บทที่๖...ไม่ชอบ (๒)
“คุณหนูไม่นอนเหรอครับ” ยามค่ำคืนที่พระจันทร์กลมโตส่องสว่าง นาฬิกาบ่งบอกเวลากำลังจะล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้ว เจ้าของสวนยายจันทร์เดินมาร่วมวงกับบรรดาคุณลุงทั้งหลาย
หล่อนนอนไม่หลับเพราะคิดถึงสัมผัสที่ปูรณ์ทิ้งเอาไว้ เกลียดที่เขาทำอะไรตามใจตนเองและมารังแกคนอ่อนแอกว่า การกระทำของเขามาหยามศักดิ์ศรีเธอเกินไปแล้ว คิดว่าหล่อนเป็นของเล่นจะจับไปไวตรงไหน หรือทำอะไรก็ได้หรือไง
“คุณหนูอย่าครับ นี่มันสาโทชนิดแรงนะครับ” ห้ามไม่ทันเสียแล้วเมื่อหล่อนเทเหล้าจากไหลงแก้วเปล่า ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะเช็ดปาก
หลายคนมองหน้ากันเลิกลัก ไม่คิดว่าจะเจออรนลินในรูปแบบนี้ เธอไม่สนใจคนรอบข้างสักนิด กลับยกแก้วสีใสดื่มสาโทเพียงคนเดียวจนหมดไห ดื่มนานไปรสชาติที่เคยฝาดกลับหวานจนหยุดไม่ได้ ความเจ็บช้ำทำให้หล่อนขาดสติในการใช้ชีวิตไปครู่หนึ่ง
“บอกคุณหนูมึงพอสิวะ เหลือเหล้าไม่กี่ไหเอง” ลุงคนหนึ่งกระซิบเพื่อนสนิท สาโทหรือที่คนในชนบทเรียกว่าเหล้าอุ เป็นเครื่องดื่มของชาวผู้ไทยหรือภูไท เอาไว้สำหรับดื่มสังสรรค์งานบุญ หรือเลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
รสชาติจะออกหวานกลมกล่อม มีดีกรีอยู่ที่ 5 – 10 ดีกรี ไม่ค่อยแรงมากแต่ถ้าดื่มเข้าไปเยอะก็ทำเอาเมาเหมือนกัน พวกเขาอุตส่าห์ใช้เวลาทำเกือบสองสัปดาห์เพื่อจะมาดื่มสังสรรค์ในวันนี้ แต่อรนลินก็คว้าไปคนเดียวสองไห แทบไม่เหลือให้คนสูงวัยได้ลิ้มรส
“ช่างเถอะน่า พวกมึงก็กินไปตั้งเจ็ดไหแล้วไม่ใช่เหรอ” ลุงน้อยคร้านจะห้าม อย่างไรหล่อนก็ไม่ฟังจึงต้องบอกเพื่อนในหมู่บ้านว่างานเลี้ยงคงต้องเลิกรา
หลายคนพากันกลับบ้านทั้งที่สติเริ่มเลือนราง เดินเซแทบจะล้มอยู่แล้ว เหลือแต่คุณลุงที่นั่งเฝ้าคุณหนูของตนเองแล้วถอนหายใจ ไม่นานป้าสายบัวก็มาดูสามีเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมกลับบ้านสักที
พอเห็นอรนลินกำลังยกไหขึ้นกรอกก็ตกใจ ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายแตะเครื่องดื่มมึนเมาสักครั้ง จนเริ่มสงสัยว่าอะไรดลใจให้หญิงสาวแตะของพวกนี้
“เกิดอะไรขึ้น” ถามสามีเสียงเบา จะทักคุณหนูของตนก็ไม่กล้า ยกเหล้าเข้าปากไม่เว้นจังหวะขนาดนั้น แถมเรอออกมาอีกต่างหาก
“ไม่รู้เหมือนกัน” ลุงป้าจึงทำเพียงเฝ้าหญิงสาว ก่อนที่หล่อนจะล้มพับกลางวงเหล้าหลังจากจัดการสาโทไปกว่าสองไหเพียงผู้เดียว
“ตายแล้ว คุณหนู!”
แสงที่ส่องเข้ามาภายในห้องนอนทำเอาหล่อนต้องหันหน้าหลบสิ่งที่กำลังรบกวนการนอนของตนเอง มือเล็กวาดไปด้านข้างหวังกอดหมอนข้างแต่สิ่งที่ได้คือความแข็งและอุ่นคล้ายเนื้อคน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที
นึกสงสัยว่ามันคืออะไรแต่ก็ขี้เกียจแม้แต่จะลืมตามามอง ลมร้อนเป่ารดหน้าผากทั้งเตียงที่ยวบอีก อรนลินไม่อาจข่มตาหลับได้จึงรีบลืมขึ้นดูผู้บุกรุก ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อที่แสนคุ้นเคยจ้องมองตนแล้วส่งยิ้มให้
ร่างบางรีบลุกนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว แต่กลับปวดหัวจนต้องยกมือกุมขมับ หล่อนจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ รู้แต่ตนนอนไม่หลับจนต้องพึ่งน้ำเมาของลุงน้อย ดื่มไปหลายแก้ว ไม่สิ...ใช้คำว่าไหจะถูกต้องกว่า
ทั้งที่ไม่เคยแตะแอลกอฮอล์ เพราะสติหลุดเมื่อคืนนั้นแหละ และสาเหตุก็มาจากปูรณ์ คนที่นอนอยู่ข้างกายหล่อนตอนนี้
“ปวดหัวเหรอ พี่ทำต้มยำไว้ให้ แก้อาการแฮงค์ได้ผลดีเลยนะ” จะเข้ามาประคองแต่ร่างบางก็ขยับห่าง ซึ่งถ้าหล่อนขยับอีกนิดเดียวมีสิทธิ์ตกเตียงได้เลย
“พี่ปูรณ์มาได้ไง” ลำคอแห้งผากจนอยากดื่มน้ำแก้กระหาย
ชายหนุ่มยกยิ้มยามมองดวงตากลมที่จ้องเขาด้วยความหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาต้องการทำให้เรื่องเมื่อคืนมันชัดเจน ร่างสูงถอดเสื้อออกจนเจ้าของบ้านร้องห้ามแทบไม่ทัน ก่อนจะหันหลังให้หล่อนดู
รอยเล็บยาวขูดผิวเนื้อจนขึ้นรอยแดง คิ้วสวยแทบจะผูกกันเป็นปม พยายามส่ายศีรษะไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น เริ่มจับตามเนื้อตัวตนเองพบว่าสวมเพียงชุดนอนกระโปรงยาวที่ไม่มีชั้นในห่อหุ้มสักชิ้น เธอรีบกอดผ้าห่มเอาไว้แน่น
“เมื่อคืนเรามีความสุขกันมากเลยนะ”
โกหก!
มันต้องเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ในเมื่อตนเองจำอะไรแทบไม่ได้แล้วจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับเขาได้อย่างไร ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกระหว่างเรา แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่ยังมึนตึงใส่กันอยู่แบบนี้
“ไม่จริง พี่ปูรณ์โกหก” ไม่เชื่อกับสิ่งที่เขาบอก แต่ก็พยายามนึกเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง หลังจากที่ทะเลาะกับสามีหล่อนก็ขึ้นมาบนห้อง จำได้ว่าโมโหมากทั้งคิดสะระตะจนไม่อาจข่มตาหลับได้ ตัดสินใจลงไปดื่มเหล้ากับลุงด้านล่าง
ดื่มไปเยอะเหมือนกันแล้วฟุบหลับ เรียกได้ว่าภาพตัดอยู่ตรงนั้นก็ไม่ผิดนัก หล่อนกุมขมับคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
‘อ่า พี่ปูรณ์’ ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น เสียงกระเส่าที่ได้ยินมันเป็นเสียงของเธอแน่
“จำได้แล้วใช่ไหม” เห็นอาการตกใจของหล่อนก็ยกยิ้มทันที คาดว่าหญิงสาวคงจำเรื่องราวเมื่อคืนได้แล้ว แต่เธอก็ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่จริง พี่โกหก” ยังคงย้ำอยู่อย่างนั้น ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าจะลืมราวเมื่อคืน ถึงจะเมาแต่มันก็ต้องมีสติอยู่บ้าง ถ้าเกิดมีความสัมพันธ์กันจริงหล่อนต้องจำได้สักนิด แต่นี่คิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
ยกเว้นเสียงครางของตัวเอง...
แต่ภาพก็ค่อยเด่นขึ้นเมื่อหล่อนนอนอยู่บนเตียง แล้วมีคนเข้ามาในห้องยามวิกาล โคมไฟที่เคยปิดถูกเปิดจนเห็นคนที่บุกรุก ชายหนุ่มหน้าคมที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีเพราะเขาคือสามีของเธอ อีกฝ่ายนั่งลงข้างเตียง ไล้มือตามกรอบหน้าสวย
“พี่ปูรณ์” เสียงของหล่อนแผ่วเบาจนเขาแทบไม่ได้ยิน
“พี่ต้องทำยังไงอ้ายถึงจะหายโกรธ” สองดวงตาสบกัน เธอได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ใบหน้าที่โน้มลงมาทำให้ลำตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ สมองบอกให้ผลักไสแต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตาม หล่อนยกแขนขึ้นกอดลำคอหนาเอาไว้
เงยหน้ารับจุมพิตนั้นอย่างเต็มใจ ไม่เหมือนเมื่อเย็นที่ปฏิเสธทั้งยังทำร้ายร่างกายของฝ่ายชายอีก ภาพเหล่านั้นหลั่งไหลเข้ามาก่อนจะตัดไปเมื่อแสงจากโคมไฟดับลง
“ไม่จริง” แทบกรีดร้อง เงยหน้ามองปูรณ์ที่ยังคงยิ้มให้ภรรยา
“จำได้แล้วใช่ไหมว่าเมื่อคืนเรามีความสุขมากแค่ไหน อ้ายร้องขอให้พี่เข้าไป ไหนจะบอกว่าเร็วกว่านี้ อย่าหยุด อ้ายต้องการ...” ยังพูดไม่ทันจบเธอก็รีบมาปิดปากเขาเอาไว้ก่อน ไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นให้เจ็บใจ
น้ำเมาที่ดื่มเข้าไปทำให้ทุกอย่างผิดแผนไปหมด ร่างกายเธอก็ตอบสนองเขาดีเหลือเกิน เพียงแค่แตะนิดแตะหน่อยก็อ่อนระทวยแล้ว
มือเล็กที่ปิดปากเขาอยู่ช่างนุ่มจนอดใจไม่ไหว จูบมือนั้นทำเอาเธอต้องผละออกห่าง แล้วรีบเช็ดมือกับผ้าห่มราวรังเกียจการสัมผัสนั้น
“ไม่เอาน่า เมื่อก่อนเราก็เคยมีอะไรกันแล้ว อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่สิ” พยายามปลอบแต่เธอก็ไม่ยอมจบ กลับโพล่งด้วยความโกรธ
“สำหรับอ้ายมันคือเรื่องใหญ่ค่ะ เพราะมันเท่ากับพี่ล่วงละเมิดทางเพศ เรื่องเกิดตอนที่อ้ายสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ คนที่มีสติครบอย่างพี่ก็ควรจะหยุดไม่ใช่เหรอคะ เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของอ้าย และมันไม่ตลกสักนิด” บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทำให้ใบหน้าคมค่อยหุบยิ้มลง รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองทำลงไป แต่จะให้ถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ร่างสูงตัดสินใจรวบรัดเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าปฏิเสธอะไรได้อีก
“แต่เราก็ถือว่าเป็นผัวเมียกัน พี่ให้เก๋งย้ายของพี่มาบ้านอ้ายแล้ว ต่อจากนี้พี่จะอยู่กับอ้ายที่บ้านหลังนี้” เธออ้าปากค้างกับการตัดสินใจของชายหนุ่ม ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับคำด่าว่า แถมยังฉกฉวยโอกาสเพื่อทำตามใจตนเอง
เชื่อเขาเลย...
เจ้าของบ้านหายใจเข้าออกพยายามระงับอารมณ์ บรรยากาศในห้องไม่ดีเสียแล้ว หล่อนจ้องหน้าคนเป็นสามีนิ่ง ไม่อยากยอมเป็นเบี้ยล่าง และเธอก็ไม่ต้องการให้เขามาอาศัยที่บ้านหลังนี้ด้วย
ตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อกำจัดกลิ่นเหล้าที่เหม็นไปทั่วกาย ออกมาด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงผ้านุ่มขาสั้น ใบหน้าหวานยังคงสวยงามแม้จะไม่มีเครื่องสำอางปกปิด จ้องมองชายหนุ่มที่ยังนั่งรอตนเองอยู่ในห้อง
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเขากำลังอ่านไดอารี่ที่เธอเขียนตอนตกหลุมรักชายหนุ่มครั้งแรก มันน่าอายจนต้องรีบไปแย่งมาถือไว้
“ไม่มีมารยาท อ่านของคนอื่นทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ไง” ต่อว่าทันที แต่คนตัวสูงก็ยังอมยิ้มเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“อ้ายเขียนให้พี่ไม่ใช่เหรอ” หล่อนเม้มปากแน่น ไม่อยากตอบและอับอายที่เขาได้อ่าน ไม่รู้ว่าปูรณ์อ่านไปกี่หน้าแล้ว แต่ละอย่างที่เขียนเลี่ยนทั้งนั้น
เมื่อก่อนหล่อนหลงเขาอย่างกับคนโดนของ พี่ปูรณ์ทำอะไรก็ดีไปหมดทุกอย่าง แต่งงานโดยไม่รู้ว่าเขายังไม่ลืมแฟนเก่า
และตอนนี้ผู้หญิงที่หน้าเหมือนแฟนเก่าเขายังวนเวียนข้างกายอีก
“อ้ายเขียนบันทึกไว้อ่านเองค่ะ พอกลับมาอ่านอีกทีมันก็ทำให้รู้ว่าเมื่อก่อนโง่แค่ไหน” ตอกย้ำตนเองทว่าคนฟังกลับเจ็บปวดไปด้วย
“ไม่ใช่หรอก อ้ายไม่ได้โง่เลย เป็นพี่ต่างหากที่โง่” ทำหน้าเศร้าแต่เธอไม่ได้สงสารเขาสักนิด
“เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถึงพี่ปูรณ์ไม่โทษตัวเองอ้ายก็จะบอกว่าพี่โง่อยู่ดี รีบออกไปได้แล้วจะอยู่ห้องอ้ายอีกนานไหม” เจ้าของห้องเก็บสมุดเล่มนั้นไว้ในตู้แล้วดันแผ่นหลังหนาให้ออกไปข้างนอก
พอลงมาข้างล่างก็เห็นกระเป๋าของเขาวางเกลื่อนพื้น พอดีกับที่เก๋งยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อหลังยกกระเป๋าเจ้านายมาไว้บ้านของภรรยา คนตัวเล็กตาโตก่อนจะหันมองป้าสายบัวที่ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรเลยสักคำ นอกจากมองดูพลางอมยิ้ม
“นี่มันอะไรกัน” พึมพำไม่อยากเชื่อกับสายตาตัวเอง เรื่องเมื่อคืนมันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้เลยเหรอ
“พี่จะมาอยู่ที่นี่กับอ้ายไง เราจะได้ไม่ต้องห่างกัน” เขาทำหน้าระรื่น จนหญิงสาวลมแทบจับ อาการแฮงค์หายเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่รู้เรื่องเมื่อคืน
“เก๋ง เก็บของพี่ปูรณ์กลับไปบ้านหลังนู้นเดี๋ยวนี้” สั่งเสียงเข้มด้วยแววตาจริงจัง
เธอจะไม่ยอมให้เขามาอยู่ด้วยเด็ดขาด!
