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนหลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้ว

“เดิมทีก็คิดว่าอยากจะสร้างบุญคุณเอาไว้ แต่ยามนี้ข้าคิดได้แล้วว่าหากคิดว่าจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกติดค้างบุญคุณก็ควรจะเลือกคนที่เหมาะสมกับการทวงบุญคุณด้วย” คำพูดของซุนเจียอีทำให้เยว่ซื่ออันพลันขมวดคิ้วแล้วจึงได้เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“คนที่เจ้าออกหน้าช่วยเหลือผู้นั้นหากข้าจะบอกว่าฐานะที่แท้จริงของเขาสูงส่งกว่าที่เจ้าคาดเดาเอาไว้ยิ่งนัก เจ้าจะนึกเสียดายหรือไม่ที่วันนี้เจ้าไม่คิดจะทำให้เขารู้สึกติดค้างบุญคุณของเจ้า”

“ก็เพราะสูงส่งจนเกินไปอย่างไรเล่าข้าจึงรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะทำให้เขาติดค้างบุญคุณ คนในราชวงศ์เช่นเขาไม่มีทางลดตัวลงมาเป็นที่พึ่งพิงให้ข้าได้อยู่แล้ว แค่ข้ารับของขวัญตอบแทนน้ำใจก็ถือว่าจบสิ้นบุญคุณค่อกันแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมาตอบแทนน้ำใจข้าด้วยวิธีอื่นหรอก” คำพูดของซุนเจียอีทำให้เยว่ซื่ออันพยักหน้า

“ที่แท้เจ้าก็รู้แล้วว่าเขาคือคนในราชวงศ์” คำพูดของเยว่ซื่ออันทำให้ซุนเจียอีกยิ้มออกมา

‘ก่อนที่ข้าจะตายและได้ย้อนเวลากลับมา เขาและข้าเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน แล้วข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรเล่าว่าเขาคือองค์ชาย’ แน่นอนว่าคำพูดประโยคนี้นางได้แต่คิดอยู่ในใจไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ที่เอ่ยออกมาก็แค่ถ้อยคำตอบรับเพียงเท่านั้น

“พอจะคาดเดาได้เจ้าค่ะ ข้างกายเขามีบ่าวรับใช้ที่เป็นขันทีอยู่หลายคน คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำลายความเป็นบุรุษของข้ารับใช้ของตนเองเฉกเช่นคนในราชวงศ์หรอกเจ้าค่ะ” คำพูดของซุนเจียอีทำให้เยว่ซื่ออันต้องเอ่ยถามออกมาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาคือขันที”

“ข้าเรียนวิชาแพทย์มานี่เจ้าคะ สมุนไพรบางอย่างที่พวกเขาใช้ก็ล้วนมีกลิ่นเฉพาะตัว อีกทั้งร่างกายก็แตกต่างจากคนทั่วไปย่อมสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว” เมื่อซุนเจียอีเอ่ยจบนางก็ผินใบหน้าออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อเป็นการตัดบทและจบบทสนทนา ในกาลก่อนนางอาจจะอยากใกล้ชิดและสนิทสนมกับเขา แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่าคนเช่นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเวลาพูดคุยและเอาอกเอาใจให้มากความ คนสูงส่งเช่นเขามักจะมองนางว่าเป็นแค่เพียงจอกแหนที่ล่องลอยผ่านหูผ่านตาของเขาไป อีกทั้งในภายหน้าเขายังเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายนางมีหรือที่นางจะทำใจใกล้ชิดเขาได้อีก

“ดูเหมือนว่าหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจากอาการป่วยเจ้าจะเปลี่ยนไปนะ” น่าเสียดายที่เยว่ซื่ออันผู้นี้ไม่เคยให้ความร่วมมือกับนางเลยสักนิด ในกาลก่อนเขาจะพูดคุยกับนางก็แค่ในยามจำเป็นเพียงเท่านั้น แต่ยามนี้ไม่เพียงไม่มีทีท่าว่ารำคาญและเบื่อหน่ายแต่ยังพยายามที่จะเปิดบทสนทนากับนางเสียด้วย

“ญาติผู้พี่เองก็เปลี่ยนไปนะเจ้าคะ ดุเหมือนว่าท่านจะพูดคุยเก่งมากยิ่งขึ้น ท่านไม่กลัวว่าข้าจะพยายามทำตัวสนิทสนมกับท่านและหาผลประโยชน์จากท่านแล้วหรือ” ดูเหมือนว่าคำพูดของนางจะโจมตีเขาได้อย่างตรงจุด เขามีสีหน้าละอายใจเพียงเล็กน้อยแล้วก็ไม่ได้พยายามชวนนางพูดคุยอีก คนหนึ่งนั่งจิบน้ำชาและอ่านตำราไปตลอดทาง ส่วนอีกคนก็นำตำราแพทย์และตำราสมุนไพรของตนออกมาอ่าน เวลาผ่านไปเพียงพริบตาก็ถึงจุดพักแล้ว

“คุณหนูเจ้าคะ ลงมายืดเส้นยืดสายสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อป้าเฝิงเอ่ยเรียกนางก็รีบลงจากรถม้าในทันที นอกจากจะยืดเส้นยืดสายแล้วยังมีเรื่องการกินอาหารและปลดเบาแม้ว่าจะไม่สะดวกสบายเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าผู้ดูแลและผู้คุ้มกันเหล่านี้มีความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างดี เยว่ซื่ออันแยกไปนั่งกินอาหารของเขาอีกฝั่งส่วนซุนเจียอีและแม่นมของนางก็นั่งกินอาหารด้วยกันอีกฝั่ง ยามที่มีขบวนรถม้าอีกขบวนมากจอดพักด้วยพวกเขาก็แค่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ทำธุระของตนเองไปเพียงแค่นั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel