บท
ตั้งค่า

บทที่๖...ไม่ชอบ (๑)

บทที่๖...ไม่ชอบ

พวกเขาเดินไปยังซุ้มของเล่นโยนกำไลใส่ขวดแล้วจะได้ของรางวัล งานนี้เกษตรอำเภอหนุ่มรีบเสนอตัวทันที เพราะตนเองถนัดกับเกมนี้เป็นอย่างมาก เคยเล่นกับเพื่อนแล้วชนะตลอด ทำเอาปูรณ์ที่คิดว่าตอนแรกจะยืนดูต้องลงสนามประลอง

ใครจะอยากให้ชายอื่นมาแย่งความสนใจจากภรรยา ถึงเขาไม่เคยเล่นแต่ขอลองดูสักครั้งแล้วกัน ชายหนุ่มทั้งสองยืนประจำที่ ก่อนคนขายจะนำกำไลแก้วหลากสีมาให้คนละสิบวง หนุ่มนักดนตรีหยิบมาถือก่อนจะลองเล็งว่าตนจะโยนลงขวดไหม

อรนลินยืนกอดอกมองเพียงสามีของตนเอง แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างคุยกัน แน่นอนว่าเป็นเรื่องของปูรณ์อย่างไม่ต้องสงสัย

“ผู้ชายคนนั้นหล่อจังเลย” เอ่ยชมพลางบิดลำตัวด้วยความเขินอย่างไม่ปิดบัง

“คนไหน หล่อทั้งสองคนแต่ฉันว่าคนละแบบ คนใส่เสื้อยืดสีขาวหล่อกว่า” มองตามก่อนจะสังเกตว่าสามีหล่อนแต่งตัวสบายมากแค่ไหน มีเพียงเสื้อยืดสีขาวไม่มีลวดลายกับกางเกงยีนส์และรองเท้าแตะ ส่วนเตชินเลือกเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายขวาง กับกางเกงสแล็คและรองเท้าผ้าใบ บรรจงเลือกสรรชุดที่ใส่อย่างดิบดี

ถ้าให้หล่อนเลือกก็ชอบปูรณ์มากกว่านั่นแหละ มันเป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว

หลายวันมานี้เธอเลือกที่จะเมินสามี เขาไม่เคยให้คำตอบอะไรได้สักอย่าง ไม่มีคำพูดจาหรืออธิบายแม้แต่ประโยคเดียว จนอรนลินคิดว่าอีกฝ่ายต้องการเริ่มต้นใหม่กับตนจริงเหรอ อยากมีเธออยู่ในชีวิตหรือเปล่า

ทำไมไม่เคยแชร์เรื่องราวอะไรสักอย่างเลย บางทีการที่เขาไม่ยอมหย่าไม่ใช่ว่าเขารักหรอก แต่เพราะหวงก้างมากกว่า

“เล่นขำๆ นะครับ ไม่ต้องจริงจังมากหรอก” ขณะที่กำลังจะเริ่มเตชินก็หันมาบอกคู่ต่อสู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ดวงตาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

หนุ่มเมืองกรุงยกยิ้มมุมปาก แค่อ้าปากก็เห็นไปถึงลิ้นไก่แล้วว่าชายคนนั้นต้องการเอาชนะเขามากแค่ไหน ซึ่งคนอย่างปูรณ์ไม่มีทางยอมให้มาหยามหรอก

“ครับ แค่ขำๆ” แล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจังสำหรับสองหนุ่มราวชิงแชมป์ระดับโลก ใบหน้าคมของหนุ่มนักดนตรีเครียดจนคิ้วแทบจะผูกเป็นโบว์ เขาโยนลงขวดแค่วงเดียว พอหันไปมองคนที่อยู่ด้านข้างถึงกับต้องสบถด้วยความหัวเสีย

เตชินโยนกำไลลงขวดเกือบทุกวง แล้วอีกฝ่ายยังหันมายิ้มเยาะเย้ยให้เขาอีกด้วย พอจบรอบกำลังจะขอเล่นต่อแต่คนข้างหลังที่มารอก็ทำหน้าเข้มจนปูรณ์ไม่กล้าพูดอะไร เดินคอตกมายืนข้างภรรยา ขณะที่เกษตรอำเภอยิ้มร่ามีความสุข

ได้ของรางวัลเป็นตุ๊กตาตัวขนาดกลางมาครอบครอง กำลังชั่งใจว่าควรจะยื่นให้อรนลินดีไหม แต่เขาก็ไม่กล้าจึงได้มอบให้เด็กน้อยที่อยู่แถวนั้นแทน

“คุณเต้ เจอพอดีเลยผมอยากถามเรื่องปุ๋ยที่ทางอำเภอส่งมาให้ลอง” สองเท้าชะงักเมื่อมีคนเข้ามาทักทาย จำต้องหยุดคุยกับชาวบ้านทั้งที่มันไม่ใช่เวลางานของตนเอง

ปูรณ์หันมาเห็นว่าเตชินกำลังพูดคุยกับคนในหมู่บ้าน เขารีบคว้าข้อมือเล็กแล้วจูงให้เดินออกจากที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว ทำเอาอรนลินแทบไม่ทันตั้งตัวแต่ก็เดินตามชายหนุ่มไม่อย่างนั้นได้ทะเลาะกันกลางงานวัดแน่

“พี่ปูรณ์ปล่อย อ้ายเดินเองได้” บอกเสียงเข้ม พยายามไม่ให้เป็นที่สังเกตจนเกินไป จนกระทั่งเดินมาหยุดที่ซุ้มปาลูกโป่ง ร่างสูงจึงได้ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เล่นเอาคุณหนูของป้าสายบัวต้องยกข้อมือมาดูว่าเป็นรอยไหม เพราะตอนที่ชายหนุ่มจับก็ไม่ใช่เบามือ แทบจะกระชากด้วยซ้ำ

“ถ้าพี่ปาได้เจ็ดดอก อ้ายจะยอมบอกไหมว่าโกรธอะไรพี่” หันมาต่อรอง ทว่าหญิงสาวกลับเมินหน้าแล้วคิดจะเดินหนี แต่เขาก็คว้าแขนเรียวเอาไว้ได้อีก จนเธอต้องทำหน้าดุพลางมองซ้ายขวากลัวเป็นที่สังเกต

“ปล่อยอ้าย” ไม่ตกลงแถมยังพยายามสะบัดมือให้เขาปล่อยตนเอง แต่ดูเหมือนว่าปูรณ์จะไม่ยอมปล่อย ยิ่งตกเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา

ด้วยความหน้าตาดีทั้งคู่เกินกว่าจะอยู่ในชนบทที่ห่างไกลเมืองหลวงเช่นนี้ หลายคนที่รู้จักอรนลินก็สะกิดให้ดูสองสามีภรรยาหยอกล้อกันยกใหญ่ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกินในสายตาของคนนอก

“ถ้าอ้ายเดินหนีอีกพี่จะจูบโชว์ตรงนี้แหละ” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น ตกใจไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าทำเช่นนั้นจริง การแสดงความรักลักษณะนั้นต่อหน้าธารกำนัลยิ่งทำให้หล่อนอับอายมากกว่าเดิม

“นี่มันในวัดนะ” กัดฟันบอกเขา ขณะที่ปูรณ์กลับยักไหล่ราวไม่ยี่หระ

“พี่ไม่สน อยากลองดูไหมล่ะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะทำจริง แค่ต้องการขู่อรนลินให้ยอมทำตาม ซึ่งหล่อนก็จ้องร่างสูงราวจะกินเลือดกินเนื้อ ขัดใจที่ต้องยอมทำตามคำสั่ง

“ก็ได้ๆๆ” ยอมตกลงทั้งที่ใจจริงไม่อยากทำสักนิด

ปูรณ์อมยิ้มแล้วหันไปยื่นเงินให้คนขาย เขาไม่เคยเล่นเกมนี้แต่คิดว่าคงไม่ยากเท่าไหร่ การปาเป้าก็เหมือนการยิงปืนนั่นแหละ อดีตแชมป์นักกีฬายิงปืนอย่างตนมีหรือจะพลาด หยิบลูกดอกขึ้นมาปาใส่ลูกโป่งจนมันแตก

ยกยิ้มพึงพอใจกับผลงานของตนเอง ขณะที่หญิงสาวได้แต่กอดอกยืนมอง ดูจากแววตาแล้วเหมือนอีกฝ่ายจะมั่นใจว่าคงไม่พลาดเป้า แต่อะไรก็ไม่แน่นอนหรอก

“ดอกสุดท้ายแล้วนะ” หันมาบอกจนเธอนึกหมั่นไส้ เอื้อมมือไปหยิกที่หลังจนร่างสูงสะดุ้ง

“โอ๊ย เจ็บนะอ้าย” ลูบแผลที่โดนหยิกพลางบอกเธอ

“เหรอคะ นึกว่าหนาจนไม่รู้สึกอะไรซะอีก” หญิงสาวขยับออกห่างแล้วมองลูกดอกสุดท้าย ลุ้นว่ามันจะเข้าเป้าหรือไม่

และลูกดอกก็ปักตรงกลางลูกโป่งจนมันแตก พอดีกับเสียงเรียกชื่อหญิงสาวซึ่งดังมาจากข้างหลังจนหล่อนต้องหันไปมอง ปูรณ์แย้มยิ้มออกมาด้วยความสุขก่อนจะหันมาหาภรรยา

ทว่าสายตาหล่อนกลับมองไปยังเตชินที่เดินแกมวิ่งเข้ามาร่วมวง หนุ่มนักดนตรีหุบยิ้มลงทันที อารมณ์ที่เคยสุนทรีถูกแทนที่ด้วยความคุกรุ่น

“คุณอ้ายครับ ขอโทษที่คุยนานไปหน่อย พอดีมีคนถามเรื่องงานน่ะครับผมเลยอดไม่ได้ คุยซะเพลิน” อธิบายให้ฟังโดยที่ไม่ต้องถามด้วยซ้ำ จนเธอแอบนึกเปรียบเทียบอยากให้สามีตนเองเป็นแบบนี้บ้าง

แต่ก็ต้องรีบสลัดความคิดนั้นออกอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเป็นเหมือนใครได้หรอก ทุกคนย่อมมีทางของตัวเองทั้งนั้น

“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องงานนี่คะ” ทั้งสองคุยกันโดยตัดปูรณ์ออกจากวงจร เขารับตุ๊กตามาจากพนักงานก่อนจะกำมันแน่น ไม่มีอารมณ์อยากทำอะไรแล้ว แต่ถ้ากลับบ้านคนเดียวแล้วปล่อยให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันเขาก็ไม่เอาด้วยหรอก

“ผมกับอ้ายขอตัวกลับบ้านแล้วกันนะครับ ดึกมากแล้ว” คว้าข้อมือเล็กมาจับเอาไว้ พลางบอกกับบุคคลที่สาม แต่หล่อนขืนตัวเอาไว้

“พี่ปูรณ์กลับก่อนเลยค่ะ อ้ายยังไม่อยากกลับ” ดวงตาคมดุจ้องภรรยานิ่ง ข่มความโกรธเอาไว้ไม่ให้ประทุ

“พี่บอกให้กลับบ้าน” สองคนยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้น จนคนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจ มือหนากำแขนเล็กแน่นจนใบหน้าหวานเหยเก เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวแล้วคลายมือเล็กน้อย ไม่อยากเห็นหล่อนเจ็บ

เตชินเห็นท่าไม่ดีจึงไม่อยากให้ตนเองเป็นประเด็นทะเลาะของทั้งสองคน ถึงจะไม่ชอบวิธีการของปูรณ์เท่าไหร่ แต่สถานะของตนคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

“ผมว่ากลับก่อนดีกว่าครับ ค่อยมาใหม่ก็ได้” เคลียร์เพื่อให้เรื่องจบ จนอรนลินมองสามีตัวเองนิ่ง หล่อนกัดฟันข่มความโกรธเอาไว้ แล้วบิดมือจนหลุดจากการเกาะกุม ดวงตากลมวาวใสด้วยหยาดน้ำตา พยายามบังคับไม่ให้มันไหลออกมา

“ค่ะ กลับ” หนุ่มเมืองกรุงถอนหายใจเสียงดัง ในขณะที่บอกให้เธอกลับแต่อีกฝ่ายปฏิเสธ แต่เตชินพูดคำเดียวหล่อนทำตามไม่โต้แย้ง แค่คิดก็โมโหจนอยากระบายด้วยการชกอะไรสักอย่าง

ร่างหนาเดินตามภรรยาไปอย่างรวดเร็ว ฉุดเธอให้ขึ้นรถคันเดียวกันก่อนขับกลับบ้านปล่อยให้เกษตรอำเภอมองตามหลังแล้วถอนหายใจ

เขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป...

ปัง

เสียงปิดประตูรถดังจนคนตัวสูงเกือบสะดุ้ง เขารีบเดินอ้อมไปคว้าแขนเธอเอาไว้ จนหญิงสาวเริ่มรำคาญเสียแล้ว วันนี้เธอโดนลากไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนสุดท้ายก็ยกกำปั้นขึ้นทุบแผงอกหนาด้วยความอัดอั้น ไม่มีผ่อนแรงสักนิด

หล่อนใส่เต็มจนเขาเริ่มจุกก่อนจะจับมือเล็กเอาไว้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบดวงตาคม หล่อนเช็ดน้ำตาที่คลอเต็มหน่วยออกเพื่อมองเขาให้ชัด

“ตอนไหนพี่จะหย่ากับอ้ายสักที อ้ายเบื่อเต็มทนที่ต้องอยู่แบบนี้ อ้ายเกลียดพี่ ได้ยินไหมว่าอ้ายเกลียดพี่” พยายามผลักร่างสูงออกห่างแม้เขาจะรั้งหล่อนเข้าไปกอดแทบจมอก

คำว่าเกลียดที่ภรรยาเอ่ยออกมามันเสียดแทงหัวใจซะเหลือเกิน ไม่เคยได้ยินหล่อนใส่อารมณ์กับตนเองขนาดนี้มาก่อน จนกลัวว่าจะเสียอรนลินไปจริงๆ ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด

“งั้นอ้ายก็เลิกให้ความหวังผู้ชายคนอื่นสิ อ้ายมีแค่พี่ไม่ได้เหรอ” พอได้ฟังอย่างนั้นหล่อนก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ ทำไมเธอต้องทำตามความต้องการของเขาด้วย

ทิ้งไปห้าปีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง

“อ้ายจะให้ความหวังผู้ชายคนไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของอ้าย พี่ปูรณ์ไม่ต้องยุ่ง ต่างคนต่างอยู่ไปเหมือนที่พี่ทำมาตลอดเถอะค่ะ” ผละออกมาแล้วจ้องดวงหน้าคมนิ่ง

เสียงร้องเพลงดังไปทั่วสวนเพราะลุงน้อยพาเพื่อนมานั่งดื่มเหล้าตั้งแต่ช่วงเย็น โดยมาขออนุญาตคุณหนูเรียบร้อยแล้ว และเธอก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน จึงได้ให้บรรดาคุณลุงนั่งอยู่แคร่หน้าบ้านหลังงาม ยุงตรงนี้ไม่เยอะเท่าบ้านของลุงป้า

ตรงที่พวกเขายืนคุยกันแสงไฟส่องไม่ถึง จึงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่ อารมณ์ของสามีภรรยาพุ่งสูงด้วยความโกรธไม่ต่างกัน ร่างสูงหายใจเข้าออกแทบไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาคว้าใบหน้าหวานแล้วพุ่งเข้าจูบอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ

นับเป็นจูบแรกหลังจากห่างหายไปกว่าห้าปี ไม่มีความอ่อนหวานอ่อนโยนสักนิด ราวกับว่าเขาต้องการลงโทษหญิงสาวที่ทำให้ช้ำใจ โดยไม่นึกเลยว่าตนเองก็มีส่วนทำให้อรนลินเป็นแบบนี้

มือเล็กพยายามทุบอกหนาเพื่อบอกให้ปล่อย จนเขาละมือข้างหนึ่งจากใบหน้าสวยแล้วจับมือเธอรวบไว้ทั้งสองข้าง อรนลินหายใจแทบไม่ออกเมื่อถูกแย่งชิงอากาศไปจนหมด หล่อนตัดสินใจกระทุ้งเข่าไปที่กึ่งกลางชายเล่นเอาหนุ่มนักดนตรีสะดุ้งโหยง รีบออกห่างจากภรรยาอย่างรวดเร็ว

“อ้ายเกลียดพี่!” พูดใส่หน้าเขาด้วยแววตาผิดหวัง แล้ววิ่งเข้าไปในบ้านโดยผ่านกลุ่มคุณลุงที่นั่งสังสรรค์กันอยู่หน้าบ้าน

ลุงน้อยกำลังจะเรียกแต่พอเห็นท่าไม่ดีจึงปล่อย ก่อนจะมองไปยังโรงรถที่มืดสนิทแล้วเพ่งดูเงาตะคุ่ม มั่นใจว่าคงเป็นปูรณ์อย่างแน่นอน

มาอีหรอบนี้คงทะเลาะกันเหมือนเดิมนั่นแหละ

“โธ่เว้ย!” ร่างสูงที่หายจุกค่อยเดินไปยังบ้านของตนที่อยู่ใกล้กัน เตะก้อนหินระบายอารมณ์อึดอัด เหลียวมองห้องนอนของอรนลินที่เพิ่งเปิดไฟ บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้หล่อนเข้าห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ไม่รู้ว่าคืนนี้ตนจะนอนหลับหรือเปล่าเพราะคำว่าเกลียดของเธอมันตามหลอกหลอนเสียเหลือเกิน ถอนหายใจด้วยความหนัก ยกมือขึ้นยีศีรษะตัวเองไม่รู้ว่ารังแกหล่อนแบบนั้นได้อย่างไร ผีตนใดเข้าสิงถึงอาจหาญรังแกหญิงสาว

จากที่เรื่องยุ่งเหยิงอยู่แล้วเขากลับเพิ่มเชื้อไฟเข้าไปอีก ไม่นานคงโหมกระหน่ำกว่าเดิมแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel